ภาวะตลาดหุ้นไทยที่คึกคักต่อเนื่องทั้งปีนี้ ส่งผลโบรกเกอร์ใหม่ที่ดำเนินธุรกิจเพียง
1 ปีมีกำไร เนื่องจากส่วนแบ่งตลาด เพิ่มกว่าเท่าตัว โดยเฉพาะ บล.โกลเบล็กซ์ ลูกค้าร้านทองทั่วประเทศรุมทึ้ง
หันมาลงทุนหุ้น เพราะฟันกำไรดีกว่า ขณะที่ 2 บล.ที่อยู่ในขั้นตอนควบรวม บล.เอบีเอ็น
แอมโร เอเชีย (AST)-บล.แอสเซท พลัส (ASSET)
นายพิษณุ วิจิตรชล กรรมการผู้จัดการ บล.โกล-เบล็กซ์กล่าวว่าขณะนี้บริษัทมีมาร์เกตแชร์เพิ่มขึ้นมาก
มาอยู่ที่ 3% จากต้นปีอยู่ที่ 1% เพราะมีลูกค้าที่ทำธุรกิจร้านทองเข้ามาเปิดบัญชีและซื้อขายหุ้นกับบริษัท
และการที่ผู้บริหารของบริษัทเดิมทำธุรกิจทองคำอยู่แล้ว จึงได้รับประโยชน์จากการที่มีฐานลูกค้าที่มีเงิน
และพอมีความรู้จากการเทรดทองคำอยู่แล้ว จึงสนใจที่จะเข้ามาเทรดหุ้นเพิ่ม คาดว่าปี
2547 มาร์เกตแชร์ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 4% ได้
ดังนั้น จึงทำให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเพียง 1 ปี จะสามารถสร้างผลกำไรได้แน่นอน
เพราะการที่ลูกค้าที่ดำเนินธุรกิจร้านทอง ทั้งภาคเหนือ ใต้ และอีสานหันมาสนใจลงทุนหุ้นมากขึ้น
ทำให้บริษัท จะมีรายได้ค่าธรรมเนียม
ปัจจุบันบริษัทมีบัญชีลูกค้าที่เปิดซื้อขายหุ้นประมาณ 1 พันบัญชี บัญชีอินเทอร์เน็ตเทรดดิ้งประมาณ
400 บัญชี เพิ่มจากเดิมค่อนข้างมาก และแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น
ปี 2547 บริษัทเชื่อว่าภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยยังคึกคักต่อเนื่อง บริษัทมีแผนจะขยายธุรกิจ
โดยจะเปิดสาขาให้ครบ 15 แห่ง และเจ้าหน้าที่การตลาด 150 คน ขณะนี้ ฝึกอบรมพนักงานการตลาดที่จบการศึกษา
30 คน เพื่อกระจายไปสาขาต่างๆ ขณะนี้บริษัทมี 7-8 สาขา ปีนี้เปิดเพิ่มอีก 1-2 สาขา
ปีหน้า จะเปิดเพิ่มอีก 4-5 แห่ง
บริษัทมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าสถาบัน โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันต่างชาติ อนาคต
บริษัท ตั้งเป้าว่า จะมีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติส่งคำสั่งซื้อขายผ่านบริษัทประมาณ
5% ของมูลค่าซื้อขายรวมที่นักลงทุนต่างชาติซื้อขายในตลาดหุ้นไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ที่
10-15% ภายใน พ.ย.นี้ ตัวแทนบริษัทจะเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาติ
2 ราย ที่สนใจบริษัท ปี 2547 บริษัทจะมีสัดส่วนลูกค้ารายย่อย 80-90% ลูกค้าสถาบันประมาณ
10-20%
งานวาณิชธนกิจปีนี้ บริษัทจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาการเงินให้บริษัทนวนคร ที่จะเสนอขายหุ้น
ให้ประชาชนทั่วไป มีลูกค้าที่เซ็นสัญญาแล้วจะขายหุ้นปีหน้าอีกประมาณ 4-5 บริษัท
ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้ธุรกิจวาณิชธนกิจเพิ่มเป็น 10% รายได้ธุรกิจหลักทรัพย์
จะอยู่ที่ 80%
ด้านนายสมภพ กีรสุนทรพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ไซรัส กล่าวว่าบริษัททำธุรกิจประมาณ
15 เดือน การที่ภาวะตลาดหุ้นไทยคึกคัก ทำให้ปีนี้ กำไรบริษัทน่าจะดีขึ้น เพราะ
8 เดือนแรกปีนี้ บริษัทกำไรประมาณ 100 ล้านบาท บริษัทมีส่วนแบ่ง ตลาดเพิ่มขึ้น
จากต้นปีอยู่ที่ 0.8% เพิ่มเป็น 2% เนื่อง จากนักลงทุนลงทุนเพิ่มขึ้น
โบรกเกอร์ใหม่ส้มหล่นกระทิงหุ้นไทย
"การทำธุรกิจสำหรับโบรกเกอร์ใหม่ ปีนี้ถือว่า เป็นช่วงที่มีโอกาสดี เพราะเม.ย.-พ.ค.วอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน
3-4 พันล้านบาทเท่านั้น แต่ช่วง ไตรมาส 3/46 ปรับสูงขึ้นมาก ซึ่งบริษัทได้รับผลดีด้วย
และโบรกเกอร์ใหม่ส่วนใหญ่ก็ถึงจุดคุ้มทุน" นายสมภพกล่าว
บริษัทยังไม่มีสาขา แต่มีแผนจะเปิดเพิ่มปี 2547 ประมาณ 1-2 แห่ง สัดส่วนลูกค้าบริษัท
เป็น ลูกค้ารายย่อย 90% ลูกค้าสถาบัน 10%
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ช่วงไตรมาส 3/47 บริษัทจะระดมทุน เสนอขายหุ้น
ประชาชนทั่วไป เพื่อจดทะเบียนในตลาดหุ้น ซึ่งต้องรอให้ครบ 2 ปี เพื่อดำเนินธุรกิจให้ครบตามกฎเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด
นายอุดมศักดิ์ ชาครียวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์แอสเซท พลัส (ASSET)
เปิดเผยว่าไตรมาส 3 บริษัทกำไรสุทธิ 133.97 ล้าน บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน
ที่กำไรสุทธิ 23.30 ล้านบาท ประมาณ 110 ล้านบาท เพิ่ม 475% ขณะที่ผลประกอบการ ASSET
9 เดือนแรก บริษัทกำไรสุทธิ 210 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่กำไรสุทธิ
70 ล้านบาท ประมาณ 140 ล้านบาท เพิ่ม 200%
สาเหตุที่ผลประกอบการเพิ่มขึ้น เนื่องจากมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ไทยเพิ่มขึ้น
เฉลี่ยไตรมาส 3 มูลค่าประมาณ 24,257 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน
ที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 5,798 ล้านบาท ประมาณ 318%
ขณะที่ส่วนแบ่งตลาด (มาร์เกตแชร์) 9 เดือน แรกบริษัท 2.74% เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อน
ที่มีมาร์เกตแชร์เพียง 0.71% ส่งผลรายได้ค่านายหน้า ซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น
โดยไตรมาส 3 อยู่ที่ 229 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 229% ช่วง 9 เดือนแรก
รายได้ส่วนดังกล่าว 335 ล้านบาท เพิ่มถึง 326% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
นายจิรวัฒน์ ลิ้วประเสริฐ กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอบีเอ็น แอมโร เอเซีย
(AST) ซึ่งจะกลืน บล. แอสเซท พลัส เปิดเผยว่าผลประกอบการไตรมาส 3 บริษัทกำไรสุทธิ
323 ล้าน บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท ประมาณ
298 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,192%
ขณะที่ผลประกอบการ AST 9 เดือนแรก บริษัทกำไรสุทธิ 436 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียว
กันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 223 ล้านบาท ประมาณ 213 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95% โดย9 เดือนแรก
AST มีรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 873 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน
ซึ่งมีรายได้ 670 ล้าน บาท ประมาณ 202 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30% รายได้ค่าธรรมเนียมบริการ
16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีรายได้ 13 ล้านบาท ประมาณ 3 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 20%
เมื่อวันที่ 8 ต.ค. บล.เอบีเอ็น แอมโร เอเชีย-บล. แอสเซท พลัส ประกาศแผนรวมกิจการ
มูลค่า 12,000 ล้านบาท ผู้ถือหุ้น บล. แอสเซท พลัส จะลงมติแผนรวมกิจการดังกล่าววันศุกร์ที่
14 พ.ย.นี้
นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์
ถือหุ้น บล.แอสเซท พลัส 19.6% กล่าวว่า "ผม สนับสนุนการรวมกิจการครั้งนี้
เนื่องจากจะทำให้เกิดบริษัทหลักทรัพย์ใหม่ที่มีความได้เปรียบในการ แข่งขัน และแตกต่างจากบริษัทอื่น
โดยมีความแข็งแกร่งใน 3 บริการหลักของธุรกิจหลักทรัพย์ คือบริการด้านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
บริการวาณิชธนกิจ และการจัดการกองทุนส่วนบุคคล"
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ถือหุ้น 7.5% กล่าวว่าการรวมกิจการครั้งนี้
จะก่อเกิดประโยชน์ธุรกิจต่างๆ มากมาย เนื่องจากทั้ง 2 บริษัท ต่างมีจุดแข็งที่เสริม
สร้างซึ่งกันและกันได้ ไม่มีธุรกิจซ้ำซ้อนกัน การรวมกัน จึงก่อเกิดคุณค่าต่อผู้ถือหุ้นทั้ง
2 บริษัท
นายชาตรี โสภณพนิช ถือหุ้น 8.2% และถือหุ้นใหญ่ลำดับ 3 บล.แอสเซท พลัส กล่าวว่า
การรวมกิจการกันครั้งนี้ ถือว่าเกิดขึ้นช่วงเวลาเหมาะสม การเป็นคนกลุ่มแรกที่รวมกิจการกัน
จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นทั้ง 2 บริษัท
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บล. แอสเซท
พลัส และผู้ถือหุ้นใหญ่สุด 20.2% กล่าวว่า "ผมสนับสนุนการรวมกิจการครั้งนี้
ซึ่งถือเป็นซินเนอยี่ คือผสานเพื่อเสริมสร้างจุดแข็ง 2 องค์กร เนื่องด้วยจุดแข็ง
บล. แอสเซท พลัส นำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ผนวกจุดเด่น บล. เอบีเอ็น ที่มีฐานลูกค้าธุรกิจหลักทรัพย์กว้างขวาง
และมีประสบการณ์ด้านวิจัยหลักทรัพย์ และงานด้านปฏิบัติการ ทำให้เราสามารถให้ข้อเสนอที่ดีกับผู้ที่จะมาเป็นลูกค้าของเราได้"