DELTA แจงไตรมาส 3 ปีนี้ทรุด 71% จากการรับรู้ผลขาดทุนจากบริษัทย่อย DES จำนวน
536 ล้านบาท และผลขาดทุน ทางบัญชีในอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่าเงินบาทแข็งค่า แต่ไม่มีผลทาง
การเงิน ยอมรับตัวเลขกำไรหดจากยอดขายที่ลดลง ยืนยันปีหน้ารายได้โตต่อ ตั้งเป้า
1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ เน้นสินค้า Hi-End ขณะที่โบรกแนะ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว"
แม้งบไม่สวย แต่มีโอกาสฟื้นตัว
นายหวัง หมิง เจิ้ง รองประธานกรรมการ บริษัท เดลต้า อีเลค-โทรนิคส์ (ประเทศไทย)
จำกัด (มหาชน) (DELTA) เปิดเผยว่า สาเหตุ ที่บริษัทฯมีกำไรสุทธิลดลงคิดเป็นร้อยละ
71.73 ในไตรมาสที่ 3 ปี 2546 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2545 โดยที่บริษัทฯ
มีกำไรสุทธิลดลงจาก 1,107 ล้านบาทเป็น 313 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการ
บริษัทย่อย Delta Energy Systems (DES) ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2546 ซึ่งบริษัทฯ
ถือหุ้นอยู่คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100
ดังนั้น ในไตรมาสนี้งบการเงินรวมของ บริษัทฯ จึงแสดงฐานะทางการเงินและการดำเนิน
งานที่มี DES เป็นส่วนประกอบอยู่ ซึ่งในไตรมาส นี้ DES มีผลประกอบการขาดทุนคิดเป็นเงิน
536 ล้านบาท จึงมีผลทำให้งบการเงินรวมของบริษัทฯ มีกำไรลดลง
ทั้งนี้ หากพิจารณาผลประกอบการของ บริษัทฯ ถ้าไม่รวมงบการเงินของ DES ในไตรมาสที่
3 ปี 2546 นี้จะพบว่า บริษัทฯ มีกำไร สุทธิ 863 ล้านบาทลดลงเพียงร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปี
2545 ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,107 ล้านบาท เนื่องจาก ยอดขายลดลงร้อยละ 16.98
จาก 10,962 ล้านบาทเป็น 9,101 ล้านบาททำให้กำไรขั้นต้นลดลงจาก 1,575 ล้านบาทเป็น
1,406 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 10.73 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จาก
761 ล้านบาทเป็น 781 ล้านบาท คิด เป็นร้อยละ 2.57
นอกจากนี้ยังมีดอกเบี้ยจ่ายเป็นจำนวนเงิน 21 ล้านบาท ซึ่งดอกเบี้ยส่วนใหญ่เกิดจากการกู้ยืมเงิน
4,399 ล้านบาทเพื่อซื้อกิจการ DES ในเดือนกรกฎาคม 2546 กำไรสุทธิจำนวน 863 ล้านบาทดังกล่าวข้างต้น
ไม่ได้รวมการตัดจ่าย ค่าความนิยมจำนวนเงิน 14 ล้านบาทที่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการของ
DES ซึ่งค่าความนิยมนี้จะปรากฏในงบการเงินรวมเมื่อรวม DES เข้ามาแล้วเท่านั้น
นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ DELTA กล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่ประกาศออกมาเป็นไปตามความคาดหมายของบริษัทที่จะต้องรับรู้ผลขาดทุนจากบริษัทที่เข้าไปซื้อกิจการมา
และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 300 ล้าน บาท อันเกิดจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า
แต่ก็เป็นเพียงในรูปบัญชีเท่านั้น เพราะบริษัทได้ป้องกันความเสี่ยงด้วยการทำ Hedging
ไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงไม่มีผลต่อกระแสเงินสด
และในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ DELTA จะยังเดินตามเป้าหมายเดิม และมั่นใจว่าจะเป็นไปตาม
ที่ตั้งเป้าไว้ เนื่องจากการขายสินค้าที่มีออร์เดอร์มาแล้ว บริษัทได้ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้ที่ราคา
40 บาทต่อเหรียญสหรัฐ สำหรับปีหน้า DELTA ยังตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า
1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะมุ่งผลิตสินค้า Hi-End เพราะสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่า
"ปีนี้เราออกสินค้าใหม่ ๆ หลายตัว แต่เป็น ช่วงที่เศรษฐกิจยังดูไม่ดีนัก
จึงทำให้สินค้าตัวใหม่ ไม่หวือหวา แต่ยังสร้างเงินให้เรา แต่ปีหน้าเมื่อทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ
รวมทั้งAES ที่การผลิต จะดำเนินงานได้อย่างสมบูรณ์ภายใต้การบริหารของเรา ผมเชื่อว่าเราจะเติบโตได้ตามแผนงานที่วางไว้"
นายอนุสรณ์
บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แม้ว่างบไตรมาส 3/46 ของ DELTA
จะออกมาต่ำกว่าเราคาดการณ์ 28% แต่ความเสี่ยง ของการซื้อกิจการแอสคอม เอนเนอร์จี
ซิสเต็ม (AES) ได้มีความชัดเจนในงบการเงินมากขึ้นมาก DELTA จำเป็นที่จะต้องลดต้นทุนโดยการเพิ่มกำไรพื้นฐานและลดค่าโสหุ้ยลงให้ได้
ซึ่งเห็นว่าโอกาสก็สูง เนื่องจากส่วนครองตลาดในธุรกิจ SPS โลก จะมากขึ้นและความสามารถในการลด
ต้นทุนที่โรงงานในเมืองไทยก็มีสูงด้วย
เราได้ปรับกำไรในปีนี้ลงเล็กน้อยและคาดการเติบโตในอีก 2 ปีหน้ากว่า 50% ต่อปี
และเมื่อรวมกับฐานการเงินอันเข้มแข็ง บริษัทน่าจะจ่ายปันผลได้ที่ 2 บาท หรืออัตราตอบแทน
7% เราจึงได้ปรับเป้าหมายและคำแนะนำของหุ้น DELTA ขึ้นเป็น 35 บาท และ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว"
เนื่องจากศักยภาพกำไรฟื้นตัวมีโอกาสสูง