นักลงทุนผวาข่าวพบระเบิดในสถานทูตมะกันในไทย ประกอบกับแนวโน้มปรับฐานหุ้นไทย
การบังคับขายหุ้น และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอีกเกือบ 3 พันล้านบาท กระหน่ำดัชนีหุ้นไทยวานนี้วูบ
2.53% หลุด 650 จุด ด้วยวอลุ่มรวม 3.46 หมื่นล้านบาท โบรกเกอร์คาดระยะสั้น กระทิงวนแถว
640-660 จุด แต่ระยะกลาง ยังเป็นขาขึ้น ประเมินบัญชีมาร์จิ้น ตลาดหุ้นไทย ปัจจุบันประมาณ
8%
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (11 พ.ย.) ลดลง 16.81 จุด ลดลง 2.53% ปิด 647.55 เนื่องจากข่าวพบระเบิดในสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
ทำให้นักลงทุนที่หวาดผวาการก่อการร้ายอยู่แล้ว ตื่นตระหนก เทขายหุ้นทิ้ง รวมทั้งกลไกลบัญชีมาร์จิ้นเริ่มทำงาน
หลังจาก 2 วันที่ผ่านมา ดัชนีปรับลดลงมากกว่า 30 จุด ทำให้โบรกเกอร์ต้องบังคับขาย
(Forces Sales) ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องวานนี้ 2,896.04 ล้านบาท
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ประธานกรรมการ ศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์ และตลาดใหม่
(MAI) กล่าวว่าการที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงแรงวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกข่าวพบระเบิดในสถานทูตสหรัฐฯใน
ไทย ทำให้เทขายหุ้นประกอบกับดัชนีอยู่ระหว่าง ปรับฐาน ส่งผลหุ้นลดลงแรง
อย่างไรก็ตาม เมื่อนักลงทุนได้รับข้อเท็จจริง เธอคาดว่าสภาพตลาดฯ โดยรวมจะสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้
เนื่องจากตลาดหุ้นไทย ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งรองรับ รวมทั้งความสามารถบริษัทจดทะเบียน
(บจ.) ผลดำเนินงานดีขึ้น และมีการจ่ายปันผล จะทำให้อัตราผลตอบแทนการลงทุนรวม อยู่ในระดับที่ดีได้
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์
(บล.) เกียรตินาคิน กล่าวว่าสาเหตุที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรง เพราะการที่ตลาดหุ้นต่างประเทศ
ในเอเชียปรับตัวลงแรงถึง 1-2% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงถึงเกือบ 3% เนื่องจากข่าวพบระเบิดในสถานทูตสหรัฐฯในไทย
ซึ่งทำให้นักลงทุนตกใจ ดัชนีปรับลดลงหลุดแนวรับจิตวิทยา 660 จุด ตลาดฯ จึงลงแรง
ถูกบังคับขาย
ปัจจัยน่าจับตา คือกลไกลบัญชีมาร์จิ้น หรือการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์เริ่มทำงาน
สำหรับนักลงทุนที่ซื้อขายบัญชีดังกล่าว ต้องถูกบังคับขาย เพราะช่วง 2 วันที่ผ่านมา
ดัชนีลดลงกว่า 30 จุด ดังนั้น ต้องถึงจุดเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกัน และจุดบังคับขาย
ทำให้นักลงทุนที่ไม่มีความสามารถชำระเงิน ต้องเทขายหุ้น
กระทิงวน 640-660
แนวโน้มตลาดฯ ระยะสั้น 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า จะยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยดัชนี
680 จุดน่าจะเป็นไปได้ แต่ระยะสั้น 1-2 วัน คาดว่าดัชนีจะผันผวนขึ้นลงสลับกัน อาจดีดตัวขึ้นได้
บ้าง แต่ยังอยู่ในกรอบ 650-660 จุด ส่วนแนวรับ 640 จุด
นายมนตรี ศรไพศาล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
ในเครือกลุ่มกิมเอ็งจากสิงคโปร์ กล่าวว่าแนวโน้มมูลค่าบัญชีมาร์จิ้นระบบตลาดหุ้นไทย
ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นได้มาก หรือระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจไทย-เอเชียปี
2540
เนื่องจากกฎเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อส่วนนี้ เข้มงวดมากขึ้น ขณะเดียวกัน โบรกเกอร์ก็ต้องระมัดระวัง
เพราะมีบทเรียนอดีตเตือนสติอยู่แล้ว ดังนั้น มาร์จิ้นระดับปัจจุบันจึงไม่น่าห่วง
หารือคุม "คุณเน็ต"
ส่วนบัญชีหักกลบลบหนี้ในวันเดียว (Net Settlement) คาดว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต) จะหารือกับตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทสมาชิก เพื่อหามาตรการควบคุม รวมถึงกำหนดสัดส่วนเน็ต
เซตเทิลเมนต์ หุ้นรายกลุ่ม-รายตัว ให้เหมาะ สมมากขึ้น แต่ขณะนี้ ยังไม่ได้กำหนดว่าจะประชุมร่วมกันวันไหน
อย่างไรก็ตาม การจะออกมาตรการควบคุม เขาแนะว่าต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดกับสภาพคล่องซื้อขายตลาดหุ้นด้วย
ตลาดหุ้นจะสมบูรณ์ได้ ต้องมีนักลงทุนที่ลงทุนที่หลากหลาย ซึ่งเขาเชื่อว่าปริมาณเก็งกำไรของนักลงทุน
เมื่อทางการเตือน คาดว่าจะลดน้อยลงในที่สุด
เขากล่าวว่าสิ่งสำคัญที่สุด ทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะโบรกเกอร์ ควรให้ความ
รู้นักลงทุน ให้เข้าใจว่าการลงทุนระยะยาว ก็ให้ผลตอบแทนระดับที่ดีได้ ส่วนการลงทุนระยะสั้น
ความเสี่ยงสูง ช่วงภาวะตลาดฯ ขาขึ้น ย่อมได้ผล ตอบแทนสูง แต่หากช่วงภาวะขาลง จะทำให้ได้รับความเดือดร้อนได้