วายุภักษ์เข้าตลาดฯก.พ.คุยผลตอบแทนปีนี้7%


ผู้จัดการรายวัน(21 พฤศจิกายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

กองทุนวายุภักษ์ จะเร่งนำหน่วยลงทุนเข้าซื้อขายใน ตลาดหลักทรัพย์ภายในปลาย ก.พ. 47 จากเดิมที่กำหนดจะเริ่มซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์ 3 ปีข้างหน้า เนื่องจากต้องการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ถือหน่วย วายุภักษ์ขายหมด "นิพัทธ" เผยรายย่อยน้อยกว่าเป้า หมายแต่มากที่สุดเมื่อเทียบกองทุน อื่นในไทย ระบุผลตอบแทนสูงกว่า พันธบัตร สามารถขายได้ในตลาด รอง ชี้ปีนี้ได้ผลตอบแทนกว่า 7%

นายนิพัทธ พุกกะณสุต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าการเปิดจำหน่าย หน่วยลงทุนวายุภักษ์ ขณะนี้ขายหน่วยลงทุนได้ครบ 70,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย คิดเป็นนักลงทุน ที่จองซื้อหน่วยลงทุนทั้งหมด 33,000 ราย แบ่งเป็น รายย่อยที่จอง ต่ำกว่า 200,000 บาท กว่า 30,000 ราย รายใหญ่ 3,000 ราย โดยบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จะจัดสรรและเรียกชำระเงินภายใน 24 พ.ย.นี้ แต่ผู้สนใจจะซื้อ หน่วยลงทุนวายุภักษ์อีก ก็สามารถ ซื้อขายในตลาดรองได้อีกไม่เกิน 3 เดือนข้างหน้า

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนวายุภักษ์ที่เป็นรายใหญ่ ประเภทสถาบัน มูลนิธิ เป็นเงินประมาณ 35,000 ล้านบาท ที่เหลือ อีกประมาณ 15,000 ล้านบาท เป็น การลงทุนของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นการลงทุนประเภทหนึ่งที่ผลตอบแทนสูง หรือธนาคารพาณิชย์สามารถขายต่อให้ลูกค้าก็ได้

นายนิพัทธ กล่าวอีกว่าแม้การซื้อของรายย่อยยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ภาพรวมการขายกองทุนวายุภักษ์ ก็ประสบความสำเร็จ ปัญหาที่ทำให้การเสนอขายหน่วยลงทุนดังกล่าวไม่เป็นไปตามเป้าหมายตอนแรก เนื่องจากแผนจัดจำหน่ายช่วงแรก เล็งกลุ่มรายย่อยมากเกินไป เพราะกระทรวงการคลังประเมินจากโครงสร้างผู้ฝากเงินในระบบ

นอกจากนี้ การขายกองทุนฯ ดังกล่าวยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับประชาชนโดยทั่วไปได้ชัดเจน ส่งผลนักลงทุนรายย่อยมีความเข้าใจคาดเคลื่อนเกี่ยวกับกองทุนฯ นี้ โดยเฉพาะเรื่อง จ่ายเงินปันผล ที่ยังเข้าใจว่าจะจ่ายอีก 10 ปีข้างหน้า และสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ในตลาด รอง รวมถึงการค้ำประกันเงินต้น ดังนั้นข้อผิดพลาดต้องแก้ไขต่อไป

แถมแผนประชาสัมพันธ์ผิดพลาด โดยมุ่งโรดโชว์ตามหัวเมืองใหญ่ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึง กลุ่มผู้ซื้อได้อย่างกว้างขวาง โดยทางปฏิบัติต้องโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ วิทยุ หรือแม้กระทั่งสื่อสิ่งพิมพ์อย่างกว้างขวาง

การที่ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นคึกคัก และเศรษฐกิจไทยขยายตัวดีขึ้น ทำให้หลายฝ่าย ประเมินว่า ผลตอบแทนกองทุนวายุภักษ์อาจน้อยเกินไป รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ย แนวโน้มสูงขึ้น

"ในช่วงแรกประชาชนยังไม่มีความเข้าใจ คิดว่าเป็นลักษณะของพันธบัตรรัฐบาล จะได้ผลตอบแทนครั้งเดียวอีก 10 ปีข้างหน้า ในอัตรา เพียง 3% แต่เมื่อเริ่มเข้าใจว่า ผลตอบแทนได้อย่างต่ำ 3% และหากการลงทุนได้กำไร ก็จะกลับมาเป็นผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยลงทุนอีก โดยประเมินคร่าวๆ ปีนี้ ผู้ถือหน่วยจะได้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 7%Ž" นายนิพัทธกล่าว

อย่างไรก็ตาม การซื้อหน่วยลงทุนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จึงแจ้งธนาคารที่รับไปจัดจำหน่ายช่วยเหลือให้ประชาชนที่ต้องการถือหน่วยลงทุนอนาคต สามารถซื้อได้ในตลาดรอง เขากล่าวว่าการขยายหน่วยลงทุนให้รายย่อยครั้งนี้ ถือเป็นการระดมทุนจากนักลงทุนรายย่อยครั้งใหญ่ที่สุด เพราะที่ผ่านมาระดมทุนครั้งละไม่เกิน 1,000 ล้านบาท

ทางด้านนางประภา บูรณโชติ ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บลจ.กรุงไทย ในฐานะผู้ร่วมบริหารกองทุนวายุภักษ์ กล่าววานนี้ (20 พ.ย.) ว่าวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ผู้บริหารกองทุนวายุภักษ์จะนำเอกสารยื่นสำนักงาน ก.ล.ต.เพื่อขอตั้งกองทุนเป็นทางการ และนำเงินที่ได้จากการระดมทุนให้กระทรวงการคลังทันที

หน่วยลงทุนกองทุนวายุภักษ์ จะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้เร็วขึ้น จากเดิมที่ประเมินอีก 3 ปีข้างหน้าจึงจะเปิดให้เทรด แต่เมื่อต้องการ เพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ถือหน่วยลงทุน จึงต้องนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้เร็วที่สุด

ช่วงที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อหน่วยลงทุนตามโควตาที่จัดสรร ขณะนี้กำลังพิจารณากับสำนักงาน ก.ล.ต.ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ธนาคารไทยพาณิชย์แจ้งว่า ต้องการเพิ่มหน่วยลงทุนกองทุนฯ นี้อีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่มีโควตาจัดสรรให้ 1.5 หมื่นล้านบาท ในฐานะผู้บริหารกองทุนฯ ไม่สามารถจัดสรรให้ได้

กองทุนฯ จะลงทุน 11 บริษัท ที่ลงทุนสูงสุด ได้แก่ หุ้นบุริมสิทธิธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB-P) คิดเป็น 30-40% ของเงินลงทุนทั้งหมด หรือ 2-4 หมื่นล้านบาท รองลงมา หุ้นบริษัท ปตท. (PTT) 20-30% การบินไทย (THAI) 20% ที่เหลือ สัดส่วนลดลง รวมถึงรอการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเสนอขายหุ้นปีหน้า ซึ่งกองทุนฯ ยังมีเงินเหลือประมาณ 3 หมื่นล้านบาทในการลงทุน

จะเห็นว่าช่วงที่ตลาดหุ้นซบเซา หุ้นบุริม- สิทธิธนาคารไทยพาณิชย์อัตราผลตอบแทนการลงทุนครั้งนี้ 6% ขึ้นไป ยังไม่รวมเงินปันผลที่จะได้รับ

"การเสนอขายครั้งนี้ แม้จะได้รับความสนใจ จากนักลงทุนไม่มาก เนื่องจากมีอุปสรรคหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของการที่กำหนดเพดานสูงสุดต่อวันของรายย่อย ไม่เกิน 5 แสนบาทต่อวัน ทำให้ผู้ลงทุนไม่ต้องการที่เข้ามาจองซื้อหลายวัน ส่วนกองทุนวายุภักษ์กองที่ 2 คงจะเป็นการเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบัน และน่าจะขายได้ดีกว่า เพราะมีนักลงทุนสถาบันส่วนใหญ่ให้ความสนใจ แต่ต้องพิจารณาว่าเมื่อใด" นางประภากล่าว



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.