ยักษ์ใหญ่แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ประกาศลุยโครงการแนวสูงปีหน้า 3 แห่ง มูลค่าขายรวม 2,000 ล้านบาท ด้านเพอร์เฟคฯ (PF) เล็งเปิด 4 โครงการใหม่ รวมคอนโดฯ ดันยอดขายเป็น 7,000 ล้านบาทปีลิง ขณะที่แนเชอรัล พาร์ค (NPARK) ทุ่ม 840 ล้านบาท ซื้อหุ้นแปซิฟิค แอสเซ็ทส์อีกล็อต ส่งผลถือหุ้นใหญ่เบ็ดเสร็จทันที 53.9% โดยต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด (Tender Offer) อีก 153,979,764 หุ้น ราคาหุ้นละ 8 บาท

นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยวานนี้ (17 พ.ย.) ว่าบริษัทมีแผนจะลงทุนโครงการ ทั้งแนวสูงและแนวราบ ซึ่งซื้อที่ดินเรียบร้อยแล้ว โดยโครงการแนวราบ จะกระจายหลาย ทำเล ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ส่วนโครงการแนวสูง จะพัฒนาโครงการอย่างน้อย 3 แห่ง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามโรงแรม แมริออทฯ จะพัฒนาในนามกองทุน อสังหาริมทรัพย์ จะเปิดตัวโครงการ ราวไตรมาสแรกปีนี้

ส่วนอีก 2 โครงการ ตั้งอยู่ถนนสุรวงศ์ และสุขุมวิท คิดเป็นมูลค่าขายโครงการรวม 2,000 ล้าน บาท บริษัทยังตั้งงบประมาณซื้อที่ดิน 6,000 ล้านบาท รองรับการลงทุนโครงการใหม่ปี 2548 และ 2549

นายอนันต์กล่าวต่อว่า นอก จากลงทุนโครงการดังกล่าวบริษัทยัง มีแผนจะลงทุนโครงการบ้านเดี่ยว ระดับกลาง ราคาไม่เกินยูนิตละ 2.5 ล้านบาท 500 ยูนิต ซึ่งจะใช้ระบบก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูป (พรีแฟบ) จะร่วมลงทุนกับพันธมิตร โดยบริษัทจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 400 ล้านบาท

ผลดำเนินงานบริษัทไตรมาส 3 ปีนี้ว่า บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายรวม 4,708 ล้านบาท จากบ้าน 836 ยูนิต เพิ่มขึ้นเกือบ 700 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้ 4,088 ล้านบาท โดยกำไรเพิ่มขึ้นจาก 1,166 ล้าน บาท เป็น 1,838 ล้านบาท

ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ ยอดขายรวม 13,090 ล้านบาท มากกว่าช่วงเดียวปีก่อน ที่มียอดขาย 11,238 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 20% ตั้งเป้ายอดขายรวมปีนี้ 18,000 ล้านบาท บอร์ดบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ หุ้นละ 25 สตางค์ รวมเป็นเงิน 1,750 ล้านบาท กำหนดจ่ายเงินวันที่ 12 ธ.ค.นี้ บริษัทใช้เงินสำหรับจ่ายเงินปันผลปีนี้ 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 3,700 ล้านบาท

นายอดิศร ธนนันท์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวเสริมว่า นอกจากจ่ายเงินปันผล บริษัทยังคืนเงินกู้ 2,700 ล้านบาท ขณะที่ส่วนผู้ถือหุ้นเพิ่มประมาณ 5,000 ล้านบาท รวมถึงใช้ซื้อที่ดินอีก 2,000 ล้านบาท การใช้เงินดังกล่าว นอกจากจะไม่ทำให้สภาพคล่องการเงินของบริษัทลดลงแล้ว อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนบริษัทยังลดลงอีกด้วย จาก 0.4:1 เป็น 0.2:1 โดย มีสภาพคล่องในมือ 1,550 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3 ปีนี้

สำหรับสภาพตลาดโดยรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีหน้า คาดว่าเติบโตประมาณ 25-30% จากปีนี้ ซึ่งจะเติบโตทั้งส่วนบ้านสร้างเอง และบ้านจัดสรร คิดป็น 55,000-60,000 ยูนิต มากกว่าปีนี้ ที่ 44,000 ยูนิต เป็นบ้านจัดสรร 24,500 ยูนิต และบ้านสร้างเอง 19,500 ยูนิต

แลนด์ตั้งเป้ารักษาอัตราเติบโต 20% ทุกปี ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างบ้านเกือบ 4,000 ยูนิต ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น และนครราชสีมา ปีนี้ ก่อสร้างบ้านแค่ 3,000-3,400 ยูนิต

เพอร์เฟคฯได้พันธมิตรต้นปีหน้า

นายชายนิด โง้วศิริมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้ทั้งสิ้น 2,511 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 617 ล้านบาท ขณะที่ทั้งปีคาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท

"ปีหน้า บริษัทจะมียอดรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากปีนี้ราว 80% หรือมีรายได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท จากการส่งมอบบ้าน 2,000 หลัง โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 5 โครงการ ย่านสุขุมวิท 77 เอกมัย-รามอินทรา และส่วนขยายเพิ่มในโครงการรังสิต รัตนาธิเบศร์ และติวานนท์ รวมมูลค่า 11,000 ล้านบาท"

สำหรับความคืบหน้าหาพันธมิตรใหม่ นาย ชายนิดกล่าวว่าต้องรอบริษัทออกจากแผนฟื้นฟูกิจการภายในปีนี้ก่อน จึงจะสามารถสรุปได้ ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตร 2 กลุ่ม กลุ่มแรก เป็นนักลงทุนสถาบัน (กองทุน) ในประเทศ ส่วนอีกกลุ่ม เป็นกองทุนจากสหรัฐอเมริกา พันธมิตรใหม่ จะถือหุ้นประมาณ 20% ซึ่งเป็นส่วนที่เจ้าหนี้จะแปลงหนี้เป็นทุน

หลังแปลงหนี้เป็นทุนล็อตสุดท้าย 1,500 ล้านบาท บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 7,500 ล้านบาท บริษัทมีแผนจะล้างขาดทุนสะสม ด้วยการลดพาร์จาก 10 บาท เหลือ 5 บาท เพื่อให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลปีหน้า

ดันบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้น

ปีหน้า บริษัทยังมีแผนจะนำหลักทรัพย์บริษัทในเครือ ที่เพอร์เฟคฯ ถือหุ้น 30% คือ บริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ช่วงไม่เกินไตรมาส 2 เพื่อนำเงินขยาย โครงการ ทั้งแนวราบและแนวสูง ซึ่งเป็นครั้งแรก ที่กลุ่มเพอร์เฟคฯ เจาะตลาดคอนโดมิเนียม โดย ซื้อที่ดินในซอยสุขุมวิท 22 ใกล้โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค ห่างถนนสุขุมวิท 100 เมตรเท่านั้น

แสนสิริฟันกำไร 244 ล้านบาท

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI)เปิดเผยว่าที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งล่าสุด มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัท โดยออกหุ้นใหม่เป็นหุ้นสามัญ 589,218,474 หุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม อัตราส่วนจองซื้อ 3 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 5 บาท ทำให้เงินใหม่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2,950 ล้านบาท

ด้านผลดำเนินการบริษัท ไตรมาส 3 กำไรสุทธิ 244 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันปี 2545 กำไรสุทธิเพียง 3.68 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ล้านบาท เพิ่มเกือบ 3 เท่า เมื่อเทียบงวดเดียวกันปีก่อน รวมทั้งการปรับตัวเพิ่มขึ้นกำไรเบื้องต้นเกือบ 50%

แนเชอรัลฯ เทก PA 54%

บริษัท แนเชอรัลพาร์ค จำกัด (มหาชน) (NPARK) ลงทุนซื้อหุ้นสามัญบริษัท แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ จำกัด (มหาชน) (PA) เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 75 ล้านหุ้น จากบริษัท วิงไทย กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ราคาหุ้นละ 8 บาท เป็นเงินลงทุน 600 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนถือหุ้น 22.46%

ต่อมา เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ. แนเชอรัล พาร์คมีมติให้บริษัทลงทุนซื้อหุ้นสามัญแปซิฟิค แอสเซ็ทส์ เพิ่มอีก 105,020,236 หุ้น จากกลุ่มนักลงทุนชาวไต้หวัน ราคาหุ้นละ 8 บาท เป็นเงินลงทุนรวม 840.16 ล้าน บาท โดยมีสัดส่วนถือหุ้นเพิ่มอีก 31.44% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว

นายเสริมสิน สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค กล่าวว่า "การลงทุนซื้อหุ้นสามัญแปซิฟิค แอสเซ็ทส์ครั้งนี้ เป็นไปตามความตั้งใจที่เราเคยประกาศไว้ วันนี้ เรามีสัดส่วนการถือหุ้นใน แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ ถึงประมาณ 54% โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 1,440 ล้านบาท และ แนเชอรัล พาร์ค ต้องมีภาระหน้าที่ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ทั้งหมด (Tender Offer) ของ แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ อีก 153,979,764 หุ้น ราคาหุ้นละ 8 บาท"

การลงทุนครั้งนี้ นายเสริมสินกล่าวว่า เป็น การขยายการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ เช่าตามนโยบายบริษัท เพราะแปซิฟิค แอสเซ็ทส์ มีสินทรัพย์คุณภาพดีมาก ตั้งอยู่ทำเลที่ดีด้วย "เราเชื่อมั่นว่า สินทรัพย์ต่าง ๆ ของ แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ จะสร้างรายได้จากการเช่าให้บริษัทได้ระยะยาว"

นอกจากการถือหุ้นใหญ่แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ 53.9% ครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ แนเชอรัล พาร์คได้สร้าง พันธมิตรโดยเป็นผู้ถือหุ้น 24.8% บริษัท แสนสิริ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้จากการขาย ยังเป็นผู้ถือหุ้น 28.5% บริษัท สยาม ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (SYNTEC) ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนสำคัญด้านก่อสร้าง

โครงการแปซิฟิค แอสเซ็ทส์ ประกอบด้วย โรงแรมเลอ เมอริเดียน ภูเก็ต บีช รีสอร์ท โรงแรมเลอ รอยัล เมอริเดียน ภูเก็ต ยอช์ท โรงแรมเลอ รอยัล เมอริเดียน บ้านตลิ่งงาม โครงการพันธุ์ทิพย์ คอร์ท เอ็กเซ็กคิวทีฟ เรสซิเดนส์ อาคารวันและทู แปซิฟิค เพลส และอาคาร นายเลิศ

MK ยอดขายพุ่ง

ด้านนายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) (MK) เปิดเผยว่าสภาพตลาดอสังหา-ริมทรัพย์ที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ส่งผลโครงการของบริษัทหลายทำเล ปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว ได้แก่ โครงการชวนชื่นแจ้งวัฒนะ ที่ปิดการขายได้ช่วงเดือนเศษ ยอดขายรวมกว่า 200 ล้านบาท โครงการชวนชื่น ปิ่นเกล้า ที่เพิ่งเปิดตัว ก.ย. ปัจจุบันเหลือเพียง 12 ยูนิต จากเฟสแรก เปิดขาย 106 ยูนิต สร้างรายได้ 320 ล้านบาท และโครงการเรสซิเดนซ์ พาร์ค ย่านรามอินทรา ที่เพิ่งเปิดตัวกลางปี ยอดขาย 215 ล้านบาท

LPN กำไรพุ่ง 300%

นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวถึงผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัท บริษัทย่อย และบริษัทร่วม ว่ารายได้รวม 528.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 272.36% จากงวดเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิ 129.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 334.50% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ที่กำไร 29.83 ล้านบาท

ยอดขายและกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น มาจากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดพักอาศัยโครงการ ลุมพินี เซ็นเตอร์ ลาดพร้าว 111 จำนวน 270 ยูนิต มูลค่าขาย 190 ล้านบาท โครงการลุมพินี เพลส สวนพลู-สาทร 206 ยูนิต มูลค่า 290 ล้านบาท ได้เกือบหมด

ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ คาดว่าจะรับรู้รายได้เพิ่มจาก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการลุมพินี เซ็นเตอร์ แฮปปี้แลนด์ เฟส 4 ลุมพินี เพลส พระราม 4 สาทร และลุมพินี เพลส นราธิวาส 24 มูลค่ารวมประมาณ 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ การที่บริษัทสามารถบริหาร ควบ คุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นจากการขาย เช่า และบริการ ดีขึ้นจาก 25.21% ไตรมาส 2 ปี 2545 เป็น 33.36% เพิ่มขึ้น 8.16% ไตรมาสเดียวกันปี 2545 ส่ง ผลโดยรวม บริษัทมีเงินสดสุทธิสิ้นไตรมาส 3 จำนวน 343.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ที่ 37.02%