" กมลซีฟู๊ด" เป็นสมญานามที่เรียกนักธุรกิจวัย 55 ปี เจ้าจองภัตตาคารซีฟู๊ดที่ขายอาหารทะเลที่แพงที่สุดแห่งหนึ่ง
ในกรุงเทพฯ ขณะนี้ ชื่อเต็ม เขาคือ กมล กมลรัตนพิบูล จากธุรกิจอาบ อบ นวด
ที่กมลเริ่มต้นกับพรรคพวกทำ" เจ้าพระยา อาบอบนวด แต่เขามาแยกทำอีกสองแห่ง
คือ โซเฟียและฟิซ่า อาบ นวด โดยมีหุ้นส่วนเดิมร่วมด้วย
แต่ทำไปได้สักพัก กมลก็ก้าวกระโดดจากแหล่งเริงรมย์ ด้วยจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่ทำให้เขาร่ำรวยขึ้นมองเห็นลู่
การลงทุน ใหม่ ๆ ที่มีโอกาสที่จะทำกำไรจากธุรกิจการขายอาหารทะเลเป็นคนแรกเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว
" ผมเป็นชอบหาของกินอะไรที่อร่อย ๆ และ แปลก ๆ และที่ผมได้ไอเดียมาทำธุรกิจนี้ก็เพราะผมได้เดินทางไปฮ่องและกินอาหารทะเลที่อร่อย
และสดใหม่จากที่โน่น ผมก็เห็นว่า ในเมืองไทยเราจะหาแบบนี้ยาก ชนิดที่ปลา
ปู กุ้ง ว่ายน้ำ แล้วไปชี้ให้เขาทำเป็นอาหารให้เรากินอร่อย ๆ ผมกลับมาจากฮ่องกง
ก็เลยลงทุนทำสวนอาหารซีฟู๊ดแห่งแรกที่ถนนเพชรบุรี ตัดใหม่ ปรากฏว่าคนไทยและชาวต่างประเทศนิยมกันมาก
ๆ โดยเฉพาะกุ้งมังกร ที่ทำเป็นอาหารจานพิเศษและราคาแพงขายกิโลละ 750 บาท
ซึ่งผมมีแหล่งใหญ่ที่ซัพพลายให้คือ ภูเก็ตและระนอง" กมลย้อนอดีตที่ประสบความสำเร็จของการประกอบธุรกิจภัตตาคารอาหาร
เจ้าของสโลแกน it swims, we can have" ในเมืองไทยให้ฟัง
กมล เป็นลูกคนจีนไหหลำ แซ่ตัน ที่เกิดจากบิดาชื่อ " ซุย" และมารดา
ชื่อ " เจียม" กมล เป็นพี่ชายคนโต มีน้องชายอีกสองคนช่วยกันบริหารงานคือสมชัย
กมลรัตนพิบูล ปัจจุบันดูแล " ภัตตาคารซีฟู้ด" ที่อโศก ถนนสุขุมวิท
และสวัฒน์ กมลรัตนพิบูล ที่เป็นกรรมการบริหารดูแลกิจการ " เพชรบุรีซีฟู้ด"
ซึ่งจัดตั้งในนามบริษัทสาหร่ายทอง ทุนจดทะเบียน 25, 000 บาท
รายได้จากการขายอาหารทะเลในนปีที่แล้ว ของ " เพชรบุรีซีฟู๊ด"
หรือบริษัทสาหร่ายทอง เฉพาะสาขาเดียว 11,773,790 บาท
" ขายอาหารทะเลไม่ใช่ง่าย ๆ เพราะหัวใจสำคัญของธุรกิจนี้ก็คือแหล่งอาหารทะเลสด
ๆ ที่มีคุณภาพ เราจะขาดไม่ได้เลย" แมล เผยเคล็ดลับความสำเร็จในการทำธุรกิจ
กมล มีชีวิตแบบนักธุรกิจ เพลย์บอย ที่การเดินทาง เขามีลูกสาวและลูกชาย
ที่เกิดจากภรรยาสองคน ที่ชื่อดวงตา และมลฤดี ลูกทั้งหมดทั้งห้าคน คือ นิลมณี
มงคล สนธิชัย
ยุพดี และศุภประสิทธิ์
ลูกสาวคนโต คือ นิลมณี" นั้นเกิดจากภรรยา คนแรก ที่ชื่อ ดวงตา ขณะนี้ได้ช่วยกมลดูแลกิจการทางด้านการค้าที่ดินในนามบริษัท
กมลเรียลเอสเตท ซึ่งเพิ่งตั้งในปี
นี้ ด้วยทุนจดทะเบียน 12 ล้านบาท และบริษัทกมลแลนด์
จะเห็นได้ว่าการลงทุนของกมลส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจที่เกาะเกี่ยวกับเศรษฐกิจการ
ท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นภัตาคารซีฟู้ด หรือการค้าที่ดินที่ภูเก็ต ที่ซึ่งกมล
ติดต่อเป็นแหล่งซัพพลายอาหารทะเล แล้วเขาก็มองเห็นโอกาส จะทำกำไร จากที่ดินที่จะมีราคาแพงขึ้น
เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภูเก็ตบูม กมลจึงกว้านซื้อที่ดินอยู่หลายแปลง
กมล ได้เล่าให้ฟังว่าเขา เริ่มสนใจอย่างจริงจัง กับการค้าที่ดิน ตั้งแต่ปลายปี
2530 ซึ่งเป็นช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยมีอัตราความเจิรญเติบโต รวมทั้งการท่องเที่ยวของไทยประสบความำนเร็จจากผลการรณรงค์ปีนั้นเป็นปีการท่องเที่ยวด้วย
ที่ดินผืนแรก ที่เขาจับแปลงใหญ่ ก็คือ ที่ดินอำเภอป่าตอง จังหวัดภูเก็ต
อันเป็นแหล่งทองเที่ยวและแหล่งอาหารทะเลสำหรับธุรกิจของเขา
" ตอนแรก ผมไปซื้อที่หาดกะหลิม อำเภอป่าตอง ประมาณ 300 ไร่ ซึ่งตอนนั้นยังไม่แพงนัก
ซึ่งต่อมาผมก็ขายไปหมดได้เงินมาก เหมือนกัน ก็เอาเงินนี้ไปลงทุนซื้อที่ดินผืนใหม่ที่สวย
ๆ " กมลเล่าให้ฟัง
และปัจจุบัน นี้ ชื่อของ " กมลฟู้ด" ในฐานะเจ้าของที่ดินผืนงามแปลงใหญ่ที่สุด
และแพงที่สุดในภูเก็ตเป็นที่ลือถึงความเป็นนักค้าทีดินตัวยง คนหนึ่ง ว่าเขาซื้อที่ดินบริเวณริมทะเลขณะนี้
40 ไร่ เมือ่ปี ที่แล้วประมาณ 200 ล้านบาท แต่ปัจจุบัน กมลได้ตั้งราคาขายไว้ไร่ละ
25 ล้านบาท หรือประมาณ 1,000 ล้าน คือราคาขายที่สูงที่สุดแถบอำเภอป่าตอง
" ที่ดินป่าตองที่ติดทะเล ตอนนี้ผมมีแปลงหนึ่งประมาณ 40 ไร่ ผมยังไม่ได้ขายไปตามที่เป็นข่าวหรอก
เพราะยังไม่ตกลงกันเรื่องราคา มีหลายคนสนใจจะขอซื้อเช่นไต้หวัน และญี่ปุ่น
แต่ผมก็ยังไม่ตัดสินใจ เพราะคิดจะทำรีสอร์ทเอง โดยคิดว่าจะร่วมลงทุนกับชาวต่างประเทศ
โดยเรามีเงื่อนไขที่ไม่เสียเปรียบเขา เราจะลงด้านที่ดินแล้วให้คนกลางมาตีราคาที่ดินว่าเท่าไหร่
ถ้าเขาตีราคาเป็นที่น่าพอใจของเรา เราก็มาหุ้นกัน" กมล เปิดเผย
นอกจากนี้โครงการที่กมล ทำไปแล้วก็มีอยู่สองโครงการใหญ่ ๆ คือ โครงการ
" พูนผลไนท์บาซาร์" ซึ่งมีจำนวนอยู่ 286 ห้องที่ขายให้พ่อค้าแม่ค้ามาทำากรค้าอีกโครงการ
คือ โครงการ" บางลาสสแควร์" สร้างเป็นอาคารพาณิชย์ที่หาดป่าตอง
ซึ่งงานนี้กมลได้ขายยกโครงการให้กับนักธุรกิจชาวกรุงเทพไป ซึ่งว่าเป็นวิธีการค้าประเภทซื้อที่ดินมาแล้วพัฒนาปลูกสร้างอาคารขึ้นมา
ทำให้มูลค่าของราคาที่ดินผืนนั้นเพิ่มขึ้น
" แต่ตอนนี้ การค้าที่ดินโดยทั่วไป ผมคิดว่ามันเริ่มไม่ดี เพราะดอกเบี้ยแบงก์สูงขึ้นถึง
16.5% ทำให้การซื้อขายที่ ดินมันยกยากขึ้น แต่สำหรับที่ดิน ในภูเก็ต กำลังบูมมาก
เพราะยังมีคนต้องการมาลงทุนซื้อที่ดินทำโรงแรมเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
" กมล เล่าให้ฟัง
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม การสะสมที่ดินผืนงามของกมล ก็ยังไม่หยุด ทุกวันนี้
แฟ้มที่ดินที่มีผู้มาเสนอขายแก่กมล มีจำนวนเป็นตั้ง ๆ โดยกมลให้ลูกสาวคนโต
คือ นิลมณี คอยประสานงานหรือบางครั้งก็ออกไปดูที่ดินซึ่งอย่างน้อยในเขตกรุงเทพต้องไม่ต่ำกว่าสองไร่
และสำหรับที่ดินในเขตต่างจังหวัดก็ต้องไม่น้อยกว่า 10 ไร่ และล่าสุด ทาง
กมล เรียลเอสเตรท เองก็ได้รับข้อเสนอจากนักลงทุนบางคนที่ต้องการที่ดินจำนวน
100-1,000 ไร่แถบบริเวณรังสิตเพื่อมาพัฒนาเป็นสนามกอล์ฟ
ถึงวันนี้กมลมิใช่เพียงพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จจากการค้าทำธุรกิจร้านอาหารทะเล
เท่านั้น แต่เขายังมีชื่อเสียงในฐานะนักค้าที่ดินรายใหญ่คนหนึ่งที่รวยเงียบ
ๆ กับการเก็งโอกาสทองในอนาคตด้วย