บริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ไทยแลนด์) ผู้ผลิตเหล็กลวดจนถึงนอตครบวงจร จะเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป
157 ล้านหุ้น 24-26 พ.ย.นี้ เพื่อระดมทุนประมาณ 2 พันล้านบาท โดยจะนำเงินที่ได้
ไปสร้างโรงงานใหม่ในไทย และชำระคืนเงินกู้บริษัทแม่ในไต้หวัน เขายืนยันว่าประเทศไทยน่าลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติ
มากกว่าในจีน เพราะนโยบายรัฐบาลไทยคงเส้นคงวามากกว่ารัฐบาลปักกิ่ง
นายเคนนี่ ฮวง ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์
กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้นบริษัทที่จะเสนอขายประชาชนทั่วไป
เพื่อจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย จะเป็นหุ้นใหม่ 125 ล้านหุ้น อีก 32 ล้านหุ้น เป็นส่วนผู้ถือหุ้นเดิม
บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนก่อสร้างโรงงานใหม่ในไทย มูลค่ารวม 250-350
ล้านบาท รวมถึงชำระหนี้ให้บริษัทแม่ในไต้หวัน 1.358 พันล้านบาท
"บริษัทจะกำหนดราคาหลังจากสำรวจราคา (Book building) จากนักลงทุนสถาบัน
วันที่ 14-15 พ.ย.นี้ คาดว่าจะเสนอขายนักลงทุน สถาบันจำนวน 35-40% และ 60% เสนอขายประชาชนทั่วไป
โดย บล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นแกนนำจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นบริษัท"
นายฮวงกล่าว
สร้างโรงงานใหม่ในไทย
ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท คือการผลิตนอต เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์
ที่การผลิตกำลังขยายตัวอย่างมากในไทย ผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท คือนอตตัวผู้และตัวเมีย
จะผลิตเพิ่มขึ้น โดยสร้างโรงงานใหม่ในไทย โดยใช้เงินที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้
ซึ่งจะมีกำลังผลิตรวมประมาณ 3 หมื่นตันต่อปี โรงงานใหม่จะเสร็จภายในปี 2547 จะเริ่มมีรายได้
เข้าบริษัทประมาณปี 2548 เงินที่เหลือใช้เป็นทุนหมุนเวียนทำธุรกิจ รวมทั้งชำระคืนเงินกู้บริษัทแม่ในไต้หวัน
ปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 5.1 พันล้านบาท ครึ่งแรกของปี บริษัทมีรายได้รวม
2.69 พันล้านบาท เติบโต 42% จากช่วงเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิ 425 ล้านบาท เติบโต
391% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นปีที่อุตสาหกรรมโดยรวมซบเซาที่สุดในรอบ
6 ปีที่ผ่านมาทำ ให้บริษัทกำไรเพียง 450 ล้านบาท
แนวโน้มอนาคต เขาเชื่อว่ารายได้บริษัทจะมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะปี 2548
บริษัทจะได้รับประโยชน์จากการจัดงานใหญ่ของ ประเทศจีน ปี 2551 จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิก
ดังนั้นบริษัทซึ่งมีบริษัทย่อยในจีน น่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไทยน่าลงทุนกว่าจีน
เขายืนยันว่า บรรยากาศการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างประเทศในไทยดีกว่าในจีนมาก
โดยเฉพาะรัฐบาลไทยมีนโยบายคงเส้นคงวา ที่จะส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในไทย ไม่เหมือนรัฐบาลจีน ที่นโยบายส่งเสริมการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติในจีน
เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไร้ความแน่นอน
ขณะนี้ บริษัทซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของไทย
เดินเครื่องโดยมีกำลังผลิตรวม 85% ของกำลังผลิตทั้งหมด คาดว่าปี 2547 จะเพิ่มขึ้นอีก
10-15% ปี 2548 จะเดินกำลังผลิตเต็ม 100% ปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตรวมเหล็กลวด
ซึ่งเป็นวัตถุดิบผลิตยางรถยนต์และชิ้นส่วนอื่น ๆ 3.60 แสนตันต่อปี เหล็กลวดอบอ่อน
7.2 หมื่นตันต่อปี และนอต 3.6 หมื่นตันต่อปี โครงสร้างรายได้ดังนี้ เหล็กลวด 65%
เหล็กอบอ่อน 10% และนอต 25%
ส้มหล่นขายรถบูม
แนวโน้มอุตสาหกรรมนี้มีทิศทางที่ดี โดยเฉพาะการที่อุตสาหกรรมยานยนต์ขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทย
บริษัทเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมนี้ ก็จะได้รับผลดีตามไปด้วย
บริษัททุนจดทะเบียน 6.28 พันล้านบาท การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย จะส่งผลบริษัท
ไม่มีหนี้ จากปัจจุบันที่มีหนี้สินต่อทุน 0.57 เท่า
เขากล่าวว่า โครงสร้างผู้ถือหุ้นหลังเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) แล้ว
บริษัท ไทยคูน กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จากไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นแม่ จะมีสัดส่วนลดจาก
99.99% เหลือ 75%
บริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) ส่วนแบ่งตลาดด้านนอตในไทย 8% ส่งออก
60% ขายในประเทศ 40% การที่บริษัทมีสัดส่วนส่งออกสูง จึงกระทบจากการแข็งค่าเงินบาท
แต่ไม่มาก เนื่องจากบริษัททำประกันป้องกันความเสี่ยงผันผวนค่าเงินไว้ระดับหนึ่งแล้ว