คูส์พับแผนใช้ไทยศูนย์กลางภูมิภาค


ผู้จัดการรายวัน(24 ตุลาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

กลุ่มคูส์ ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) (KGI) จากไต้หวัน ปรับกลยุทธ์ทำธุรกิจในเอเชียใหม่ โดยปรับโครงสร้างภายในบริษัทหลักทรัพย์ในเครือทั้งหมด ยกเลิกแผนจะให้ไทยเป็นศูนย์กลางบริหารบริษัทในเครือในภูมิภาคนี้ เหตุแบงก์ชาติไทยไม่อนุญาตนำเงินออกนอกประเทศไทย แค่ให้บริษัทแม่ในไต้หวัน-บริษัทย่อยในฮ่องกงเป็นศูนย์กลางแทน พับแผนออกวอร์แรนต์อนุพันธ์ หลัง "กิตติรัตน์" ย้ำระยะสั้น ยังไม่อนุญาตให้ออกตราสารดังกล่าว ขณะที่ ตลท.เดินหน้าแผนปี 47 สะสางงานที่ทำ 2 ปีที่ผ่านมา พร้อมเตรียมทำเวิร์กชอป บจ. ปลาย พ.ย.เน้นธรรมาภิบาล

นายธนวัฒน์ พาณิชเกษม ผู้อำนวยการฝ่ายค้าหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ในเครือกลุ่มคูส์ กล่าวว่ากลุ่มคูส์ผู้ถือหุ้นใหญ่จากไต้หวัน ทยอยปรับองค์กรภายในบริษัทในเครือใหม่ทั้งหมดระยะหนึ่งแล้ว จากเดิมที่กลุ่มคูส์กำหนดให้ไทยเป็นฐานทำธุรกิจในเอเชีย แต่ขณะนี้ปรับนโยบายใหม่ใช้ไต้หวัน-ฮ่องกง เป็นแกนนำภูมิภาค

โดยจะใช้บริษัทในเครือที่ฮ่องกงกำหนดนโยบายหลักสำหรับบริษัทในเครือในเอเชียทั้งหมด เพื่อจะประสานงานกับบริษัทในเครืออื่นๆ โดยส่วนตราสารอนุพันธ์ จะให้ฮ่องกงเป็นแกนนำ แต่ถ้าเป็นธุรกิจตราสารหนี้ จะให้บริษัทแม่ไต้หวันเป็นแกนนำ

สัปดาห์หน้า ผู้บริหารกลุ่มจากฮ่องกงที่รับผิดชอบตราสารอนุพันธ์ จะเดินทางมอบนโยบายดำเนินธุรกิจให้ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ทำให้การเสนอขายวอร์แรนต์อนุพันธ์ (derivative warrant) ของบริษัท ต้องชะลอการดำเนินการไม่มีกำหนด เพราะต้องรอรับนโยบายบริษัทแม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร

รวมทั้งขณะนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นคึกคัก ทำให้นักลงทุนอาจไม่สนใจผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ระยะนี้ ซึ่งตราสารดังกล่าว มีความเหมาะกับช่วงภาวะตลาดหุ้นซบเซามากกว่า อย่างไรก็ตาม บริษัทคงต้องปล่อยให้แบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ที่ยื่นสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปแล้วหมดอายุ เพราะคาดว่าภายในปีนี้ ตราสารดังกล่าวก็จะยังไม่สามารถเสนอขายได้

เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ไทยยังไม่อนุญาตตราสารดังกล่าวจดทะเบียน แม้บริษัทและชมรมวาณิชธนกิจชี้แจงถึงผลดี-ผลเสีย และความเสี่ยงแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่สามารถเสนอขายได้ระยะสั้น แต่บริษัทจะพยายามให้ความรู้ประชาชนไทยต่อเนื่อง

ตลท.สานต่องานปี 47

ทางด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าตลาดหลักทรัพย์เตรียมจะเสนอแผนธุรกิจ ปี 2547 ให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์พิจารณาประมาณสัปดาห์หน้า สรุปใช้จริง ก.พ. 2547 โดยจะสานต่อนโยบายที่ทำต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2545-2546 ซึ่งอาจมีบางส่วนต้องปรับเพิ่ม หรือปรับออก

โดยตลาดหลักทรัพย์จะมุ่งสู่การเป็นตลาดรองที่มีสภาพคล่องหลักทรัพย์ ซึ่งบางบริษัทจดทะเบียน ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด ซึ่ง ตลท.จะดำเนินการจริงจัง รวมทั้งเป็นแหล่งระดมทุนที่หลากหลายมากขึ้น สินค้าประเภทใดที่ไม่ใช่การระดมทุน จะยังไม่เน้นให้ความสำคัญ ซึ่งได้แก่ Derivative warrant เพราะไม่ใช่หลักทรัพย์เพื่อระดมทุนเหมือนหุ้นกู้ หรือหุ้นสามัญ

สิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์จะมุ่งเน้น ได้แก่ ระบบซื้อขายหลักทรัพย์ และระบบสนับสนุนที่เชื่อถือได้ ตามมาตรฐานสากล โดยใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ

การให้บริการด้านเปิดเผยข้อมูลที่รวดเร็วครบถ้วน พร้อมทั้งให้ความรู้และความเข้าใจเรื่องการลงทุนทั่วถึง มีการปฏิบัติงาน โดยให้ความสำคัญเชิงประสิทธิภาพ รวมทั้งทำหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติต่างๆ ตามเจตนารมณ์ข้อกำหนด ยึดหลักความมีจริยธรรม

ตลท.เวิร์กชอป บจ. กำกับดูแลกิจการที่ดี

นายกิตติรัตน์กล่าวอีกว่า ตลาดหลักทรัพย์จะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ครั้งแรกปลาย พ.ย.นี้ และจะคัดเลือกผู้บริหาร บจ.บริษัทละคน การพิจารณาจะกระจายทุกกลุ่มอุตสาหกรรม

เป้าหมายตลาดหลักทรัพย์ ต้องการจะประชุมเชิงปฏิบัติการกับบริษัททุกแห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ครั้งแรกจะเริ่มต้นเพียง 50 รายก่อน คาดว่าภายใน 1 ปี จะสามารถเชิญผู้บริหาร บจ. ร่วมประชุมครบทุกแห่ง

กลุ่มแรก จะเน้นผู้บริหารที่เป็นนายกสมาคมธุรกิจต่างๆ ส่วนใหญ่ เนื่องจากจะสามารถ นำการอบรมที่เกิดขึ้น สร้างความเข้าใจให้กรรมการสมาคม หรือสมาชิกอุตสาหกรรมต่างๆ เข้าใจ การที่จะประชุมครั้งต่อไปว่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่จะประชุม



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.