UV เตรียมย้ายหมวดจากเคมีภัณฑ์ไปอยู่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หลังรายได้ของบริษัท
70% มาจากธุรกิจอสังหาฯ พร้อมประกาศนโยบายชัดเน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หวังเดิน
หน้าเจรจากลุ่มแบงก์และลูกหนี้ เพื่อพัฒนาโครงการที่ก่อสร้างค้าง แต่มีศักยภาพออกสู่ตลาด
ทุ่มอีก 1.5 พันล้าน ซื้อ NPA พัฒนาหลังประสบความสำเร็จจากการร่วมทุนกับบริษัทพันธมิตร
โดยกำไรไตรมาส 3 กระฉูด 600% รับผลจาก เงินลงทุนใน"แสนสิริ เวนเจอร์"
นางอรฤดี เจียรดิษฐอาภรณ์ ประธานอำนวยการ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด(มหาชน) (UV)
เปิดเผยว่า ปีหน้าบริษัทมีแผนจะขอยื่นเรื่องกับทางตลาดหลักทรัพย์เพื่อขอย้าย
กลุ่มจากกลุ่มเคมีภัณฑ์และพลาสติก มาอยู่กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
ประมาณ 60-70% ในขณะที่มีรายได้จากธุรกิจสังกะสีออกไซด์ 30-40% ซึ่งต้องรอดูผลการดำเนินงานในปี
2546 ด้วยว่าสัดส่วนรายได้จะเข้าเกณฑ์การขอย้ายกลุ่มหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดจะขยายธุรกิจไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องและต่อเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แต่ยังไม่เปิดเผย
สำหรับแผนงานในปีหน้า บริษัทฯจะซื้อสินทรัพย์ NPAกับสถาบันการเงินทั้ง บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย
(TAMC) บรรษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.)หรือ AMC โดยจะใช้ลงทุนประมาณ 1.5 พันล้านบาท
ซึ่งจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนและเงินที่ได้จากเพิ่มทุน 16.7 ล้านบาท ซึ่งการเข้าซื้อสินทรัพย์หรือ
NPA ครั้งนี้ เพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนาโครงการโดยจะให้พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น LPN
SIRI เป็นผู้ดำเนินการขายโครงการ
สำหรับผลประกอบการในปี 2547 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 20% จากปี 2546 เนื่องจากจะมีการ
รับรู้รายได้จากโครงการที่มีอยู่ในมือจำนวน 3 โครงการที่สร้างเสร็จมูลค่าโครงการ
2-3 พันล้านบาทและทยอยขายในสิ้นปีนี้
โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ก้าวเข้าร่วมลงทุนในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
โดยได้ร่วมกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มแสนสิริ และ กลุ่ม แอล.พี.เอ็น.ฯ เพื่อพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพ
และสามารถปิดการขายในแต่ละโครงการได้อย่างรวดเร็ว
"เรามีความพร้อมในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ดังจะเห็นได้จากผลงานที่ผ่านมา
อาทิ การจัดตั้งบริษัท แกรนด์ยูนิตี้ ดีเวลลอป เม้นท์ จำกัด ร่วมกับบริษัท แอล.พี.เอ็น.
จำกัด (มหาชน) และไทย เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด ผู้พัฒนาโครงการลุมพินี วอเตอร์ คลิฟ โครงการคอนโดมิเนียมรัชดา
พระราม 3 สวีท การจัดตั้งบริษัท แสนสิริเวนเจอร์ จำกัด ร่วมกับบริษัท แสนสิริ จำกัด
(มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมบ้านสิริสาทร โครงการบ้านสิริเย็น อากาศ และการจัดตั้งบริษัท
ซัน ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอาคารพาณิชย์ซันสแควร์ สีลม ซึ่งแทบทุกโครงการสามารถปิดการขายลงได้ภายในระยะเวลาอันสั้น"
ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจัยหลักๆ อาทิ ความเชี่ยวชาญในการเลือกสินทรัพย์ที่มีศักยภาพและทำเลที่ดี
การสร้างกลยุทธ์ในการบริหารการลงทุน การมีสัมพันธภาพอันดีต่อสถาบันการเงิน ธนาคาร
ตลอดจนกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ตลอดจนมีความชำนาญในด้านการปรับโครงสร้างหนี้และเจรจาหนี้
รวมถึงการเลือกลงทุน กับพันธมิตรที่เหมาะสมในแต่ละโครงการ ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจแก่ผู้ถือหุ้นอย่างชัดเจน
ด้วยเหตุดังกล่าว บริษัทจึงมีแนวทางที่จะมุ่งเน้นการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ต่อไปอีก
2-3 ปี โดยเปิดโอกาสให้กลุ่มสถาบันการเงิน ธนาคาร รวมทั้งกลุ่มลูกหนี้ที่มีโครงการคุณภาพ
อยู่ในมือ และต้องการที่จะพัฒนาโครงการร่วมกับยูนิเวนเจอร์ได้เข้ามาเจรจาหารือกันได้
เพื่อหาข้อสรุปที่ลงตัวที่สุดในการบริหารงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดต่อไป
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางบริษัทได้เข้าเป็นเจ้าของกองทุนกินรี พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อพัฒนาโครงการอพาร์ตเมนต์อีก
3 โครงการ จากประสบการณ์และความสำเร็จทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการฉกฉวยวิกฤตให้เป็นโอกาสและความพร้อม
โดยเฉพาะทางการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดจากการปรับโครงสร้างหนี้ และพบว่าธุรกิจดังกล่าวยังคงมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก
ซึ่งในปัจจุบันยูนิเวนเจอร์ถือเป็นบริษัทเดียวของไทยที่มุ่งดำเนินธุรกิจในลักษณะ
การร่วมลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นี้
นางอรฤดี กล่าวถึงผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาส 3 ปีนี้ สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน
2546 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยว่ามีผลกำไรสุทธิ 83.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.78
ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 600.25 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ค่าบริการเพิ่มขึ้น
15.48 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากการช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินงาน
และรายได้ค่าบริหารงาน ซึ่งได้รับจากบริษัทร่วม (บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์
จำกัด)
ทั้งนี้ ส่วนแบ่งผลกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน 62.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ
100 เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นกำไรจากเงินลงทุนในบริษัท แสนสิริ เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งมีการรับรู้รายได้จากการขายห้องชุดพักอาศัย
นายธนพล ศิริธนชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ฯกล่าวว่า นอกจากยูนิเวนเจอร์
จะมีความเชี่ยวชาญด้านการปรับโครงสร้างหนี้ และเจรจาหนี้แล้ว บริษัทยังมีความเชี่ยวชาญ
อย่างมากในการเฟ้นหาทรัพย์สินที่มีศักยภาพในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินใน
แนวราบหรือแนวดิ่ง โดยคำนึงถึงทำเล คุณภาพโครงการโดยรวม และราคาที่สามารถทำตลาดได้
"หากเราเห็นว่ามีศักยภาพ เราพร้อมที่จะเข้าไปบริหารและพัฒนาทันที ทั้งนี้เรายังคงสานต่อการหาทรัพย์สินที่เหมาะสมในการลงทุนต่อไปอย่างต่อเนื่อง
โดยพร้อมที่จะร่วมเจรจาหารือกับกลุ่มสถาบันการเงิน ธนาคาร และกลุ่มลูกหนี้ที่ต้องการลงทุนร่วมกัน
หากบริษัทฯ เล็งเห็นว่าทรัพย์สินดังกล่าวมีศักยภาพเพียงพอ เหมาะสมแก่การลงทุน
ก็จะวางแผนในการลงทุนต่อไป"
สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น ยูนิเวนเจอร์
มีนโยบายที่จะแสวงหาทรัพย์สินที่เหมาะในการลงทุนที่เหมาะสมกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน
โดยมุ่งเน้นไปที่โครงการที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ หรือโครงการเก่าที่มีศักยภาพในการปรับปรุงให้ได้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยมีระยะเวลาการพัฒนาโครงการประมาณ 12-18 เดือน โดยจะเข้าร่วมลงทุนกับกลุ่มลูกหนี้
ธนาคารหรือสถาบันการเงิน รวมทั้ง AMC และ TAMC เพื่อสร้างให้เกิดผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุดแก่ผู้ถือหุ้น
บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในหมวดเคมีภัณฑ์และพลาสติก
มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 515 ล้านบาท มีผลประกอบการในปี 2543 จนถึงไตรมาส 2 จำนวน
97.85 ล้านบาท ล่าสุดผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติให้มีการแตกพาร์จาก 10 บาท เหลือ
1 บาท
โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรกประกอบด้วย บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 24.35%
UBS AG SINGAPORE,BRANCH -PB SECURITIES CL 8.74% นายโรเบิร์ต พอล วอลเลท คอนลินส์
7.30% MERRILL LYNCCH, PIERCE, FENNER &SMITH INC. 6.99% SHBC (SINGAPORE)
NOMINEES PTE LTD 6.79% (ข้อมูล ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2546)