นายกรัฐมนตรีมอบบัตรอีลิทใบละล้านบาทให้สมาชิกล็อตแรก 80 รายวันนี้ เปรยอยากขายให้ได้ล้านใบ
พอใจยอดขายเบื้องต้น ททท.จับมือ กนอ.ดึงนักธุรกิจที่ลงทุน ในไทยเป็นสมาชิก ตั้งเป้าโกย
2,000 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปีนี้สมาชิกพุ่ง 1,000 ราย และขยายเป็น 1 แสนใบเมื่อครบปี
เตรียมโรดโชว์ในสหรัฐฯ-ยุโรป
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการขายบัตรไทยแลนด์ อีลิท หรือบัตรสิทธิพิเศษการท่องเที่ยวในไทย
ให้กับนักท่องเที่ยวระดับสูงชาวต่างชาติ ว่า เท่าที่ดูยอดที่ได้รับการเสนอมา มีผู้ต้องการประมาณ
2 แสนราย บัตรราคาใบละล้านบาท เป็นเงิน 2 แสนล้านบาท
"ยอดการขายครั้งแรก ได้เท่านี้ก็ถือ ว่าใช้ได้ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับความอยาก
ก็อยากขายได้ล้านใบ หากขายได้แค่หมื่นใบ ก็หมื่นล้านแล้วดีกว่าอยู่เปล่าๆ"
พ.ต.ท. ทักษิณ กล่าว
นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ในวันนี้ (19 พ.ย.) นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้มา มอบบัตรไทยแลนด์ อีลิท ให้ผู้สมัครที่ชำระเงินค่าสมาชิกมูลค่า
1 ล้านบาทด้วยตัวเอง โดย มีตัวแทนเข้าร่วมงานทั้งหมด 80 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจสำคัญในระดับประเทศ
ทั้งนั้น อาทิ ราชวงศ์จากตะวันออกกลาง นายกรัฐมนตรี บาเรนห์ มหาเศรษฐีจีน 40 ราย
ญี่ปุ่น 30 ราย จากจำนวนยอดสมาชิกทั้งสิ้น 200 ราย ไม่รวมผู้ที่ยื่นขอสมัครสมาชิกกว่า
2,000 ราย ซึ่งยังไม่ได้ผ่านการคัดเลือก อย่างไรก็ตามคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีสมาชิกบัตรไทยแลนด์
อีลิททั้งสิ้น 1,000 ราย
ขณะนี้ททท.กำลังเพิ่มการให้บริการมากขึ้น อาทิ การท่องเที่ยวทางเรือยอชต์ และเรือแคนนู
จากที่ปัจจุบันผู้ถือบัตรสามารถใช้บริการกับโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการซึ่งมีเกือบทั่วประเทศ
สนามกอล์ฟ 20 แห่ง โรงพยาบาล 14 แห่ง สปา 70 แห่ง ซึ่งในขณะนี้ไม่มีแผนที่จะเพิ่มสถานที่ในการให้บริการอื่น
อีก เนื่องจากททท.จะต้องคัดเลือกธุรกิจที่ได้มาตรฐานเข้าร่วมโครงการ
สำหรับรายได้จากการจำหน่ายบัตรไทยแลนด์ อีลิทนั้น นายกรัฐมนตรี วางนโยบายที่จะนำรายได้ดังกล่าวมาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว
เพื่อส่งเสริมรายได้ให้กับคนไทยให้มีรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้มากขึ้น ส่วนกรณีที่มีบุคคลสำคัญระดับประเทศหลายรายสนใจสมัครเป็นสมาชิกไทยแลนด์
อีลิทมากขึ้นเชื่อว่าจะเสริมสร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวให้กับไทย และเชื่อว่าในเดือนมกราคมในช่วงงานบางกอกฟิล์มเฟสติวัล
คาดว่าจะมีคนให้ความ สนใจบัตรไทยแลนด์ อีลิทมากขึ้น
ททท.จับมือกนอ.ต่อยอดอีลิท การ์ด
ล่าสุด ททท.ได้ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เพื่อให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ที่ถือ
บัตรไทยแลนด์ อีลิท ที่เป็นผู้ประกอบการชาวต่างชาติ ที่มาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม
ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 29 แห่งทั่วประเทศ รวมประมาณ 2,500 บริษัท โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมของชาวต่างชาติและการร่วมทุนระหว่างผู้ประกอบการภายในประเทศถึง
2,000 บริษัท คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 ปี จะมีมาสมัครเป็นสมาชิกกว่า 2,000 บริษัท สร้างรายได้ถึง
2,000 ล้านบาท
นางอัญชลี ชวนิชย์ ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมการแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวเสริมว่า
สาเหตุที่ททท.กับกนอ.ร่วมมือกัน เนื่องจากเล็งเห็นว่าการท่องเที่ยวกับการขยายการลงทุนภายในประเทศน่าจะไปด้วยกันได้ดี
ซึ่งนักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวในไทยอาจจะมองหาช่องทางในการดำเนินธุรกิจ โดยผู้เป็นสมาชิกไทยแลนด์
อีลิท การ์ด จะได้รับสิทธิตั้งแต่ได้อยู่ในประเทศไทยตามระยะเวลาตามที่คณะกรรมการกำหนด
และกรณีที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมจะได้รับอนุมัติ 5 ปี และยังได้รับถือสิทธิครองที่ดิน
โดยสามารถทำธุรกิจภายในประเทศไทยได้ด้วย รวมถึงการได้วีซ่าจาก 3 ปี เป็น 5 ปี
ขณะนี้กำลังวางแผนที่จะขอความร่วมมือไปยังกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อขอลดภาษีเกี่ยวกับนิคมอุตสาหกรรมบางประเภท
เช่น นิคมอุตสาห-กรรมอัญมณีจะให้สิทธิลดภาษีจากเวลา 3 ปี เพิ่มเป็น 8 ปี และผู้ที่ถือบัตรยังได้รับส่วนลดพิเศษ
เมื่อซื้อเครื่องประดับ จำนวน 20% ในราคาโรงงานจาก 37 บริษัท พร้อมทั้งสามารถคืนสินค้าที่ซื้อไปได้หาก
ไม่พอใจภายในระยะเวลา 30 วัน โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ
นายไพสิฐ แก่นจันทร์ กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ
คาร์ด จำกัด กล่าวว่าเหตุผลที่นายกรัฐมนตรี มอบบัตรไทยแลนด์ อีลิท ด้วยตนเอง เพราะต้องการสร้างภาพลักษณ์ของบัตรไทยแลนด์
อีลิทให้เป็นโครงการระดับประเทศ และเชื่อว่านายกฯ จะใช้สิทธิพิเศษที่มอบให้กับผู้ถือบัตร
ไม่ว่าจะเป็นการถือสิทธิครองที่ดินเป็นส่วนหนึ่ง ในการดึงนักธุรกิจจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทย
มากขึ้น
"การเดินทางมาของผู้ที่มารับมอบบัตรไทยแลนด์ อีลิทในครั้งนี้ เราไม่ได้เสียค่าใช้จ่าย
เพราะสมาชิกทั้ง 80 ราย ได้ใช้สิทธิพิเศษจากบัตร ที่ให้ตั๋วโดยสารฟรีเฟิสต์คลาส
ไป-กลับ จากจุดหมายใด ในโลกก็ได้มายังประเทศไทย 1 ที่นั่ง ซึ่งทั้ง 80 สมาชิก ได้ใช้สิทธิดังกล่าวในวาระนี้"
สำหรับแขกวีไอพีจำนวน 80 รายที่บริษัทเชิญมาเป็นแขกของรัฐบาล และแขกของบรรดาผู้แทนการขายของเรา
มาจากผู้แทนการขาย 6-7 ราย ซึ่งครอบคลุมตลาดทั่วโลก แต่ก็ยังรับสมัครอยู่สำหรับ
ผู้ที่มีเครือข่ายการขาย สำหรับคนที่มารับ 80 คน จะเป็นประธานและซีอีโอ ของบริษัทที่ตั้งอยู่ในประเทศเหล่านี้
มีทั้งญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง เยอรมนี อังกฤษ ออสเตรเลีย ซึ่งคนเหล่านี้ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัทด้วย
ส่วนแผนการทำตลาดของบัตรไทยแลนด์ อีลิท ได้วางแผนที่จะจัดโรดโชว์ในต่างประเทศ
อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส โดย จะเริ่มในเดือนธันวาคมหรือมกราคมนี้
เพื่อเร่งประชาสัมพันธ์และทำตลาดในเชิงรุกมากขึ้น