ตลาดหุ้นไทยซบ หลังข่าวการตรวจสอบปั่นหุ้นยังไม่คลี่คลาย มูลค่าการซื้อขายลดลงจากสัปดาห์ก่อน
50% นายกรัฐมนตรี แจงให้อำนาจก.ล.ต.-ตลาด เต็มที่ เพื่อเอาผิดกับผู้ปั่นหุ้น ขณะที่
"โภคิน พลกุล" เชื่อตลาดหุ้นจะปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ ของประเทศ
แม้ช่วงแรกจะต้องปรับตัวกับมาตรการวางเงินประกัน 10% ที่เริ่ม 1 ธ.ค.นี้ ด้าน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ส่งทีมสศก. ประสาน
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย วานนี้ (25 พ.ย.) ตลาดหุ้นไทย
มีความผันผวน และมูลค่าซื้อขายเข้ามาไม่มากนัก โดยดัชนีปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่
613.82 จุด ต่ำสุด 604.30 จุด ก่อนที่จะปิดการซื้อขายที่ระดับ 605.03 จุด ลดลงจากวันก่อน
0.26 จุด หรือคิดเป็น 0.04% และมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 1.48 หมื่นล้านบาท
โดยมีนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 11.95 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 152.99
ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 164.94 ล้านบาท
การที่ตลาดหุ้นไทยยังซบเซานั้น ยังคงได้รับผลกระทบจากข่าวเกี่ยวกับการตรวจสอบนักลงทุนที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายปั่นหุ้น
ส่งผลให้ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงและแกว่งตัวขึ้นลงอย่างผันผวน รวมทั้งทำให้วอลุ่มการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ซบเซา
หรือลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าถึง 50% ที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณวันละ
3 หมื่นล้านบาท
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตรวจสอบนักลงทุนที่เข้าข่ายปั่นหุ้น
ว่าขณะนี้ได้ติดตามสถานการณ์ของตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิด แต่คงไม่เข้าไปยุ่ง เพราะได้มอบหมายให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ
และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทำงานกันอย่างเต็มที่
ส่วนกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับการปั่นหุ้น ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องประมาณ
2-9 ราย และโบรกเกอร์อีก 4-5 รายนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวต้องดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย
โดยไม่ต้องรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ
ด้านนายโภคิน พลกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นที่เงียบเหงาขณะนี้ เกิดจากการที่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นออกมาเพื่อปรับพอร์ตการลงทุน
ขณะเดียวกันนักลงทุนบางกลุ่มมีการปรับฐานะการลงทุน หลังจากที่ทางการออกตรวจสอบการปั่นหุ้นและการตรวจสอบพฤติกรรมการปั่นหุ้น
"การลงทุนในตลาดหุ้นไม่ควรดูสถานการณ์เพียง 2-3 วัน แต่จะต้องดูระยะยาว
และพื้นฐานเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ก็ยังดีอยู่ ความเชื่อมั่นต่างๆ เกี่ยวกับเศรษฐกิจดีขึ้น
และเมื่อมีมาตรการจัดการกับคนที่ทำไม่ถูกต้อง จึงเชื่อว่าตลาดน่าที่จะกลับมาดีขึ้นในที่สุด"
สำหรับความคืบหน้ามาตรการการวางหลักประกันร้อยละ 10 สำหรับการซื้อขายแบบหักกลบลบหนี้ภายในวันเดียว
(เน็ตเซตเทิลเมนต์) นาย โภคิน กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รองนายกรัฐมนตรี เห็นว่าระยะ แรก จะใช้หลักเกณฑ์การวางหลักประกันเพียง ร้อยละ 10
โดยจะเริ่มดำเนินตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ ถึง 31 มีนาคม 2547
ส่วนปัญหาที่มีนักลงทุนบางส่วนเข้ามาปั่นหุ้น จนส่งผลกระทบต่อตลาดโดยรวม รองนายกรัฐมนตรี
กล่าวว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องดำเนินการเป็นรายๆ ไป แต่อย่าให้กระทบต่อ นักลงทุนที่ดี
ซึ่งหากมีมาตรการชัดเจนจะแก้ปัญหานี้ได้ และต่อไปหากตลาดหุ้นเข้าสู่ภาวะปกติอาจ
ไม่ต้องนำการจัดเก็บเงินประกันล่วงหน้า ร้อยละ 25 มาใช้ก็ได้
ตำรวจส่งทีม"สศก."ร่วมสอบ
ด้านความคืบหน้าการติดตามและตรวจสอบพฤติกรรมของนักลงทุนที่เข้าข่ายปั่นหุ้นนั้น
วานนี้ (25 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
(ผบช.ก.) เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีเศรษฐกิจ ประกอบด้วย พล.ต.ต. เอกรัตน์
มีปรีชา ผู้ช่วย ผบช.ก. พล.ต.ต.สุชาติ กาญจนวิเศษ ผบก.สศก. และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ
(สศก.) เพื่อวางมาตรการติดตามและตรวจสอบพฤติกรรมการ ปั่นหุ้นและจับกุมดำเนินคดีนักปั่นหุ้น
ตามที่ สำนักงาน ก.ล.ต. ระบุพบมีผู้ที่ดำเนินการปั่นหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์
พล.ต.ท.วงกต กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมีหน้าที่ต้องสืบสวนติดตามและดำเนินการจับกุมตามขั้นตอนของกฎหมาย
ซึ่งกรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลมาเป็นระยะแล้ว หากพบว่ามีผู้กระทำผิด
ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน โบรกเกอร์ หรือบริษัท จดทะเบียน ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ที่ผ่านมา การดำเนินคดีลักษณะนี้จะใช้ เวลานาน เพราะเมื่อก.ล.ต.ตรวจสอบกับตลาด
หลักทรัพย์ฯ ใช้เวลากว่า 3 ปี แล้วส่งเอกสารจำนวนมากเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษมาให้ตำรวจ
สศก. ต้องมาค้นอีก 2 ปี กว่าจะดำเนินคดีแจ้งความได้ศาลก็ยกฟ้องหมด เพราะพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคลหรือพยานวัตถุต่างๆ
ถูกทำลายหมด พยานบุคคลก็ถูกจ้างให้หลบหนีไป
"หลังจากนี้ ตำรวจ สศก. ในมิติใหม่ ขอให้ความสบายใจต่อนักลงทุนว่าจะติดตามผู้กระทำความผิดเหล่านี้อย่างใกล้ชิด
ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ โดยจะทำให้เหมือนตำรวจสากลทั่วไปทำกัน คือ มีการติดตามตลอดตั้งแต่เริ่มต้นร่วมกับก.ล.ต.
และตลาดหลักทรัพย์ฯ ถ้ามีหลักฐานกระทำผิดเกี่ยวกับเรื่องอะไรเมื่อใดก็จับกุมดำเนินการทันที"
"สศก.ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้มากนัก เพราะไม่ต้องการให้เกิดความตื่นตระหนก
แต่ขอ ให้มั่นใจว่า วิธีการจะเป็นสากลคุ้มครองนักลงทุน ผู้สุจริต ปัญหาความล่าช้า
ปัญหาคนกระทำผิดแล้วไม่ถูกลงโทษจะหมดไป" พล.ต.ท.วงกต กล่าว
ตลาดหุ้นปีนี้หลุด700จุด
นายชาญชัย กุลถาวรากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ไอบี กล่าวว่า
ผลกระทบจากการที่มีข่าวการตรวจสอบพฤติกรรมการสร้างราคาหุ้นของนักลงทุนส่งผลให้ภาพรวมตลาดมีความผันผวนและนักลงทุนจึงพากันเทขายหุ้น
รวมทั้งรอมาตรการเรียกหลักประกันในการซื้อขายแบบ Net Settlement ให้มีความชัดเจน
จึงชะลอการลงทุนในระยะนี้
นอกจากนี้ ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยภายในสิ้นปีนี้ จะไม่สามารถปรับตัวขึ้นไปยืนที่ระดับ
700 จุดตามที่เคยมีการคาดการณ์ไว้ และเชื่อว่าระดับที่ 600 จุด มีค่าพีอีเรโชอยู่ที่ระดับ
12-13 เท่า เป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยในขณะนี้
อันเดอร์ไรต์รับหุ้น"บินไทย"เข้าพอร์ต คาดเทรดวันแรกเหนือจอง5-10%
นายภูมิใจ ขำภโต ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวย การ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์
บัวหลวง ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและ รับประกันการจำหน่ายหุ้นบริษัท การบินไทย
จำกัด (มหาชน) หรือ THAI กล่าวว่า การเสนอขายหุ้นการบินไทยในส่วนที่กระทรวงการคลังถืออยู่ให้กับประชาชนทั่วไปได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อยไม่สูง
แต่ก็สามารถจำหน่ายได้ทั้งจำนวน
โดยมีการจัดสรรให้นักลงทุนรายย่อยรอบแรก แล้วไม่หมด มีส่วนที่เหลือบางส่วนที่ต้องจัดสรรให้รอบสองที่ต้องการซื้อเพิ่ม
ทำให้สามารถจำหน่ายได้ทั้งหมด และมีอันเดอร์ไรต์บางรายที่ต้องรับเข้าพอร์ตบ้างส่วน
"สาเหตุที่การขายหุ้นไม่ร้อนแรง เพราะในช่วงที่เสนอขายภาพรวมตลาดมีการอ่อนตัวจากปัจจัยภายนอกประเทศ
บวกกับราคาเสนอขายที่หุ้นละ 50 บาท ใกล้เคียงกับราคาในกระดานที่เคลื่อนไหวอยู่ประมาณ
50-51 บาท ทำให้นักลงทุนรายย่อยไม่ต้องการเข้าไปซื้อ เพราะจะได้อัตราผลตอบแทนที่อยู่ในระดับไม่สูงมาก"
สำหรับการจัดสรรให้กับนักลงทุนสถาบันที่ผ่านมาได้รับความสนใจสูง ซึ่งบริษัทได้จัดสรรให้นักลงทุนต่างชาติประมาณ
200 ล้านหุ้น ก็ได้รับความสนใจดี ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศจำนวน 60 ล้านหุ้นก็สามารถจำหน่ายได้ทั้งหมดเช่นกัน
นายภูมิใจ กล่าวว่า หุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งนี้ จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2546 และคาดว่าอัตราผลตอบแทนอาจจะไม่สูงเหมือนกับหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก
(IPO) ที่อยู่ในระดับ 30-50% ขึ้นไป เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีราคาอ้างอิงในกระดานและการตั้งราคาก็ไม่ควรต่ำเกินเกณฑ์ที่กำหนด
จึงคาดว่าอัตราผลตอบแทนที่ได้รับน่าจะอยู่ที่ระดับ 5-10% ของราคาจองซื้อ