สภานม: เล่นต่างคนต่างพาย แล้วเมื่อไหร่จะถึงฝั่ง...?


นิตยสารผู้จัดการ( พฤษภาคม 2529)



กลับสู่หน้าหลัก

หลังจากที่มีข่าวว่าจะตั้งสภานมมาตั้งนานแล้วแต่ก็กลายเป็นมวยล้มไป มาคราวนี้กระทรวงเกษตรฯ ฮึดฮัดอัดฉีดเรื่องสภานมขึ้นมาปัดฝุ่นกันใหม่อีกครั้ง คราวนี้จะไปล้มหรือไปโลดกันแน่...

สภานมนั้นมีชื่อเต็มว่า “สภาส่งเสริมการผลิตนมแห่งชาติ” หรือ “MILK BOARD”

คนไทยส่วนมากอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับชื่อสภานมนัก แต่สำหรับเมืองนอกที่มีอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าหลักของประเทศแล้ว สภานมถือเป็นองค์กรหนึ่งที่มีบทบาทมาก

สภานมจะมีบทบาทหน้าที่อะไรบ้างนั้น “ผู้จัดการ” ได้รับคำอธิบายจากนักวิชาการท่านหนึ่งในวงการนมว่า “สภานมนั้นเขาจะรู้ดีว่าดีมานด์ของประเทศมีเท่าไหร่ ซัปพลายมีเท่าไหร่ จะต้องเอานมเนยเข้ามาเท่าไหร่ จะเข้ามาในรูปไหนบ้าง จะเข้ามาอย่างไร เป็นผู้กำหนดควบคุมการนำเข้าส่งออกจะอยู่ในระบบเดียวกัน และจะส่งเสริมอย่างไรต่อไป จะออกกฎระเบียบอย่างไรมาคุมเรื่องเกี่ยวกับการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมโดยเฉพาะ ตั้งแต่เกษตรกรจนถึงการขายครบวงจร”

เรียกว่าอะไรที่เกี่ยวกับนม (โค) นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับสภานมทั้งหมด

ประเทศไทยเริ่มคิดจัดตั้งสภานมครั้งแรกเมื่อปี 2513 เนื่องจากในตอนนั้นเกิดวิกฤตการณ์นมเหลืออย่างรุนแรงเป็นครั้งแรก เพราะโรงงานแปรรูปนมของเอกชนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับซื้อนมดิบจากเกษตรกร แต่เนื่องจากรัฐขาดอำนาจทางกฎหมายที่จะไปบังคับให้โรงงานแปรรูปนมเหล่านี้ซื้อนมดิบ จึงได้แต่ขอความร่วมมือ แต่ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร

บทเรียนในครั้งนี้ทำให้นักวิชาการในวงการนมทั้งหลายเสนอให้จัดตั้งสภานมขึ้นเหมือนต่างประเทศ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างและประสานงานในการดำเนินการเลี้ยงโคนม การผลิต การแปรรูป และการจำหน่ายน้ำนมดิบ และผลิตภัณฑ์รวมอยู่ภายใต้องค์กรเดียวกัน ซึ่งจะง่ายต่อการกำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้อง รวมทั้งเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต

แต่เรื่องการจัดตั้งสภานมในครั้งนั้นก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ด้วยเหตุผลอะไรไม่เป็นที่เปิดเผย แล้วเรื่องก็เลยเงียบหายไปในที่สุด

จนมาถึงวิกฤตการณ์นมล้นตลาดอีกครั้งเมื่อปี 2528 กระทรวงเกษตรฯ ก็เลยเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติจัดตั้งสภานมขึ้นอีกครั้ง

ในครั้งนี้ก็สัมฤทธิ์ผลขึ้นมาขั้นหนึ่งแล้ว โดยรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ มีคำสั่งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2528 ให้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเตรียมการจัดตั้งสภานมขึ้นคณะหนึ่ง ซึ่งมีตัวแทนจากภาคเอกชนและภาครัฐบาลร่วมกัน คือ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธานปลัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นรองประธาน และมีคณะกรรมการจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สหกรณ์โคนม สมาคมหรือชมรมผู้เลี้ยงโคนม โรงงานผลิตภัณฑ์นมเอกชน ฯลฯ

เรียกว่าเป็นการชุมนุมคนในวงการนมทุกแขนงเลย

คนในวงการนมส่วนมากเห็นด้วยและสนับสนุนให้มีการตั้งสภานม แต่ก็กลัวว่าอาจจะไม่สำเร็จ เพราะปัญหาจากเรื่อง “อำนาจ” นั่นเอง

“อำนาจทางกฎหมายมันแตกออกไปอยู่หลายกระทรวง การที่จะไปดึงให้มารวมอยู่จุดเดียวกันมันมีปัญหามากเพราะของเดิมเขามีอยู่แล้ว อย่างเช่น กระทรวงอุตสาหกรรมมีอำนาจให้ตั้งโรงงานได้ แล้วถ้าต่อไปนี้สภานมจะเป็นผู้อนุมัติเอง หรือกระทรวงการคลังมีหน้าที่จัดเก็บภาษี ถ้าสภานมบอกให้ยกเว้นภาษีเครื่องจักร กระทรวงการคลังจะยอมหรือเพราะจะทำให้เสียรายได้ของรัฐไป” แหล่งข่าวคนหนึ่งวิจารณ์

นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานอีกมากมายที่เกี่ยวข้อง เช่น

กระทรวงเกษตรมีอำนาจในการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม

อสค. มีอำนาจหน้าที่ในการรับผิดชอบเรื่องการซื้อนมดิบ

บีโอไอมีอำนาจให้การส่งเสริมอุตสาหกรรม

กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจควบคุมราคา การส่งออกผลิตภัณฑ์นม

เมื่ออำนาจกระจัดกระจายอยู่เช่นนี้การเล่นทีมเวิร์กก็เห็นจะค่อนข้างจะยาก คงจะขึ้นอยู่กับความจริงใจของแต่ละหน่วยงานว่าจะยอมสละอำนาจของตัวเองและให้ความร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหาที่มีอยู่ได้มากน้อยเพียงใด

หลังจากการประชุมเพื่อเตรียมงานจัดตั้งสภานมในครั้งนี้แล้ว ยังต้องใช้เวลาอีกนานเพราะคงจะต้องผ่านขั้นตอนอีกมาก จนด่านสุดท้ายก็ต้องผ่านเข้าสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนจะออกมาเป็นกฎหมาย

กว่าสภานมจะคลอดออกมาก็คงต้องลุ้นกันเหนื่อยเลย



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.