ระดมสมองเสริมสร้าง"ตลาดทุน"


ผู้จัดการรายวัน(21 พฤศจิกายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เร่งสร้างเสถียรภาพ เพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน แม้ตลาดหุ้น ยังร้อนแรง ระบุตลาดหุ้นไทยยังน่า ลงทุนเมื่อเทียบกับภูมิภาค ขณะที่กระทรวงการคลังเตรียมแก้กฎหมาย ตราสารหนี้และตราสารทุน เพื่อความเป็นธรรมและพัฒนาตลาดทุน-ตลาดเงิน

วานนี้ (20 พ.ย.46) บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ไอเอฟซีที) ร่วมกับบริษัท ไอเอฟซีที แอดไวเซอรี่ จำกัด จัดงานเสวนา "เรื่องยุทธศาสตร์ชาติกับตลาดทุนไทย" โดยมีนาย สมหมาย ภาษี รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธาน กรรมการ ไอเอฟซีที เป็นประธานกล่าวเปิดงาน

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลัก- ทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจัยภายนอกทุกปัจจัยเป็นตัวผลักดันให้เกิดการ ลงทุนในหลักทรัพย์ฯ ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง พิจารณาได้จากการขยายตัวของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ร้อนแรงในปัจจุบัน ซึ่งเกิดจากความสามารถในการทำ กำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ทางตลาดหลักทรัพย์ต้องพยายามผลักดันตัวเองให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น โดยการสร้างความเชื่อถือให้กับนักลงทุนมีเสถียรภาพ และสภาพคล่อง ในการชื้อขาย รวมทั้งการจัดการด้านทุนในการซื้อขายในระดับต่ำ

"ตลาดหุ้นไทยยังเป็นตลาดที่น่าลงทุน หาก เทียบกับตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาค ดูได้จาก ราคา หุ้นยังอยู่ในระดับที่ต่ำอยู่"

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ว่า กระทรวงการคลังเตรียมแก้ไขกฎหมาย เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีตราสารหนี้และตราสารทุนให้มีความเป็นกลางมากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันเอื้อต่อการระดมทุนในตลาดตราสารทุนมากกว่าตลาดตราสารหนี้ ซึ่งทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม และมีการจัดเก็บภาษีที่ซ้ำซ้อน

"เราต้องการสร้างความเป็นธรรม ระหว่างผู้ออกตราสารและผู้ซื้อตราสารจึงจำเป็นต้องรื้อกฎหมายภาษีใหม่ แต่เรื่องการเข้าไปแทรกแซงในตลาดตราสาร จะเข้าไปเต็มตัวไม่ได้ ทำได้เพียง การสร้างบรรยายกาศของการลงทุนเท่านั้น" นายพงษ์ภาณุ กล่าว

นอกจากนี้ ภาครัฐบาลยังให้ความสนใจที่จะพัฒนาตลาดตราสารทุนในอนาคตมากขึ้น เพื่อรองรับกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มมากขึ้น เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ฯลฯ

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการสายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ริล ลินซ์ ภัทร จำกัด มหาชน กล่าวว่า การที่ภาครัฐบาลหันมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน จะมีส่วนช่วยให้ภาคเอกชนหันมาลงทุนในกิจการต่างๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีส่วนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างยังยืน แต่ปัจจัยชี้วัด คือการที่ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่องทำให้มีกำลังซื้อส่วนเกินเพิ่มขึ้น ซึ่งตรงนี้ภาครัฐจะจัดการให้เป็นประโยชน์อย่างไร

ด้านความเคลื่อนไหวและทิศทางของอัตรา ดอกเบี้ยภายในประเทศนั้น นายศุภวุฒิ กล่าวว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะมีการปรับตัวเพิ่ม ขึ้น สังเกตได้จากประเทศออสเตรเลียและอังกฤษ มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แต่แนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐจะลดต่ำลงอีก เนื่องจากสหรัฐฯ จะต้องทำงบประมาณขาดดุล



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.