PDระดมทุนขายหุ้นIPOใช้ขยายงาน


ผู้จัดการรายวัน(7 พฤศจิกายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

แพคเดลต้าเพิ่ม ทุนจาก 30 ล้านบาท เป็น 40 ล้าน บาท คาดกำหนดราคาขายได้วันที่ 12 พ.ย. และเปิดจอง 17-18 เดือน เดียวกันก่อนเข้าเทรดในตลาด MAI 1 ธ.ค.นี้ โดยเงินที่ได้จะนำ ไปใช้ซื้อเครื่องจักร ชำระหนี้และใช้เป็นทุนหมุนเวียน

นายสรสินธุ ไตรจักรภพ ประธานกรรมการ บริษัทแพคเดล ต้า จำกัด(มหาชน) (PD) กล่าวว่า บริษัทจะทำการขายเพิ่มทุนจาก 30 ล้านบาท เป็น 40 ล้านบาท โดยการ เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชน ทั่วไป (IPO) จำนวน 10 ล้านบาท พาร์ละ 1 บาท หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จะเสนอขาย และจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ใหม่(MAI) ในเดือนธันวาคมนี้

โดยมีบริษัทหลักทรัพย์แอสเซท พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ขณะอยู่ในระหว่างการศึกษาถึงการกำหนดราคาขายหุ้นของบริษัท คาดว่าจะกำหนดราคาขายได้วันที่ 12 พฤศจิกายน และเปิดให้นักลงทุนจองซื้อ 17-18 พฤศจิกายน ก่อนจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด MAI วันที่ 1 ธันวาคมปีนี้ โดย นายธงชัย อำไพกุลวัฒนา และกลุ่มศรีเทพไทยจะลดสัดส่วนถือหุ้นลงจาก 81% เหลือ 60.75%

สำหรับหุ้นเพิ่มทุนนั้นจะกันไว้ให้กับสถาบัน การเงิน 20-30% รวมทั้งให้กับพาร์ตเนอร์ในการทำธุรกิจคือ MAUSER Mashchinetechink Gmbh (MAUSER) จากเยอรมัน ซึ่งเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับกันกว้างขวาง ซึ่งแพคเดลต้าก็ใช้เทคโนโลยีจากบริษัทดังกล่าวด้วย ซึ่งหุ้นส่วนนี้ กันไว้ประมาณ 2 แสนหุ้น ส่วนที่เหลือขายให้ประชาชนทั่วไป และในอนาคตหาก MAUSER ต้องการเข้ามาถือหุ้นในแพคเดลต้า แต่ต้องดูความเหมาะสมอีกครั้ง

นายสรสินธุกล่าวต่อไปว่า เงินที่ได้จะนำไป ซื้อเครื่องจักร และอุปกรณ์ในการเพิ่มกำลังผลิต ใช้ชำระหนี้เงินกู้คืนและเพื่อสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งบริษัทได้ซื้อเครื่องจักรเพิ่มในการเปิดไลน์การผลิตถังพลาสติกเพิ่มขึ้น และบริษัท ยังใช้ไลเซนส์ในการผลิตถังแต่ละประเภทจาก MAUSER ด้วย โดยมีสัญญาถึงปี 2554

ปัจจุบัน ตลาดมีความต้องการถังพลาสติก หรือบรรจุภัณฑ์ขนาดต่าง ๆ ทั้ง 200 ลิตร 120 ลิตร 20 ลิตรและ 30 ลิตร โดยถังขนาด 200 ลิตรถือเป็นสินค้าที่สร้างรายได้ให้กับแพคเดลต้า เป็นหลัก และยังเป็นตัวที่มีมาร์จิ้นสูงสุดในบรรดา สินค้าทุกประเภท ขณะที่ถังพลาสติกขนาด 200 ลิตรประเภท L-Ring ที่ผลิตอยู่นั้นไม่มีคู่แข่งขัน ซึ่งใช้ในการบรรจุวัตถุเคมีอันตราย

ทั้งนี้ ถังพลาสติกขนาด 20 และ 30 ลิตร ตลาดมีความต้องการสูงทั้งในภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน เพราะสะดวกในการขนย้าย แม้ปัจจุบันจะมีผู้ผลิตมากราย แต่ด้วยคุณภาพที่ได้มาตรฐานต่างจากผู้ผลิตรายอื่น ทำให้สินค้าของแพคเดลต้า ขายได้นำหน้าคู่แข่ง

อย่างไรก็ตาม การขยายไลน์การผลิตเพิ่มจาก 2 ไลน์การผลิตเป็น 4 ไลน์ผลิตนั้น บริษัทมุ่งที่จะผลิตถังพลาสติกขนาด 30-40 ลิตร ให้กำลังการผลิตเพิ่มจาก 9 แสนถังต่อปี เป็น 1.26 ล้านถังต่อปีในปี 2547 และเน้นให้ได้มาตรฐานขององค์การสหประชาชาติ(UN) ที่ต้องการให้การ ขนส่งสารเคมีจากประเทศหนึ่งไปยังประเทศหนึ่ง มีการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดจากสารเคมีที่บรรจุอยู่ในถังรั่วไหลออกมา พร้อมกับการผลิตถังขนาด 120 ลิตร แบบ Open Top เพิ่มจากเดิม

นายสรสินธุกล่าวว่า แพคเดลต้า มุ่งมั่นที่จะผลิตสินค้าที่มีมาตรฐานและสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ และการเติบโตของบริษัทจะอิง กับการซื้อขายสินค้าที่เป็นเคมีคุณภาพสูงและราคาแพงเท่านั้น ที่สำคัญรัฐโดยกรมควบคุมมลพิษอยู่ในระหว่างการทำรายละเอียดเพื่อกำหนดเป็นข้อกฎหมายให้ผู้ประกอบการใช้ถังพลาสติกที่มีคุณภาพ เพราะปัจจุบันมีการใช้ถังที่คุณภาพต่ำไม่ได้มาตรฐานและเพื่อให้สอดคล้อง กับมาตรฐานของ UN ด้วย และหากมีกฎหมายนี้ออกมาจะส่งผลต่อรายได้ของบริษัทอย่างมาก

ปัจจุบัน แพคเดลต้า ส่งบรรจุภัณฑ์ให้กับลูกค้ากลุ่มประเทศเพื่อนบ้านคือ เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยแบ่งสัดส่วนการส่งออกและขายในประเทศ 50 ต่อ 50 และรายได้ของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่า (2544-ครึ่ง แรกปี 2546) บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 79.26 ล้านบาท 71.87 ล้านบาทและ 74.75 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 21.4 ล้านบาท 57.73 ล้านบาทและ 33.77 ล้านบาท ที่ผ่านมาบริษัทจ่าย เงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นมากกว่า 80% และหลังนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI แล้ว บริษัทมีนโยบายจ่ายไม่ต่ำกว่า 50% ให้กับผู้ถือหุ้น ขณะที่อัตราการเติบโตของรายได้และกำไรบริษัทยังคงเติบโตที่ระดับ 10%



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.