"จีเอ็ม" ใต้อาณาจักรเจ. ฟิล์มหมดยุค "ข้ามาคนเดียว" เสียแล้ว"
"ผมคิดว่าต่อจากนี้ไป การเข้ามาสู่วงการหนังสือคนเดียวด้วยใจรักคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
จะต้องเป็นค่าย เป็นบริษัทที่มีธุรกิจสิ่งตีพิมพ์อย่างสมบูรณ์แบบครบวงจร
เพราะต้องใช้ทุนในการผลิตและการโปรโมตหนักมาก ฉะนั้นถ้าอยู่โดดๆ เดี่ยวๆ
จะถูกกลืน" นี่คือบทสรุปในวันนี้ของปกรณ์ พงศ์วราภา ผู้อำนวยการบริษัทจีเอ็ม
เอ็นเตอร์ไพร้ส์ ผู้ผ่านประสบการณ์การทำหนังสือมายาวนานเกือบ 20 ปี
(นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2536)
"ชีวิตต้องสู้ของ 4 พี่เบิ้ม"
จากเงินออมีละเล็กละน้อยของเงินเดือนเด็กทำบล็อกและถ่ายฟิล์มทำแม่พิมพ์ในโรงพิมพ์
จึงได้รถมอเตอร์ไซด์เวสป้ามาขับขี่ พอบรรลุนิติภาวะแล้วก็เริ่มบุกบั่นสร้างกิจการแยกสีเป็นของตนเอง เวสป้าก็พลอยหมดอายุไข ด้วยเงินเก็บหอมรอบริบ 5,000 บาท จึงได้รถฮิลแมน แอดแวนเจอร์ปี 2499 มาแทน
(นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2535)
"ไฮเทคคือคำตอบของธุรกิจแยกสี"
ยักษ์ใหญ่ 4 รายในวงการแยกสีแม่พิมพ์ของไทยได้ลงทุนเป็นจำนวนหลายสิบล้านบาทเพื่อซื้อเครื่องมือไฮเทคเข้ามาช่วยงาน
การลงทุนเช่นนี้เกิดขึ้นเพราะตลาดสิ่งพิมพ์สีมีการขยายตัวสูงมาก ทำให้แต่ละบริษัทต้องหาวิธีรักษาส่วนแบ่งตลาดที่เคยมีอยู่มิให้หลุดมือไป แต่ที่สุดอาจจะเข้าตำราประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเช่นอดีต ถ้าหากไม่เตรียมเสาะหาตลาดนอกรองรับกำลังผลิต
(นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2535)