มงคล กาญจนพาสน์
ตลอด 20 ปีของนิตยสารผู้จัดการ ได้บันทึกประวัติศาสตร์ชีวิตธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลอย่าง
"อึ้ง จือ เม้ง" หรือ "มงคล กาญจนพาสน์" และลูกๆ ไว้ตลอดในแต่ละความเคลื่อนไหวที่สำคัญของเขา
นับจากครั้งแรกในนิตยสารผู้จัดการ ฉบับที่ 2, 9 และ ฉบับที่ 21 เดือนพฤษภาคม
2528 ในเรื่องปก "ศึกชิงสำนักน่ำไฮ้"
(นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2546)
รวมศรีนคร-นครหลวงไทย เพื่อขยาย-ขายธุรกิจ
ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นมา ชื่อของธนาคารศรีนคร ได้หายไปจากสารบบของธนาคารพาณิชย์ไทย
จากการตัดสินใจของทางการ โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ยุบไปรวมกับธนาคารนครหลวงไทย
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาของระบบธนาคารพาณิชย์ให้เสร็จสิ้นลงไป เพราะตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤติทางการเงินเมื่อเกือบ
5 ปีก่อน ในระบบธนาคารพาณิชย์ ยังเหลืออยู่อีกเพียง 2 แห่งคือ ศรีนคร และนครหลวงไทยเท่านั้น
ที่ยังมีปัญหาอยู่
(นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2545)
4 ขุนพลใหม่แบงก์นครหลวงไทย
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เริ่มเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารนครหลวงไทย
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
(นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2544)
จุดขายใหม่ แบงก์นครหลวงไทย
หลังเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธนาคารนครหลวง ไทย คนใหม่ได้เพียงไม่กี่วัน
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ก็ได้ประกาศนโยบายอย่างชัดเจนออกมาเลยว่า เขาจะปรับบทบาทของธนาคารในช่วงนับจากนี้เป็นต้นไป
ให้เน้นการทำธุรกิจรีเทล แบงกิ้ง เป็นจุดขายหลัก
(นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2544)
จุดจบแบงเกอร์ไทย โฉมใหม่อุตสาหกรรมธนาคาร
14 สิงหาคม เป็นวันที่หลายคนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ แม้จะมีข้าวแพลมออกมาเป็นระยะๆ
เกี่ยวกับมาตรการแก้ไขปัญหาของสถาบันการเงินที่ไม่สามารถเพิ่มทุนได้ด้วยตัวเอง
และแนวทางการดำเนินการธนาคาร 4 แห่ง ที่รัฐบาลประกาศเข้ายึดอำนาจการบริหารและการถือหุ้นเมื่อ
23 ม.ค. (ธ.ศรีนคร) และ 6 ก.พ. 2541 (ธ.นครหลวงไทย, ธ.มหานคร และ ธ.กรุงเทพฯ
พาณิชย์การ) แต่ปฏิบัติการจริงๆ เริ่มได้หลังเจรจาปรึกษากับเจ้าที่ไอเอ็มเอฟและเอดีบี
- เจ้าของเงินกู้รายใหญ่ของประเทศไทยตอนนี้
(นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2541)
"บลจ. ใหม่ค่ายแบงก์นครหลวง มั่นใจเต็มร้อยเปิดกองทุนหุ้น"
ระยะ 1-2 ปีให้หลังมานี้ บรรดาบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)
ทั้งหลายต่างหันมาให้ความสนใจออกกองทุนตราสารหนี้กันอย่างคึกคัก เนื่องจากภาวะตลาดหลักทรัพย์ไม่เอื้ออำนวย
แต่ตลาดตราสารหนี้ยังมีอนาคต ยังพอทำตลาดได้อยู่ โดยเฉพาะในหมู่นักลงทุนสถาบัน
(นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2540)
การฟื้นตัวของนครหลวงไทยฝีมือหรือทางการช่วยกันแน่
ธนาคารนครหลวงไทยประสบปัญหาวิกฤตจนถูกแบงก์ชาติสั่งลดทุนให้เหลือเพียงหุ้นละ
5 บาท แม้กระนั้นก็ยังขาดทุนสะสมอยู่ถึง 1,000 กว่าล้านบาท ดร.สม จาตุศรีพิทักษ์
ซึ่งแบงก์ชาติขอให้เข้ามาช่วยกู้เรือลำนี้ใช้เวลาเพียง 3 ปีมีตัวเลขกำไรสะสมถึง
132 ล้านบาท
(นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2533)
"ดร. สม จาตุศรีพิทักษ์ "นกบินสูงได้เอง…อาจไม่มีลมส่ง?"
ต้องนับว่าเป็นความกล้าหาญของ ดร. สม จาตุศรีพิทักษ์ ที่เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารนครหลวงไทย
เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2530 ยอมทิ้งตำแหน่งกรรมการรองผู้จัดการเบอร์ลี่ยุคเกอร์
ทั้งที่ถ้าอยู่ต่อไปโอกาสที่จะได้เป็นหมายเลขหนึ่งของที่นี่ก็อยู่ไม่ไกล
(นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2531)
แบงก์นครหลวงไทยเริ่มลงตัวแล้ว
รายงานข่าวการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2530 ซึ่งมีผู้ถือหุ้นเข้าประชุมกว่า
200 คนเพื่อเลือกคณะกรรมการและกรรมการบริหารของธนาคารนั้น เห็นได้ชัดว่า
กลุ่มตระกูลมหาดำรงค์กุล ที่ว่ายอมปล่อยมือ เพื่อธนาคารจะได้ไม่เจ๊งนั้น
ที่แท้จริงแล้วเป็นการวางมืออย่างเสียไม่ได้เท่านั้นเอง
(นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2530)
"นายแบงก์คนใหม่ ชื่อ "เสี่ยเล้ง"?มังกรโดดเดี่ยวที่อยากเป็นสุภาพบุรุษ"
ในบรรดาผู้ถูกกล่าวอ้างว่าได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคารนครหลวงไทยยุคยกเครื่องนั้นชื่อ
เจริญ พัฒนดำรงจิตร์ ออกจะสร้างความแปลกใจแก่หลาย ๆ คนเป็นอย่างมากว่าคนผู้นี้เป็นใครมาจากไหน
มีประวัติความเป็นมาอย่างไร จึงหาญกล้าตีปีกเข้าประกบและอาจดูโดดเด่นกว่าเจ้าสัวบางคนเสียอีก
(นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2530)