"ทักษิณ" เอาจริงสั่งก.ล.ต.-ตลท.จับตาโบรกเกอร์ 4-5 ราย รวมทั้ง 4-5
หุ้น เข้าข่ายซื้อขายหุ้นผิดปกติ ระบุตอนนี้เตือนล่วงหน้าหุ้นบางตัวแล้ว ยอมรับไม่อยาก
ให้เกิดวิกฤติเหมือนที่ผ่านมาอีก ขณะที่ "สุชาติ" รับลูกพบหุ้นหรือโบรกเกอร์ใดมีพฤติกรรม
เข้าข่ายปั่นหุ้นให้ก.ล.ต.-ตลาดฯ สั่งฟันทันที ส่วนหุ้นไทยชะงักช่วงสายวานนี้ หลังข่าวสะพัดทักษิณเตรียมคุมคุณเน็ต-มาร์จิ้น
ก่อนกระทิงเดินหน้าต่อเนื่อง ดัชนีเพิ่มอีก 1.30% ปิด 673.70 จุด ด้วยมูลค่าเทรดแรงถึงเกือบ
5 หมื่นล้านบาท ขณะที่บอร์ดบรรษัทภิบาลวานนี้มีมติผลักดัน 3 ด้าน รวมถึงให้ตำรวจ-อัยการต้องมีเหตุผลพอ
หากยกฟ้องคดีที่ก.ล.ต.ส่งเรื่องให้
กระทิงหุ้นไทยวานนี้ (5 พ.ย.) ยังเดินหน้า ผันผวนต่อเนื่อง โดยก่อนปิดตลาดฯช่วงเช้าดัชนี
ลดต่ำสุด 3.97 จุด หลังข่าวนายกรัฐมนตรีพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เตรียมห้ามเล่นเน็ตเซ็ทเทิลเมนต์
(การหักกลบลบหนี้ภายในวันเดียว) และห้ามเล่น มาร์จิ้น (ปล่อยกู้ซื้อหุ้น) หุ้นบางตัว
ก่อนเดินหน้า เพิ่มต่อเนื่องในช่วงบ่าย โดยปิดเพิ่ม อีก 8.64 จุด เพิ่ม 1.30% สู่ระดับ
673 .70 จุด มูลค่าซื้อขายรวม 49,220.37 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก
174.80 ล้านบาท
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิด เผยเช้าวานนี้ ถึงภาวะตลาดหุ้นที่ร้อนแรง
โดยวันอังคาร มูลค่าซื้อขายรวมตลาดหุ้นไทยพุ่งกว่า 6.4 หมื่นล้านบาท สูงสุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย
28 ปี ว่าเขายอมรับว่าวอลุ่มที่พุ่งสูงขึ้นขณะนี้มาจาก 2 ปัจจัย คือเงินลงทุนจากต่างประเทศ
ที่ไหลเข้าสู่ประเทศไทยสูงมากจนน่าตกใจ อีกส่วนหนึ่ง มาจากการเก็งกำไรจากนักลงทุนรายย่อยไทย
ซึ่งวานนี้ ได้เชิญนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล เลขาธิการสำนักงานก.ล.ต. และ นายกิตติรัตน์
ณ ระนอง กรรมการ และผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์มาพูดคุย และถามปัญหาตลอด จนแนวทางเพื่อป้องกันการเก็งกำไรไม่ให้มากเกินไป
"อะไรที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป เป็นสิ่ง ที่ไม่ดี เหมือนที่พระพุทธเจ้าสอนว่า
ให้รู้จักความ พอดี อย่างหลงใหลได้ปลื้มกับความไม่พอดี แม้ ผมมั่นใจว่า (ตลาดหุ้นไทย)
ยังห่างไกลจากวิกฤติ ฟองสบู่ เราต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีสัญญาณบางอย่างต้องรีบหยุดดู"
นายกรัฐมนตรีกล่าว
จับตา คุณเน็ต-มาร์จิ้น
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวต่อว่า ต้องพิจารณาที่ Net Settlement (การหักกลบลบหนี้หุ้นในวันเดียวกัน)
และมาร์จิ้น (สินเชื่อซื้อหุ้น) บางตัว ที่เห็นชัดว่า ปัจจัยพื้นฐานไม่สอดคล้องกับราคาหุ้น
นั่นหมายถึง เป็นการปั่นหุ้น ซึ่งประชาชนไม่รู้ รวมทั้งโบรกเกอร์ ก็ยุให้นักลงทุนเล่นเก็งกำไร
ซื้อ ขายวันต่อวัน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ดี ไม่ใช่หลัก การของตลาดหลักทรัพย์
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มอร์แกน สแตนเล่ย์ วาณิชธนากรยักษ์ใหญ่ได้แสดงความห่วงใยตัวเลข
เศรษฐกิจบางตัวของไทย โดยระบุว่าตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคของไทยดีขึ้นมาก แต่ต้องเริ่ม
ควบคุมบางตัวที่ล้ำหน้า อาทิ หุ้นบางตัวหุ้นอสัง- หาริมทรัพย์บางประเภท ซึ่งก็ได้มีการพิจารณาอยู่
แล้ว และจะค่อยๆ ดูระบบให้มีความสมดุลมาก ขึ้น หุ้นตัวที่มีความผิดปกติ ก็ต้องดำเนินการ
หุ้น ตัวไหนที่อ่อนแอก็ต้องช่วยฉุดขึ้นมา
สั่งจับตา 4-5 โบรกเกอร์
บ่ายวันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดเผยหลังหารือร่วมกับนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล
เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นายกิตติรัตน์
ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) และคณะกรรมการบรรษัทภิบาลแห่งชาติว่าได้กำชับให้ตลท.
และ ก.ล.ต.ดูแลภาวะตลาดหุ้นที่ร้อนแรงขณะนี้ โดยให้ดูแลแค่บางตัวที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ดี
แต่ราคาและมูลค่าซื้อขายเพิ่มขึ้นผิดปกติ รวมทั้งจับตาดูโบรกเกอร์ที่ผิดจรรยาบรรณ
ผิดกฎหมาย และ ปั่นหุ้น หรือหลอกลวงนักลงทุน
"ผมจะไม่เข้าไปยุ่งในเรื่องเทคนิค แต่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ก.ล.ต. และตลาดฯ
ซึ่งตอนนี้เห็นว่าตลาดฯ มีความร้อนแรงเกินไป ส่วน ค่าพีอี (สัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไร)
นั้น โดยรวม ตอนนี้ไม่มีปัญหา แต่กำชับให้ดูแลแค่บางตัว รวม ทั้งถ้าโบรกเกอร์ไหนซื้อขายผิดปกติ
ก็ต้องให้ ก.ล.ต.และตลาดฯดูแล ซึ่งผมก็ได้มีการเตือนล่วง หน้าในหุ้นบางตัวแล้ว
แต่ไม่ระบุว่าเป็นตัวไหน และให้จับตาเป็นพิเศษ สำหรับหุ้นที่ผิดปกติ ก็ดำเนินการได้เลย
เพราะไม่ต้องการให้ตลาดฯ สะดุด อยากให้ตลาดฯแข็งแรง มีความมั่นคง หากมีการเก็งกำไรบ้างนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร
ตอนนี้ จับหุ้นอยู่ 4-5 ตัว โบรกเกอร์อีก 4-5 ราย" นายก รัฐมนตรีกล่าว
ขณะที่ข้อมูล ตลท.โบรกเกอร์ที่มูลค่าซื้อขาย มากที่สุด 5 อันดับแรก วันที่ 4
พ.ย. คือ บล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (KIMENG) มูลค่าซื้อขาย 14,187.28 ล้านบาท ส่วนแบ่งตลาด
11.01% บล.เอบีเอ็น แอมโร เอเชีย (ประเทศไทย) (AST) มูลค่าซื้อขาย 9,574.86 ล้านบาท
(7.43%) บล. ซีมิโก้ (ZMICO) มูลค่าซื้อขาย 9,224.60 ล้านบาท (7.16%) บล.เคจีไอ
(ประเทศไทย) (KGI) มูลค่า ซื้อขาย 6,826.77 ล้านบาท (5.30%) และบล. พัฒนสิน (CNS)
มูลค่าซื้อขาย 5,708.70 ล้านบาท (4.58%)
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่าควรใช้ระบบ Net Settlement กับหุ้นบางตัว ไม่ใช่ใช้กับทุกตัวเป็น
มาตรฐานเดียวกัน น่าจะห้ามใช้เฉพาะตัวที่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดนี้ตื่นตัวในการทำงาน
และตั้งรับเชิงรุก ซึ่งเบื้องต้นพอใจการทำ งานของก.ล.ต.และ ตลท.
"เราต้องดำเนินการเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือ ของตลาดฯไว้ สถานการณ์ตอนนี้
ถือว่าไม่ร้ายแรง แต่ต้องระวัง ถ้าปล่อยไว้เฉยๆ จะทำให้เกิดวิกฤติ เหมือนที่ผ่านมา
เพราะถือว่าตลาดฯ ตอนนี้โตแบบไม่สมดุล ถ้าดูแลให้เกิดความสมดุล ก็ไม่เป็น ไร ต้องปกป้องนักลงทุนให้มีมาตรฐานในระดับ
สากล ไม่ให้ถูกหลอกโดยเล่ห์เหลี่ยมของผู้ไม่หวังดี และจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก"
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
ทางด้านนายประสารเปิดเผยหลังหารือร่วมกับพ.ต.ท.ทักษิณ ว่านายกรัฐมนตรีกำชับให้
ก.ล.ต.และตลท.ติดตามความเคลื่อนไหวการซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ที่ร้อนแรง ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ
เห็นว่ามีหลักทรัพย์บางตัว ที่ราคาและมูลค่าซื้อขายค่อนข้างมาก จึงให้ติดตามใกล้ชิด
และเฉพาะ เจาะจง ซึ่งจะเป็นไปตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรี ให้ไว้เป็นระเบียบวิธีปฏิบัติ
แต่จะไม่ยกเลิกระบบ Net Settlement
"ท่านนายกฯ ยังมีความเป็นห่วงในส่วนของ ประชาชนที่เข้าซื้อขายแบบเก็งกำไร
เพราะอาจขาด ข้อมูลที่ครบถ้วน อาจจะได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็น ประเด็นที่ได้เน้นย้ำต่อก.ล.ต.
และตลาดฯ ซึ่งท่าน ได้ให้แนวทางอยู่บ้าง แต่เป็นระเบียบวิธีปฏิบัติ ส่วนจะจับตาดูหุ้นกี่ตัวกี่กลุ่มนั้น
ขอไม่พูด เพราะ เป็นเหตุผลในเรื่องของการดำเนินงาน" นายประสารกล่าว
เก็งกำไรสูง
นายประสารกล่าวว่า การที่มูลค่าซื้อขายวันอังคารพุ่งสูงถึง 6.4 หมื่นล้านบาท
หากเทียบสภาพคล่องหมุนเวียนของหุ้นที่ซื้อขายในตลาดฯ (Free Float) จัดอยู่ในระดับเก็งกำไรค่อนข้างสูง
เท่าที่สังเกต นักผู้ลงทุนอาศัยข่าวที่เกิดขึ้นช่วงสั้นๆ ค่อนข้างมาก ทำให้ราคาหุ้นบางตัวผันผวน
สูงมาก เมื่อข่าวเปลี่ยนแปลง ก็ทำให้ราคาตก ลักษณะอย่างนี้ ค่อนข้างน่าเป็นห่วง
ส่วนมาตรการที่จะดูแลปัญหานี้ เขาไม่ขอพูดก่อนล่วงหน้า เพราะอาจเกิดความเข้าใจผิด
แต่จะนำแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานสากล และเหมาะสมมาใช้ โดยไม่จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี
ซึ่งเป็นแนวทางที่หลายประเทศใช้จัดการภายในประเทศ ให้เห็นเป็นตัวอย่าง
เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า เขาไม่ห่วงตลาด หุ้นไทยจะเกิดภาวะฟองสบู่ คิดว่าสถานการณ์ปัจจุบันนี้
ไม่ใช่ภาวะฟองสบู่ แต่ห่วงประชาชนที่เข้ามาซื้อขายจะเสียหาย รวมทั้งภาพลักษณ์ตลาดหุ้นไทยจะเสียหายตาม
โบรกเกอร์ให้วงเงิน คุณเน็ต สูง
นายประสารกล่าวว่า สำหรับการใช้ระบบ Net Settlement จะศึกษาเพดานของระบบให้ชัดเจน
เหมือนบางประเทศ ที่กำหนดเพดาน และอาจใช้กับไทยได้ ระบบนี้ ข้อดีคือ จะทำให้ฐานะสินเชื่อสุทธิสามารถปิดบัญชีได้สิ้นวัน
ปัจจุบัน ไม่มีเพดานวงเงินที่กำหนดไว้ บางโบรก- เกอร์ให้วงเงินลูกค้าเล่นหุ้นค่อนข้างสูง
โดยตั้งความหวังว่า จะสามารถหักกลบลบหนี้ได้วันเดียว ทั้งนี้ ต้องระวังว่าระหว่างวันอาจมีเหตุการณ์ที่คาด
ไม่ถึง เช่น ราคาหุ้นตกมากจนลูกค้าไม่สามารถปิดบัญชีได้ ทำให้กระทบต่อฐานลูกค้า
รวมทั้งระบบเคลียริ่งโดยรวม
เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวอีกว่าหุ้นบางตัวที่ วันอังคารซื้อขายมาก ราคาขึ้นสูง
ถ้าเอาผลกำไร ล่าสุด และผลที่คาดการณ์ เปรียบเทียบ มีเหตุผล แต่บางตัวราคาหุ้นปรับตัวขึ้นตามกระแสข่าว
เมื่อ ข่าวเปลี่ยนแปลง ราคาหุ้นก็ตกค่อนข้างมาก ส่วน นี้ ต้องดูว่าจะมีวิธีการใดจัดการให้เหมาะสม
ขณะนี้ มองว่ายังไม่กระทบตลาดฯ รวม แต่นัก ลงทุนรายย่อยจะเสียหาย พ.ต.ท.ทักษิณจึงเน้นย้ำ
เรื่องนี้ เพื่อเร่งแก้ปัญหาให้นักลงทุนรายย่อยด้วย
ขุนคลังรับลูกแต่ยันพีอีหุ้นไทยยังต่ำ
ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังหารือกับ พ.ต.ท.
ทักษิณ ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่านายกรัฐมนตรีกำชับกระทรวงการคลัง รวมถึงนายประสาร และนายกิตติรัตน์
ให้ติดตามภาวะตลาดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ใกล้ชิด ซึ่งยอมรับว่ามีหุ้นบาง ตัวร้อนแรงเกินไป
หากพบว่าหุ้นตัวใด หรือโบรกเกอร์รายใดเข้าข่ายปั่นหุ้น ทางตลาดฯ และก.ล.ต. ก็สามารถดำเนินการตามมาตรการที่มีอยู่ได้เลย
แต่โดยภาพรวมของตลาดฯแล้ว ถือว่าไม่มีความ ร้อนแรงจนเกินไป ค่า PE Ratio (สัดส่วนราคา
หุ้นต่อกำไร) ประมาณ 10.5 เท่า ซึ่งยังถือว่ายังต่ำกว่าในระดับภูมิภาคอยู่ และยังไม่จำเป็นต้องมีมาตรการเบรกตลาดฯออกมาอีก
บอร์ดบรรษัทภิบาลผลักดัน 3 ด้าน
สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการบรรษัทภิบาลแห่งชาติ ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประธานนายประสารกล่าวว่า
ได้มีการประเมินผล การผลักดันบรรษัทภิบาลช่วงที่ผ่านมา พบว่าบริษัทจดทะเบียน (บจ.)
ตื่นตัว และให้ความสำคัญเรื่องนี้มากขึ้น แต่ยังขาดแรงผลักดันจากผู้ลงทุนสถาบัน
หรือสถาบันตัวกลาง ที่จะกระตุ้นให้ บจ.ให้ความสำคัญเรื่องดังกล่าวต่อเนื่อง สำหรับดำเนินการกับผู้ทำผิด
(Enforcement) ให้เห็นผลจริงจัง ยังคงเป็นจุดที่ต้องเร่งแก้ไขปรับปรุงให้เห็นผลโดยเร็ว
ซึ่งผลการประเมินข้างต้น คณะกรรมการกำหนดทิศทางผลักดันบรรษัทภิบาลพร้อมกัน 3 ด้าน
ดังนี้
1. เพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎ หมายดำเนินคดีเศรษฐกิจ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
โดยระยะสั้น มอบหมายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษประสาน งานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อกำหนดแนวทาง แก้ไขปัญหา และหาแนวทางการทำงานร่วมกัน เพื่อให้การดำเนินคดีอื่น
ๆ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งให้ปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ด้วยการประสานงานการดำเนินคดีความผิดตาม
กฎหมายการเงินการคลัง พ.ศ. 2546 โดยให้ตำรวจหรืออัยการ ต้องแจ้งเหตุผลมีคำสั่งไม่ฟ้อง
คดีให้ ธปท.หรือก.ล.ต.ทราบ เพื่อประโยชน์ปรับ ปรุงการบังคับใช้กฎหมายในอนาคต และเป็นเครื่องมือตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่
ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับคดีที่มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศให้ธปท. และก.ล.ต.ประสานงานโดยตรง กับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
เพื่อสั่งการ และติดตามความคืบหน้าใกล้ชิดต่อไป
ส่วนมาตรการระยะยาว เนื่องจากพ.ร.บ การสอบสวนคดีพิเศษ จะมีผลใช้บังคับต้นปี 2547
จึงให้ธปท. และก.ล.ต. ประสานงานกรมสอบสวนคดีพิเศษใกล้ชิด เพื่อให้การพิจารณาดำเนินคดี
มีประสิทธิภาพ หากเห็นว่าจำเป็นต้อง แก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพิ่มเติมอีกอนาคต ให้เสนอคณะกรรมการพิจารณาต่อไป
คลังแก้กฎหมายหลักทรัพย์ไตรมาส 1 ปี 47
2. แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องคณะกรรมการ เห็นว่าควรทำด้วยความระมัดระวัง โดยมีวัตถุ
ประสงค์จะเพิ่มเครื่องมือให้ผู้ลงทุนปกป้องสิทธิของตนเองได้ แต่ต้องไม่เพิ่มภาระ
บจ.โดยไม่จำเป็น จึงเห็นควรให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีประสานงาน และเร่งรัดให้กระทรวงการ
คลัง เสนอกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ต่อคณะรัฐมนตรีภายในไตรมาส
1 ปี 2547 และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอกฎหมายว่าด้วยการดำเนินคดีแบบกลุ่ม
(Class Action) ต่อคณะรัฐมนตรี ภายในไตร-มาส 2 ปี 2547
3. การเข้าร่วมโครงการประเมินการปฏิบัติ ตามมาตรฐานสากล (Report on the Observance
of Standards and Codes : ROSCs) คณะกรรมการเห็นว่า การเข้าร่วมโครงการดังกล่าวจะทำให้ภาพลักษณ์ไทยดีขึ้นในสายตาผู้ลงทุนต่างประเทศ