gotomanager.com - นิตยสารผู้จัดการ 360°

ภาคการผลิตของจีนชะลอตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 … ส่งสัญญาณการเติบโตที่อ่อนแรงลงในช่วงที่เหลือของปีนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า การชะลอตัวของภาคการผลิตในประเทศเอเชีย มีสาเหตุจากความอ่อนแรงของเศรษฐกิจต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดส่งออกหลักกลุ่มจี 3 ได้แก่ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่นที่ถือเป็นตลาดส่งออกสุดท้ายของประเทศเอเชียซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 60 ของการส่งออกทั้งหมด(ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, บจก. 7 กรกฎาคม 2553)

ตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนพ.ค...สะท้อนผลกระทบทางการเมืองที่จำกัด ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2553 ขึ้นเป็นร้อยละ 4.0-6.0 จากเดิมที่ร้อยละ 2.6-4.5 เพื่อสะท้อนภาพในเชิงบวกดังกล่าว อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 คงต้องจับตาปัจจัยทางการเมืองในประเทศ และความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจในกลุ่ม G-3 และจีน ที่อาจกดดันให้ภาคการส่งออกของไทยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงกว่าในช่วงครึ่งแรกของปี(ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, บจก. 1 กรกฎาคม 2553)

แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับใหม่ของมาเลเซีย...โอกาสและปัจจัยท้าทายต่อไทย แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปีฉบับที่ 10 (ปี 2553-2558) ของมาเลเซียที่มีมูลค่ากว่า 6.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ อาจจะส่งผลดีและความท้าทายต่อเศรษฐกิจไทยในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะการเปิดเสรีภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) และจะก้าวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ทางหนึ่งอาจสร้างโอกาสให้สินค้าไทยสามารถเจาะตลาดมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของไทยในภูมิภาคอาเซียนได้มากขึ้น(ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, บจก. 29 มิถุนายน 2553)

เศรษฐกิจจีนยังต้องเผชิญหลายปัจจัยลบ ...แม้คาดว่าจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่องในครึ่งหลังปี 2553 เศรษฐกิจจีนยังคงได้แรงขับเคลื่อนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 586 พันล้านหยวน ที่เริ่มในช่วงปลายปี 2551 ระยะเวลา 2 ปีที่จะสิ้นสุดในปลายปีนี้ ทำให้การบริโภคและการลงทุนในจีนยังมีแนวโน้มเติบโตต่อไปได้ แม้ว่าอาจจะชะลอลงบ้าง ขณะที่ภาคส่งออกของจีนยังน่าจะได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และญี่ปุ่นที่มีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้น(ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, บจก. 21 มิถุนายน 2553)

คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของญี่ปุ่น ... กับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภายใต้ปัจจัยท้าทายหลายด้าน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้สรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยท้าทายต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในขณะนี้ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญสำหรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ รวมไปถึงผลกระทบของปัจจัยท้าทายเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่อาจส่งผลต่อภาคส่งออกของไทย(ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, บจก. 8 มิถุนายน 2553)

เศรษฐกิจสหรัฐฯอาจเผชิญปัจจัยเสี่ยงหากปัญหาหนี้สินในยุโรปยืดเยื้อและรุนแรงมากขึ้น....กดดันการส่งออกของไทยไปตลาดสหรัฐฯ ปัญหาหนี้สินในยุโรปที่อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐฯถือเป็นปัจจัยท้าทายต่อภาคส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ดังนั้นการเร่งขยายตลาดการค้าไปยังตลาดใหม่นอกเหนือจากสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ โดยเฉพาะตลาดใหม่ในเอเชียที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วและไทยมีข้อตกลงเขตการค้าเสรี(FTA)(ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, บจก. 3 มิถุนายน 2553)

ตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนเม.ย...เริ่มสะท้อนผลกระทบจากปัญหาการเมือง ปัจจัยที่ต้องติดตามในระยะถัดไปก็คือ ประสิทธิผลของมาตรการเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบทางการเมือง และความพยายามในการเร่งพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของภาคเอกชน รวมถึงการกระจายตัวของวิกฤตหนี้ภาครัฐของบางประเทศในยูโรโซน และภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ที่อาจส่งผลกระทบต่อเส้นทางการขยายตัวของการส่งออกของไทยในระยะถัดๆ ไป(ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, บจก. 3 มิถุนายน 2553)

เหตุการณ์ 19 พ.ค. อาจฉุดจีดีพีไตรมาส 2 หดตัวกว่า 5% จากไตรมาสแรก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาได้สร้างความสูญเสียต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2553 แล้ว คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 138,000 ล้านบาท ในขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม โดยอาจจะยังส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปี(ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, บจก. 25 พฤษภาคม 2553)

เบเคอร์ ทิลลี่ คาดวิกฤติเศรษฐกิจโลกไม่กระเตื้องครึ่งปีหลัง เบเคอร์ ทิลลี่ เปิดตัวรายงานวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดโลกปี 2553 ซึ่งระบุว่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกจะยังคงมีอยู่ต่อไปและครึ่งแรกของปี 2553 เป็นเพียงช่วงพักหรือที่เรียกว่า “ดวงตาของพายุ” เท่านั้น(มิลาน ครอส พาร์ทเนอร์ส, บจก. 25 พฤษภาคม 2553)

ความท้าทายรัฐบาลใหม่อังกฤษ ... ภายใต้ปัญหาทางเศรษฐกิจหลายด้านปี 2553 รัฐบาลใหม่ของอังกฤษต้องเผชิญกับการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจหลายๆ ด้าน แม้ว่าเศรษฐกิจอังกฤษได้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยมาในช่วงปลายปี 2552 แล้ว ปัญหาสำคัญที่เร่งด่วน ได้แก่ การลดการขาดดุลการคลังที่อยู่ในระดับสูงเกือบร้อยละ 12 ต่อจีดีพี สูงที่สุดในบรรดากลุ่มประเทศจี 7 ซึ่งทำให้รัฐบาลใหม่ต้องวางแผนลดรายจ่ายและเพิ่มภาษีเพื่อรักษาฐานะการคลัง(ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, บจก. 24 พฤษภาคม 2553)