BLISSเพิ่มทุน 5.85พันล้านหุ้น แตกพาร์จาก 1บาทเหลือ 10สต.
บอร์ดบลิส-เทล อนุมัติแตกพาร์จาก 1 บาท เหลือ 0.10 บาท พร้อมลดทุนจดทะเบียนจาก 800 ล้านบาทเหลือ 315 ล้านบาท ก่อนเพิ่มทุนอีก 585 ล้านบาท แบ่งจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 0.15 บาท ขณะที่อีก 2,265 ล้านหุ้นรองรับแปลงสภาพวอร์แรนต์ ส่วน 350 ล้านหุ้นรองรับแปลงสิทธิอีสป ขณะที่อีก 1,660 ล้านหุ้นขายแบบพีพี ระบุเพิ่มทุนหวังใช้ขยายธุรกิจในอนาคต
(ผู้จัดการรายวัน 13 ธันวาคม 2550)
IECคุมตลาดมือถือหวังแชร์53%เปิดช่องรับพันธมิตรเพิ่ม
เปิดแผนไออีซีหลังควบรวมกิจการกับบลิสเทล ตั้งเป้ากำไรขั้นต้นประมาณ 6% พร้อมลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจาก 750 ล้านบาทต่อปีเหลือประมาณ 600 ล้านบาทต่อปี พร้อมภาระดอกเบี้ยจ่ายเหลือเพียง 115 ล้านบาทต่อปี ตั้งเป้ามาร์เกตแชร์ปีหน้าอยู่ในระดับ 53% และมียอดขาย 1.5 หมื่นล้านบาท เผยบลิสเทลจะเป็นผู้ค้าปลีกโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ พร้อมดึง"ทีจีโฟน"เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตร ขณะที่"สุมิท"เปิดกว้างที่จะรับผู้ประกอบการค้าปลีกโทรศัพท์มือถือเพิ่มมากขึ้น
(ผู้จัดการรายวัน 9 สิงหาคม 2549)
บลิสเทลเล็งรุกธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า
บลิส-เทลเตรียมแตกไลน์ธุรกิจเพิ่ม สนใจธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า หลังหันมาเปิดร้านขายอุปกรณ์กีฬาแบรนด์ไนกี้ ระบุเหตุกำไรสุทธิธุรกิจมือถือต่ำ ผู้บริหารยอมรับผลกระทบการเมืองฉุดยอดมือถือเดือนมี.ค.ลด30% ลุยเปิดสาขาเพิ่มเป็น 450 สาขาภายในสิ้นปี
(ผู้จัดการรายวัน 30 มีนาคม 2549)