บรรหาร ศิลปอาชาอดีตนายกฯ ที่ใช้มือการเงินเปลืองที่สุด
บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 รับหน้าที่บริหารประเทศตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2538 เวลาผ่านพ้นมาเป็นเพียงเวลาปีเศษเท่านั้น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าตั้งแต่บรรหารเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น เขาได้ใช้มือดีทางการเงินมาแล้วถึง 4 คน ในระยะเวลาอันสั้นหลังจากที่ได้รับตำแหน่ง ที่คนเหล่านั้น ได้ถูกปลด บีบบังคับ และเก็บกดจนต้องลาออกไปเองและบทสรุปที่ทุกคนได้รับนั้นล้วนไม่สวยงาม
(นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2539)
"วิจิตร-เอกกมล" ถอยหลังเป็นหกล้ม!
เพื่อนร่วมอาชีพท่านหนึ่งได้เขียนถึงผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย วิจิตร
สุพินิจอย่างเห็นอกเห็นใจว่า ถูกรุมกระทืบในกรณีที่สั่งปลดเอกกมล คีรีวัฒน์ออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าการแบงก์ชาติ
ทันทีทันควันที่ถูกสั่งปลดจากเลขาธิการ ก.ล.ต. โดยสุรเกียรติ์ เสถียรไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
(นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2539)
วิจิตร สุพินิจ
ผู้ว่าวิจิตรกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ในสายตาคนภายนอก เขาและแบงก์ชาติกำลังประสบกับ
"วิกฤตศรัทธา" ขณะที่จากคนภายในเองก็อยู่ในภาวะระแวงอันเนื่องมาจากการที่ผู้ว่าวิจิตรดึงการเมืองเข้ามามีบทบาทในแบงก์ชาติมากเกินไป
(นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2539)
วิจิตรจ้างเอกชนบริหารทุนสำรอง
วิจิตร สุพินิจ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ เป็นคนหนุ่มไฟแรงมีความคิดอ่านหลักแหลมทันสมัย
หลังจากดำเนินมาตรการผ่อนคลายการปริวรรตเงินตราที่เกิดจากธุรกรรมทางการค้าและการลงทุนแล้ว
เขาก็ได้ริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นกับการส่งเสริมเปิดทางให้ตลาดการเงินภายในประเทศมีการแข่งขันมากขึ้น
(นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2534)
บุคลิกใหม่ของแบงก์ชาติ
หลังจากที่วิจิตร สุพินิจ เป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติได้ไม่นาน เขาก็มีนโยบายปรับปรุงระบบการบริหารทุนสำรองทางการที่มีอยู่ประมาณ 14 พันล้านดอลลาร์เพื่อความมั่นคง มีสภาพคล่องสูง และมีผลตอบแทนดี การลงทุนพัฒนาระบบ
38 ล้านบาท ขั้นแรกเพียงหวังเพื่อให้ทราบข้อมูลการเปลี่ยนแปลงตลาดการเงินและตลาดทุนที่รวดเร็วขึ้น
(นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2534)