กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่สิงคโปร์-มาเลเซีย "ตันจง" เร่งวางเครือข่าย ทั่วภูมิภาคอาเซียน
ดอดเข้าซื้อกิจการรถบรรทุก "นิสสันยูดี" ในไทยร่วม 2 พันล้านบาท จากกลุ่มสยามกลการ
หวังต่อจิ๊กซอว์รองรับนโยบายรัฐบาลทักษิณทำให้เกิด "อาเซียนไฮเวย์" มีการขนส่ง-การค้าโยงใยทั่วภูมิภาคทะลุไปจนถึงจีน
และอินเดียรับอาฟตา 2553
นายเชา เช็ง ชอย ประธานบริษัท นิสสันดีเซล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถบรรทุกนิสสัน
ยูดีในไทย เปิดเผยว่า นิสสันยูดีในประเทศไทยเตรียมจะกลับมาทำตลาดอย่างจริงจังและเติบโตอย่างมั่นคงอีกครั้ง
หลังจากกลุ่มตันจงซึ่งเป็นกลุ่ม ธุรกิจรายใหญ่ในมาเลเซียและสิงคโปร์ ได้เข้ามาซื้อกิจการจากกลุ่มสยาม
กลการ (ตระกูลพรประภา) และล่าสุดได้ซื้อโรงงานประกอบรถบรรทุก นิสสันยูดีด้วย
"ตันจงได้เข้าซื้อกิจการตัวแทน จำหน่ายรถบรรทุกนิสสันยูดีในไทยจาก นิสสัน
มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มสยามกลการ ผู้ถือหุ้นใหญ่ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา
เป็นจำนวนเงิน 1,800 ล้านบาท สำหรับการเข้ามาทำตลาดในไทย และล้างหนี้สะสมทั้งหมด
และล่าสุดได้มีการเซ็นสัญญาเข้าไปบริหารโรงงานประกอบรถดังกล่าว เป็นจำนวนเงินอีกประมาณ
50 ล้านบาท เพื่อที่จะได้รับสิทธิ์ดูแลการผลิตและการตลาดอย่างครบวงจรในไทย"
การเข้าบริหารในโรงงานประกอบรถบรรทุกนิสสันยูดีไทย จะเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม
2547 เป็นต้นไป โดยกลุ่มตันจงจะเข้ามาดูแลการผลิตเอง ทั้งหมด เพราะได้มีการซื้อเครื่องจักร
และบุคลากร จากทางสยามกลการ และนิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ส่วนในเรื่องของตัวที่ดินและโรงงาน
จะเป็นการ เช่าสัญญาเป็นราย 3 ปี และในอนาคตหากมีความพร้อมก็อาจจะย้ายไปสถานที่แห่งใหม่
ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ โดยโรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิต สูงสุดถึง 6,000 คันต่อปี
แต่ปัจจุบันผลิตเพียงแค่ 1,000 คันเท่านั้น
นายพิชิต ราชวงษ์ รองประธานอาวุโส บริษัท นิสสันดีเซล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า
การเข้ามาทำตลาดรถบรรทุกนิสสันยูดีในไทยของกลุ่มตันจง จะทำให้สามารถวางเครือข่ายได้ครอบคลุมภูมิภาคนี้ทั้งหมด
เพราะปัจจุบันกลุ่มตันจงเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์นิสสันในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย
จีน เวียดนาม และฮ่องกงอยู่แล้ว
"การเข้ามาดูแลการผลิตและจำหน่ายในไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน
จะทำให้สามารถรองรับทิศทางการค้าและขนส่งในอนาคต ซึ่งในปี 2553 การค้าในภูมิภาคนี้จะเปิดเสรีทางการค้า
หรืออาฟตา อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้อาเซียนกลายเป็นตลาดเดียวกัน ไม่มีกำแพงภาษีมาขวางกั้น
เกิดการขนส่งระบบอาเซียนไฮเวย์ เหตุนี้กลุ่มตันจงจึงต้อง สร้างเครือข่ายและพัฒนาสินค้าให้สามารถรองรับได้"
ทั้งนี้ในปี 2553 เมื่อมีการเปิดเสรีอาฟตาอย่างเต็มรูปแบบ ภาษีลดเหลือ 0% ทำให้เกิดการค้าขายและขนส่งในรูปแบบตลาดเดียว
ซึ่งต่อไปจะสามารถ ขนส่งสินค้าจากสิงคโปร์ ผ่านมาเลเซีย เข้ามาไทย ที่เป็นศูนย์กลาง
จากนั้นจะออกซ้ายไปพม่าทะลุเข้าอินเดีย หรือไปขวาสามารถผ่านเขมรตรงไปยังเวียดนาม
หรือจะตรงขึ้นไปก็จะทะลุลาวจนถึงประเทศจีน
ด้วยเหตุนี้ทำให้กลุ่มตันจงต้องวางเครือข่ายให้พร้อม ซึ่งจะเห็นว่าปัจจุบันนี้กลุ่มตันจงได้เข้าดูแล
รถบรรทุกนิสสันในจุดหลักๆ เกือบทุกประเทศแล้ว ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย
ไทย จีน และมีสาขาที่เวียดนาม โดยมีโรงงานประกอบที่มาเลเซีย จีนก็มีโรงงานประกอบรถยนต์บรรทุกอยู่ในมณฑลหันโจว
รวมถึงไทยที่ได้เข้ามาดูแลตลาดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และจะเข้าไปบริหารการผลิตรถบรรทุกนิสสันยูดีในเดือนมกราคมปีหน้านี้
"การที่กลุ่มตันจงกล้าลงทุนเช่นนี้ เนื่องจากมั่นใจต่อสภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ว่า
จะกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะไทยภายใต้การบริหาร ของรัฐบาล ดร.ทักษิณ
ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตแล้ว ยังผลักดันให้ภูมิภาคนี้เกิดการร่วมมือทางการค้า
ให้เป็นตลาดเดียวกันในอนาคตอันใกล้นี้"
ล่าสุดนิสสันดีเซลประเทศไทยได้เปิดตัวรถบรรทุกหัวลากรุ่น CWM 454HT 350 แรงม้า
ซึ่งมีระบบ Full Air Break อันเป็นระบบความปลอดภัยที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่า เหมาะกับงานบรรทุกหนัก
และใช้งานได้ดีที่สุดระบบหนึ่ง และยังมีจุดเด่นที่มีแรงม้าสูง ให้แรงบิดสูงสุดขณะเครื่องยนต์
ทำงานในรอบต่ำ ช่วยประหยัดน้ำมัน และมีมลพิษต่ำ ด้วยมาตรฐานยูโร ทู จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปลายเดือนพฤศจิกายนนี้
สำหรับเครือข่ายการจำหน่ายในไทย ปัจจุบันมีอยู่ 16 แห่ง ในปีหน้าจะเปิดให้ครบ
20 แห่ง เพื่อรองรับอัตราการเติบโตของตลาดรถบรรทุกในไทย ที่คาดว่าปีหน้าในส่วนของรถบรรทุกขนาด
3.5 ตันขึ้นไปซึ่งเป็นกลุ่มที่นิสสันดีเซลทำตลาดจะมีประมาณ 1.25-1.50 หมื่นคัน
จากปีนี้ที่มีอยู่ประมาณ 1 หมื่นคัน โดยนิสสันยูดีมีส่วนแบ่งตลาด 10.5% ปีหน้าน่าจะมีสัดส่วน
12.5% และเพิ่มเป็น 15% ในปีต่อไป