โลกสวยด้วยดนตรี


นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

โลกสวยด้วยดนตรี

หากไม่นับทำให้คนบางคนรวยขึ้น เพราะหากินกับคำว่า "ศิลปิน" แล้ว ประโยชน์ของดนตรีในมิติต่างๆ (ทั้งในแง่เมโลดี้ของตัวโน้ต หรือความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่แอบแฝงระหว่างตัวโน้ต) คงไม่ต้องบรรยายในแง่หลักการอยู่แล้ว แต่หนังสือเล่มนี้เป็นมากกว่าการบอกว่าดนตรีกาล นั้นมีคุณค่าต่อชีวิตของมนุษย์อย่างไร เพราะการบอกซ้ำครั้งนี้ มีรายละเอียดเชิงวิจัยและสนับสนุนทางปริมาณอยู่มากพอที่จะทำให้คนอ่านเกิดประกายปัญญามากมาย

อย่างน้อยที่สุดก็คือ หยิบซีดี หรือเทปเพลงที่ชอบออกมาฟังกันได้อย่างสบาย ไม่ต้องขัดเขินในรสนิยมของตนเอง แม้ชื่อหนังสือจะดูเหมือนออกไปทางชื่นชมดนตรีคลาสสิก โดยยกเอาสุดยอดที่เป็นหนึ่งใน 4 อัจฉริยะทางดนตรีโลกตะวันตกอย่าง วูล์ฟกัง อามาเดอุส โมสาร์ท มาเป็นหัวข้อเรื่อง อาจจะทำให้คนที่กลัวต้องปีนบันไดฟังดนตรีนึกขยาดและไม่กล้าหยิบอ่าน แต่เนื้อในกลับเปิดกว้างอย่างมาก เพราะแม้จะชื่นชมโมสาร์ทเป็นพิเศษ แต่ก็บอกว่าดนตรีทุกชนิดเป็นยาวิเศษทั้งสิ้น หากไม่ดัดจริตทำเป็นหัวสูง

แม้กระทั่งดนตรีแร็พที่มีกำเนิดจากสังเวียนแก๊งเด็กนิโกรข้างถนนในชิคาโกและนิวยอร์ก ก็มีคุณค่า และเยียวยาจิตวิญญาณได้ดีทีเดียว

โดยเฉพาะบทที่สองนั้น คนที่นิยมอ่านหนังสือเพื่อ "เข้าถึง" ความหมายของชีวิต จะทำให้มุมมองเกี่ยวกับดนตรี และความหมายของ "เสียงดนตรี" เปลี่ยนแปลงไปจากความรู้สึกและความเชื่อเดิมๆ เป็นบทที่มีคุณค่ามาก แม้ว่าผู้เขียนจะไม่ได้เน้นมากนัก เนื่องจากมุ่งไปให้ความสำคัญกับรายละเอียดของคุณค่าในการรักษา "บาดแผลทางอารมณ์และวิญญาณ" พร้อมกับตัวอย่างมากมาย จนทำให้หนังสือค่อนข้างจะเป็นการยัดเยียดเลยทีเดียว

กระนั้น หนังสือเล่มนี้ก็ไม่ใช่หนังสือประเภท How To... ที่น่าเบื่อแต่อย่างใด หากช่วยให้เข้าใจเรื่องได้อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

เนื้อหาหนังสือเล่มนี้ ประกอบด้วยบทสำคัญดังนี้

chapter 1 Sound Beginnings : The Mozart Effects บอกถึงที่มาของชื่อหนังสือว่า ทำไมต้องโมสาร์ท ไม่ใช่ บาค (แต่งดนตรีเหมือนนักคณิตศาสตร์เจ้าระเบียบ) เบโธเฟน (ทำให้ตัวโน้ตอ่อนไหวดุจสายลมกล้า) วากเนอร์ (ชาตินิยมจัด) เดอะ บีทเทิลส์ (ง่ายเกินไป) หรือหลุยส์ อาร์มสตรอง (เหมาะสำหรับกลุ่มจำเพาะ) หรือมาดอนน่า (เบาหวิวและหยาบโลนเกิน) เหตุผลก็คือ ดนตรีของโมสาร์ททำให้อารมณ์สงบ เพิ่มสมาธิ ให้อิสระทางอารมณ์แก่ผู้ฟัง ทำให้จิตและกายสื่อสารกันอย่างสอดคล้องได้ดี และมีความถี่สูงช่วยให้ร่างกายผู้ฟังกระปรี้กระเปร่าที่สำคัญ เท้าติดดิน และเปี่ยมด้วยความไร้เดียงสาของเด็กแรกรุ่น

chapter 2 Sound Listening การเจาะและวิเคราะห์เสียง การได้ยิน และการฟัง เพื่อหาอิทธิพลของเสียง (ทุกชนิด) ต่ออารมณ์และบรรยากาศ รวมทั้งเสียงดนตรี อาทิ

- ทำไมคนผอมจึงมีระบบฟังดีกว่าคนอ้วน
- ทำไมดนตรีร็อคจึงมีอันตรายต่อจิตใจและระบบหูของคนฟัง
- ทำไมดนตรีชั้นสูงไม่เหมาะกับหูของคนบ้านนอกที่เคยชินกับเสียงธรรมชาติ (polyphonic music)
- เป็นดนตรีสากลที่มีความหมายได้อย่างไร
- ทำไมจึงต้องเลือกเล่นดนตรีตามสภาพแวดล้อมทางสังคม
- หูซ้ายและขวา มีระบบฟังที่แตกต่างกันอย่างไร

chapter 3 Sound Healing พัฒนาการของการใช้เสียงดนตรีบำบัดบาดแผลทางอารมณ์ในโลกปัจจุบัน

chapter 4 Sound Voice เครื่องมือสำหรับการใช้ดนตรีบำบัด เป็นรายละเอียดพร้อมตัวอย่าง

chapter 5 Sound Medicine เสียงดนตรีที่เหมาะสมในการเยียวยาบาดแผลทางอารมณ์ และลดความเครียดในชีวิตประจำวัน มีเรื่องน่าสนใจตรงที่เริ่มย้อนกลับไปใช้ดนตรีพื้นเมืองในวัฒนธรรมท้องถิ่นมากขึ้น เพราะเข้าใจได้ง่ายทั้งกระบวนการเคลื่อนไหว เต้น ร้อง (และตะโกน)

chapter 6 Sound Images อธิบายคุณค่าของเสียงดนตรีในการจัดระเบียบอารมณ์และจิตที่สับสนให้เข้าที่ทาง และเกิดความสอดคล้อง กาย-จิต ขึ้นมาด้วยกระบวนการอย่างไร

chapter 7 Sound Intellect การใช้ดนตรีและเสียงดนตรีเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ และความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะวิธีการของซูซูกิ (Suzuki Method) ที่ใช้ท่วงทำนองดนตรีชิ้นเยี่ยมที่สั้น มาให้ฟังและเล่นซ้ำๆๆๆ (แบบเดียวกับการสวดมนต์ของนักบวชพุทธศาสนาและฮินดู) ซึ่งช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ได้ดีมาก จากผลการทดลองทั่วโลก

chapter 8 Sound Spirit ดนตรีในฐานะสะพานเชื่อมชีวิต-มรณะ โดยเฉพาะการใช้ดนตรีบำบัดผู้ป่วย และคนชรา เพื่อให้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ พร้อมกับอธิบายว่า เพลงศพ (requiem) นั้น มีคุณค่าเพียงใดทางจิตวิทยา

chapter 9 The Eternal Song บทสรุปสั้นๆ ของเรื่องในหนังสือทั้งหมด

Postlude ตัวอย่างการใช้ดนตรีบำบัดสารพัดโรค ตั้งแต่โรคง่ายๆ จนถึงโรคที่ซับซ้อนเป็นกรณีศึกษา เหมาะสำหรับผู้สนใจจำเพาะโดยตรง

หนังสือเล่มนี้คงไม่เหมาะสำหรับอ่านให้จบรวดเดียว แต่ควรวางไว้ใกล้มือเพื่อหยิบฉวยขึ้นมาคลายเครียดก่อนหันไปฟังดนตรีที่ชื่นชอบ และอยากจะชื่นชอบ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.