"ไทยคูน"สร้างโรงงานใหม่กรุงเทพน่าลงทุนกว่าปักกิ่ง


ผู้จัดการรายวัน(24 ตุลาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

บริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ไทยแลนด์) ผู้ผลิตเหล็กลวดจนถึงนอตครบวงจร จะเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป 157 ล้านหุ้น 24-26 พ.ย.นี้ เพื่อระดมทุนประมาณ 2 พันล้านบาท โดยจะนำเงินที่ได้ ไปสร้างโรงงานใหม่ในไทย และชำระคืนเงินกู้บริษัทแม่ในไต้หวัน เขายืนยันว่าประเทศไทยน่าลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติ มากกว่าในจีน เพราะนโยบายรัฐบาลไทยคงเส้นคงวามากกว่ารัฐบาลปักกิ่ง

นายเคนนี่ ฮวง ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้นบริษัทที่จะเสนอขายประชาชนทั่วไป เพื่อจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย จะเป็นหุ้นใหม่ 125 ล้านหุ้น อีก 32 ล้านหุ้น เป็นส่วนผู้ถือหุ้นเดิม บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนก่อสร้างโรงงานใหม่ในไทย มูลค่ารวม 250-350 ล้านบาท รวมถึงชำระหนี้ให้บริษัทแม่ในไต้หวัน 1.358 พันล้านบาท

"บริษัทจะกำหนดราคาหลังจากสำรวจราคา (Book building) จากนักลงทุนสถาบัน วันที่ 14-15 พ.ย.นี้ คาดว่าจะเสนอขายนักลงทุน สถาบันจำนวน 35-40% และ 60% เสนอขายประชาชนทั่วไป โดย บล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นแกนนำจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นบริษัท" นายฮวงกล่าว

สร้างโรงงานใหม่ในไทย

ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท คือการผลิตนอต เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่การผลิตกำลังขยายตัวอย่างมากในไทย ผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท คือนอตตัวผู้และตัวเมีย จะผลิตเพิ่มขึ้น โดยสร้างโรงงานใหม่ในไทย โดยใช้เงินที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้ ซึ่งจะมีกำลังผลิตรวมประมาณ 3 หมื่นตันต่อปี โรงงานใหม่จะเสร็จภายในปี 2547 จะเริ่มมีรายได้ เข้าบริษัทประมาณปี 2548 เงินที่เหลือใช้เป็นทุนหมุนเวียนทำธุรกิจ รวมทั้งชำระคืนเงินกู้บริษัทแม่ในไต้หวัน

ปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 5.1 พันล้านบาท ครึ่งแรกของปี บริษัทมีรายได้รวม 2.69 พันล้านบาท เติบโต 42% จากช่วงเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิ 425 ล้านบาท เติบโต 391% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นปีที่อุตสาหกรรมโดยรวมซบเซาที่สุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมาทำ ให้บริษัทกำไรเพียง 450 ล้านบาท

แนวโน้มอนาคต เขาเชื่อว่ารายได้บริษัทจะมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะปี 2548 บริษัทจะได้รับประโยชน์จากการจัดงานใหญ่ของ ประเทศจีน ปี 2551 จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิก ดังนั้นบริษัทซึ่งมีบริษัทย่อยในจีน น่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ไทยน่าลงทุนกว่าจีน

เขายืนยันว่า บรรยากาศการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างประเทศในไทยดีกว่าในจีนมาก โดยเฉพาะรัฐบาลไทยมีนโยบายคงเส้นคงวา ที่จะส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในไทย ไม่เหมือนรัฐบาลจีน ที่นโยบายส่งเสริมการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติในจีน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไร้ความแน่นอน

ขณะนี้ บริษัทซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของไทย เดินเครื่องโดยมีกำลังผลิตรวม 85% ของกำลังผลิตทั้งหมด คาดว่าปี 2547 จะเพิ่มขึ้นอีก 10-15% ปี 2548 จะเดินกำลังผลิตเต็ม 100% ปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตรวมเหล็กลวด ซึ่งเป็นวัตถุดิบผลิตยางรถยนต์และชิ้นส่วนอื่น ๆ 3.60 แสนตันต่อปี เหล็กลวดอบอ่อน 7.2 หมื่นตันต่อปี และนอต 3.6 หมื่นตันต่อปี โครงสร้างรายได้ดังนี้ เหล็กลวด 65% เหล็กอบอ่อน 10% และนอต 25%

ส้มหล่นขายรถบูม

แนวโน้มอุตสาหกรรมนี้มีทิศทางที่ดี โดยเฉพาะการที่อุตสาหกรรมยานยนต์ขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทย บริษัทเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมนี้ ก็จะได้รับผลดีตามไปด้วย

บริษัททุนจดทะเบียน 6.28 พันล้านบาท การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย จะส่งผลบริษัท ไม่มีหนี้ จากปัจจุบันที่มีหนี้สินต่อทุน 0.57 เท่า

เขากล่าวว่า โครงสร้างผู้ถือหุ้นหลังเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) แล้ว บริษัท ไทยคูน กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จากไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นแม่ จะมีสัดส่วนลดจาก 99.99% เหลือ 75%

บริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) ส่วนแบ่งตลาดด้านนอตในไทย 8% ส่งออก 60% ขายในประเทศ 40% การที่บริษัทมีสัดส่วนส่งออกสูง จึงกระทบจากการแข็งค่าเงินบาท แต่ไม่มาก เนื่องจากบริษัททำประกันป้องกันความเสี่ยงผันผวนค่าเงินไว้ระดับหนึ่งแล้ว



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.