ไทยเซอร์กิต


นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2533)



กลับสู่หน้าหลัก

ความยุ่งยากในไทยเซอร์กิต ยังดำเนินต่อไป การผลิตที่นิคมอุตสาหกรรม นวนคร ยังหยุดนิ่งมาเป็นเวลานานนับปีจนบางคนกล่าวว่า อุปกรณ์และเครื่องจักรที่ใช้ประกอบแผงวงจร ประกอบสารกึ่งตัวนำหรือที่เรียกกันว่า PRINED CIRCUIT BOARD น่าจะมีสนิมขึ้นเต็มแล้ว

ไทยเซอร์กิต เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจประกอบแผงวงจรสารกึ่งตัวนำ หรือ printed circuit board เพื่อทดแทนการนำเข้า โดยได้รับการส่งเสริมจาก บีโอไอ เมื่อ3 ปีก่อน บริษัทแห่งนี้เกิดขึ้นจาการส่งเสริมของกลุ่มธุกริจธนสถาปนา( vemnture capital) อันได้แก่ บริษัทสถาปนาที่มีเฉลียว สุวรรณกิติ เป็นกรรมการผู้จัดการสมัยนั้น บริษัทแมนิสตี้ ( manistee) และ บริษัทเวนเจอร์ แคปิตอล ที่มีราเกซ สักเสนา เป็นกรรมการผู้จัดการ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มสามารถร่วมถือหุ้นด้วยส่วนหนึ่ง

แรกตั้งกรรมการไทยเซอร์กิต ต่างหวังกันว่าบริษัทนี้จะสามารถผลิต CB ปีละ 1.2 ล้านตารางฟุตซึ่งทดแทนการนำเข้าได้ส่วนหนึ่งและวางแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

แต่โครงสร้างผู้ถือหุ้นที่มาจากลุ่มผู้ประกอบธุกริจนอกไลน์ของการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ปัญหากระบวนการตัดสินใจในการบริหารงานอย่างมาก ตั้งแต่การนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์และการแก้ปัญหาการผลิตในระยช่วงทดลองและส่งนี้เป็นสาเหตุความยุ่งยากที่ติดตัวเรื่อยมา

ตามปกติอุตสาหกรรมประกอบ CB มีศักยภาพเนื่องจากตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีความต้องการใช้เป็นชื้นส่วนพื้นฐานในการผลิตเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด แม้ว่าทั้งหมดจะอยู่ในรูปการจ้างประกอบตามแบบของผู้ว่าจ้างก็ตาม

การเกิดของไทยเซอร์กิต ในช่วงนั้นมีความเจิรญอิเล็กทรอนิกส์ เกิดขึ้นก่อนหน้าแล้ว โดยควงเจริญเน้นการรับจ้างประกอบให้บริษัทยักษษ์หลายแห่งเช่นไอบีเอ็ม

ความยุ่งยากของไทยเซอรืกิต ได้รับการแก้ไขหลายครั้ง โดยวิธีสับเปลี่ยนผู้ถือหุ้น ราเกซขายหุ้นส่วนที่เวนเจอร์แคปิตอล ถืออยู่ประมาณ 15% และส่วนตัวของเขาอีก ส่วนหนึ่ง แประมาณ 10% รวมเป็น 25% ให้โกศล ไกรฤกาษ์ ในราคา 200 บาท ต่อหุ้น " หุ้นไทยเซอร์กิตนอกจากตลาดเวลาน้นรแงมากจากราคาพาร์ 100 เป็น 180 ในเวลาสั้น ๆ ทางคุณโกศล ก็คงหวังว่า เมื่อเข้าตลาดแล้วราคาต้องวิ่งไปไกลเกิน 200 เหมือนของควงเจริญที่เคยขึ้นถึง 300 บาท" แหล่งข่าววิเคราะห์การเข้ามาของโกศล

แต่การพูดกันคลภายในบอร์ดรูมของไทยเซอรืกิตยังเหมือนเกิมขณะที่หนี้สินที่กู้มาจากธนาคารกสิกรไทย ก็พอกพูนขึ้นเรื่ยอ ๆ เนื่องจากไม่มีการผลิตหารายได้มาจ่าย จนปัจจุบันว่ากันว่ามีหนี้พอกพุนส฿งถึง 60 ล้านบาท แล้วขณะที่ บรษัทมีสินทรัพย์เพียง 40 ล้านเท่านั้น

สถานการร์นี้ ไทยเซอร์กิตไม่มีทางออกดีไปกว่าการขายกิจการออกให้คนอื่น แหล่งข่าวกล่าวว่าคนที่สนใจซื้อเป็นวิศวะงานทวีกลุ่มงานทวีพี่น้องที่เพิ่งจะซื้อไทร์คอมจากยุโรป

มาหมาด ๆ เมื่อมีนาคม ที่ผ่านมา

ศิวะ มีข้อเสนอซื้อไทยเซอร์กิต ว่า เขาต้องการเฉพาะส่วนที่เป็นสินทรพัย์มูลค่า 40 ล้านบาท ส่วนหนี้ 60 ล้าน ขอแปลง สภาพเป็นเงินกู้และใช้คืนให้หมดภายใน 2 ปี

ดูเหมือนกสิกไทย ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่คงไม่มีทางเลือกมากนัก



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.