วินด์มิลล์ ดีเวลลอปเม้นท์ อดีตผู้พัฒนาบ้านหรู ประกาศหวนคืนธุรกิจบ้านจัดสรร
ส่งลูกชาย "ชานนท์ เรืองกฤตยา" ทายาท ลงสนามยึดพื้นที่ทำเลทอง รอบสนามกอล์ฟ
วินด์มิลล์ กรีนวัลเล่ ถ.บางนา-ตราด กม.10 ประเดิมเปิดโครงการ บ้านเดี่ยว 7 แห่งรวด
มูลค่าขายรวม 2,825 ล้านบาท ตั้งเป้าปิดการขายหมดปลายปี 47 แถมฉวยจังหวะอสังหาฯ
ภูเก็ตบูม ขึ้นสนามกอล์ฟ-รีสอร์ต-สปา ด้านเอ็นซีเตรียมแต่งตัวเข้าตลาดหุ้น ไตรมาสแรกปีหน้า
กลุ่มวินด์มิลล์ ถือเป็นอดีตผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว-สนามกอล์ฟระดับ
หรู บนถนนบางนา-ตราด ช่วงก่อน ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์-การเงินไทย-เอเชียแตกปี 2540
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
ซึ่งสืบทอดกิจการพัฒนาอสังหาฯ ของ ครอบครัว ต่อจากผู้เป็นพ่อ เปิดเผยวานนี้ (12
พ.ย.) ว่าบริษัทของครอบครัวเขาตั้งขึ้นใหม่ราวปี 2542 จุดประสงค์เพื่อดำเนินธุรกิจบ้านจัดสรร
ทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 250 ล้านบาท กลุ่มผู้ถือหุ้นเป็นคนตระกูลเรืองกฤตยา การตั้งบริษัทใหม่
เนื่องจากต้องการความเป็นอิสระด้านการบริหารจากกลุ่มวินด์ มิลล์ ดีเวลลอปเม้นท์
ที่มีเจ้าของคือนายชนัฎ เรืองกฤตยา ผู้เป็นพ่อ
นอกจากนี้ แบรนด์วินด์มิลล์ กรีนวัลเล่ ส่วนใหญ่จะรู้จักกันในฐานะที่ทำธุรกิจสนามกอล์ฟ
หากใช้แบรนด์ วินด์มิลล์ ทำธุรกิจบ้านจัดสรร อาจจะทำให้ผู้บริโภคสับสน ดังนั้นเพื่อให้การบริหารงานเป็นอิสระ
คล่องตัว อีกทั้งสร้างความชัดเจนให้ผู้บริโภค จึงตัดสินใจตั้งบริษัทใหม่เพื่อดำเนินงานโครงการ
บ้านจัดสรรโดยตรง
เน้นขายบ้าน 5-8 ล้านบาท
โดยบริษัทอนันดาฯ จะเน้นสร้างบ้านเดี่ยว ราคา 5-8 ล้านบาท ต่อหน่วย ซึ่งคาดว่าจะเป็นแนวโน้ม
หลักบ้านจัดสรรในไทยปีหน้าเป็นหลัก แต่อาจสร้างผลิตบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ ราคาต่ำกว่าหน่วย
5 ล้านบาท และสูงกว่า 8 ล้านบาทขึ้นไปจนถึง 60 ล้านบาทบ้าง รวมทั้งจะเน้นพัฒนาพื้นที่บริเวณถนนบางนา-ตราด
เพราะมีที่ดินของวินด์มิลล์ กรีนวัลเล่ และบริษัทในเครือเหลืออีกมาก ประมาณ 500
ไร่ ซึ่งพื้นที่ที่มีอยู่ ตั้งอยู่บริเวณสนามกอล์ฟวินด์มิลล์ ถนนบางนา-ตราด กม.10
ซึ่งปัจจุบันเหลืออีกประมาณ 200 ไร่ จากทั้งหมด 1,700 ไร่ และบริเวณใกล้เคียงอีกประมาณ
300 ไร่ ขณะเดียวกันจะลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประเภทสนามกอล์ฟ รีสอร์ต และสปา
ในภูเก็ต เพราะมีแลนด์แบงก์อยู่ 800-900 ไร่
ปีหน้าเปิดโครงการใหม่ 7 แห่งรวด
นายชานนท์กล่าวอีกว่าช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องต้นปีหน้า บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว
7 แห่ง 370 หน่วย ราคาขายเฉลี่ยหน่วยละ 5-15 ล้านบาท แต่มีบ้านราคาสูงสุด 60 ล้านบาทด้วย
ในลักษณะคลัสเตอร์ เฮ้าส์ มูลค่าขายรวมกว่า 2,825 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการ ตั้งอยู่บริเวณสนามกอล์ฟวินด์
มิลล์ ถนนบางนา-ตราด ประกอบด้วย 1.โครงการอนันดา บีชไลฟ์ 127 ยูนิต มูลค่าขาย 700
ล้านบาท โครงการนี้ได้ทดลองเปิดขายช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ปรากฏว่ามียอดขายแล้วกว่า
50% ตั้งเป้าปิดการ ขายราวไตรมาสแรกปี 2547
2. โครงการอนันดา เฮอริเทจ 68 หน่วย มูลค่า 530 ล้านบาท 3.โครงการอนันดา ปาล์ม
63 หน่วย มูลค่า 491 ล้านบาท 4. โครงการอนันดา ทรอปิคอล 68 หน่วย มูลค่า 530 ล้านบาท
5.โครงการพิมานดา ซีเรเน 7 หน่วย มูลค่า 75 ล้านบาท 6.โครงการพิมานดา เซ็น 27 หน่วย
มูลค่า 380 ล้านบาท และ 7.โครงการพิมานดา เฮอริเทจ 10 หน่วย มูลค่า 120 ล้านบาท
ซึ่งทุกโครงการ เริ่มก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ทั้งหมดภายในปีหน้า
ซึ่งแต่งตั้งบริษัท ฮาริสัน (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้บริหารงานขาย
"โครงการแต่ละแห่ง รับการออกแบบที่แตกต่างกันตามไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย
ซึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการบ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้น
เราจึงเชื่อว่า แผน การขายจะทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน"
ด้านแผนการลงทุนโครงการปีหน้า บริษัทจะลงทุนโครงการในกรุงเทพฯ จะขยายการลงทุน
ไปต่างจังหวัดด้วย ซึ่งการลงทุนในกรุงเทพฯ จะพยายามลงทุนที่อยู่อาศัยบริเวณนอกเมืองก่อน
ไม่มีแนวคิดที่จะทำบ้านในเขตใจกลางเมือง เพราะเชื่อว่า สุดท้ายแล้ว ผู้บริโภคต้องการมีบ้าน
ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีใกล้ชิดธรรมชาติ หากทำบ้านในตัวเมือง จะสร้างบรรยากาศเหมือนกับธรรมชาติได้ยาก
เล็งจับมือพันธมิตรข้ามชาติ
ส่วนการลงทุนในต่างจังหวัด ช่วงแรกจะลงทุนโครงการสนามกอล์ฟ รีสอร์ต สปา และบ้านเดี่ยว
ที่ภูเก็ต บนพื้นที่ 800-900 ไร่ เพราะเห็นว่าช่วงนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ภูเก็ต
อยู่ในช่วงขาขึ้น เหมาะที่จะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการประเภทที่เน้นกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติ
คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ราวไตรมาส 3 ปี 2547 ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรข้ามชาติ
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อนันดาฯ กล่าวต่อว่า ในส่วนพื้นที่ที่จังหวัดเชียงใหม่
และระยอง ที่บริษัทมีแลนด์แบงก์อยู่แล้ว อาจพัฒนาปีถัดไป ซึ่งมีแผนที่จะทำโครงการเชียงใหม่
กรีนวัลเล่ เป็นที่อยู่อาศัย และขายเป็นที่ดินเปล่ากลับมาพัฒนาใหม่ เช่นเดียวกับโครงการระยอง
กรีนวัลเล่ ที่จะพัฒนาใหม่ในอนาคต มูลค่าขายรวม 2,000 ล้านบาท
เอ็นซีได้ฤกษ์เข้าตลาดหุ้น Q1 ปีหน้า
ทางด้านนายสมเชาว์ ตัณฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งจำกัด
ผู้ประกอบการบ้านจัดสรรบ้านฟ้า เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะนำหลักทรัพย์บริษัท
ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ช่วงไตรมาสแรกปี 2547 เป็นที่แน่นอนแล้ว
หลังจากศึกษาและพิจารณาผลดีผลเสียเรื่องนี้ พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมด้านการบริหารงานภายใน
และระบบบัญชี รวมถึงบุคลากรมาระยะหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารเอ็นซีกรุ๊ปเคยระบุว่า การจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ช่วงใด
ต้องวิเคราะห์ความพร้อมภาวะการลงทุนของตลาดฯ โดยรวม และความพร้อมของบริษัท ซึ่งการระดม
ทุนในตลาดฯ เป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้บริษัทมีแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนการเงินต่ำ
ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีศักยภาพแข่งขันในธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
และต้องการการขยายตัว เช่นขณะนี้
อย่างไรก็ดี ช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายทั้งสิ้น 2,300 ล้านบาท หนึ่งในกลยุทธ์
การตลาดที่บริษัทใช้ คือสร้างสังคมที่มีคุณภาพ เพราะการทำโครงการบ้านจัดสรร ไม่ใช่แค่ขายบ้านอย่างเดียว
แต่ต้องขายความเป็นชุมชนที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดีด้วย
ขณะที่วานนี้ บริษัท ควอลิตี้ ลิฟวิ่ง แมเนจเม้นท์ จำกัด บริษัทในเครือ ซึ่งบริหารชุมชนโครงการบ้านฟ้า
จัดพิธีมอบหนังสือสำคัญจดทะเบียนตั้งนิติบุคคล หมู่บ้านจัดสรร โดยนายบัญญัติ จันทน์เสนะ
อธิบดีกรมที่ดิน เป็นประธาน นายบัญญัติกล่าวว่านับตั้งแต่ พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดินพ.ศ.2543
ประกาศใช้ ปรากฏว่า ผู้ประกอบการจัดสรรยื่นขอจัดตั้งนิติบุคคลบ้านจัดสรรทั้งสิ้น
6 ราย คาดว่าอนาคตจะมีจำนวนมากขึ้น
"เป้าหมายของบริษัทในปีนี้ จะจัดตั้งนิติบุคคลบ้านจัดสรรในโครงการบ้านฟ้ารวม
6 โครงการ โดยดำเนินการไปแล้ว 2 โครงการ คือ บ้านฟ้าคลองหลวง และบ้านฟ้าทอฝัน ส่วนอีก
4 โครงการ คือบ้านฟ้าชมพฤกษา เฟส 1 เฟส 2 บ้านฟ้าลากูล และบ้านฟ้ารังสิต จะดำเนินการเป็นลำดับต่อไป"
นายรังสรรค์ นันทกาวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ควอลิตี้ลิฟวิ่ง แมเนจ เม้นท์ กล่าว