ปิ่น จักกะพาก อีกเป็นปี กว่าเขาจะกลับมาขึ้นศาลในไทย
7 มีนาคม 2544 ศาลโบว์สตรีท ประเทศอังกฤษ ได้มีคำพิพากษาให้ ส่งตัวปิ่น
จักกะพาก อดีตกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทเงินทุนเอกธนกิจ ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์
ความเสียหายมูลค่า 1,766 ล้านบาท เป็นผู้ร้ายข้ามแดน กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
คำพิพากษาดังกล่าว ถือเป็นความคืบหน้าในความพยายามนำตัวปิ่น กลับประเทศ ของสำนักงานอัยการสูงสุด
ในระดับหนึ่ง
(นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2544)
ปิ่น จักกะพาก เริ่มจากหนึ่งกลายเป็นศูนย์
ปิ่น จักกะพาก เคยเป็นฮีโร่ในยุคเศรษฐกิจบูม
แต่วันนี้เขากำลังเผชิญกับกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ปิ่นบอกเขาเป็นเพียงแพะรับบาป
เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
(นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2543)
แพะรับบาปของประเทศไทย?
ในท้ายที่สุดแล้ว กรณีของปิ่นจะเป็นกรณีที่ประเทศไทยจะ ต้องหาคำตอบว่าใครหรืออะไรกันแน่ที่เป็นต้นตอของวิกฤติการณ์ทางการเงิน ที่ลุกลามอย่างรวดเร็วไปทั่วเอเชียเมื่อปี 1997 ในสายตาของอัยการแล้ว ปิ่นคือตัวการสำคัญรายหนึ่ง และเป็นที่รู้กันดีว่าเขาเป็นหนึ่ งในนักธุรกิจที่กรูกันแสวงหาโชคก้อนโตจากกองทุนต่างชาติที่แห่เข้ามาในตลาดเอเชียช่วงทศวรรษ 1980
(นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2543)
"TDB+FIN1 ต้องอย่างนี้จึงจะรอด?"
การรวมกิจการระหว่างธนาคารไทยทนุ (TDB) และบริษัทเงินทุน เอกธนกิจ (Fin1)
เพื่อเกิดเป็นธนาคารไทยทนุ ในสูตรการ MERGE แบบ A+B=C ที่มีฐานสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากเดิม
119,598 ล้านบาท เพิ่มเป็นขนาด 190,000 ล้านบาทนั้น ถือเป็นก้าวการเติบโตที่สำคัญที่สุดของธนาคารที่มีอายุครบ
48 ปีเต็มในเดือนเมษายนนี้ ดีลนี้ต้องถือว่า TDB รับประโยชน์ไปเนื้อ ๆ เพราะดีลเกิดในจังหวะที่ดี
เงื่อนไขอย่างด ี และมีข้อต่อรองที่ดี
(นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2540)
"S-ONE ควบ FAS ดีลแรกของกลุ่มปิ่นที่ยึดแนวคิด "รวมกันเราอยู่"
3 เม.ย. 39 กลุ่มเอกธนกิจได้ทำให้คนในแวดวงธุรกิจไฟแนนต์ตื่นตะลึงด้วยการประกาศรวมกิจการระหว่าง
S-ONE กับ FAS ตามนโยบายการลดต้นทุนการดำเนินงานของ "ปิ่น จักกะพาส"
ด้วยระยะเวลาห่างกันไม่ถึงปี กลุ่มปิ่นก็ช็อกวงการด้วยข่าวการรวมกิจการระหว่าง
บง. เอกธนกิจกับธนาคารไทยทนุภายใต้คำสั่งฟ้าผ่าจากแบงก์ชาติและกระทรวงการคลัง
เนื่องด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัวได้ในเร็ววัน
(นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2540)
เอกธนกิจกับข่าวลือทั้งขาขึ้นขาลง
ตลาดหลักทรัพย์ของไทย หากปราศจากซึ่งข่าวลือแล้วนักลงทุนไทย ๆ คงหายกันไปอีกเยอะ
ด้วยสาเหตุง่าย ๆ คือ นักเล่นหุ้นบ้านเรานิยมเล่นกับราคาหุ้นในแต่ละวัน โดยซื้อหุ้นไปตามข่าวลือ
มุ่งหวังจะทำกำไรมาก ๆ เพียงชั่วข้ามวัน และลืมประสบการณ์การขาดทุนที่ผ่านมาครั้งแล้วครั้งเล่า
(นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2540)
"ปิ่น จักกะพาก โลกสีเงินที่กำลังสดใส"
ความสำเร็จของ "ปิ่น จักกะพาก" ในวันนี้คืออะไร? ว่ากันว่าที่สำคัญคือ "ความรู้" ทางการเงินที่เขามีประสบการณ์จากต่างประเทศและสามารถนำมาปรับใช้ได้อย่างเป็นประโยชน์ ขณะที่หลายคนมองว่าเขาเป็น "พ่อมดการเงิน" ที่เล่นเกมการเงินอย่างซับซ้อนเท่านั้น แต่อีกด้านหนึ่งมองว่าเขาเป็นคนรุ่นใหม่เพียงคนเดียวที่กล้าแกร่งพอจะทลายการผูกขาดของสถาบันเก่าแก่ทั้งหลาย
(นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2539)
"ปิ่น - สุระจันทร์ เทกโอเวอร์เหมือนกัน แต่ตอนจบต่างกัน"
"ราชาแห่งการเทกโอเวอร์ของเมืองไทย" ฉายาของปิ่น จักกะพากที่นิตยสารฟอร์จูนประจำเดือนพฤศจิกายน
2536 ตั้งชื่อให้เมื่อเทียบปิ่น จักกะพาก กับสุระจันทร์ จันทร์ศรีชวาลา (เดิมชื่อสุระ
แต่ภายหลังได้ต่อท้ายชื่อเก่าด้วยคำว่า "จันทร์" ซึ่งเป็นชื่อพี่ชายผู้มีพระคุณ)
ทั้งสองมีภาพพจน์เหมือนกันคือเป็นนักเทกโอเวอร์ตัวยงผู้มองเห็นโอกาสช่องทางธุรกิจก่อน
แล้วเดินหมากเกมการเงินรุกฆาตคู่แข่งได้เหนือเมฆ
(นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2539)