เด็กสาวตัวเล็ก ขี้อายคนหนึ่งจากจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้ทำกับข้าวไม่เป็นเลย
จนถูกผู้เป็นแม่ปรามาสว่า "อย่างนี้ใครจะมาเอาเป็นภรรยาล่ะ" วันนี้เธอกลายเป็นเจ้าของร้านอาหารที่มีสาขาต่างๆ
ในยุโรปและตะวันออกกลางถึง 12 สาขา
นูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ มีเชื้อสายมุสลิมผ่านมาทางมารดา หน้าตาผิวพรรณเลยดูคมเข้ม
กลายเป็นสาวสเปนในความเข้าใจของชาวต่างชาติ และเธอยังสามารถพูดภาษาอังกฤษ
ฝรั่งเศส และสเปน ได้ดีอีกด้วย
เมื่อชีวิตพลิกผันไปอยู่ที่เบลเยียมกับพี่ชาย ซึ่งไปเรียนด้านการโรงแรมที่นั่น
เธอได้แต่งงานกับ มร.คาร์ล สเต็ปเป้ ในเวลาต่อมา คราวนั้นเองที่อาหารไทยง่ายๆ
ที่ทางครอบครัวพยายามสอนให้ทำในวัยเด็ก กลายเป็นเมนูอาหารขึ้นโต๊ะทานกันเองในครอบครัว
และได้กลายเป็นความคิดที่จะเปิดร้านอาหารไทยขึ้น
นูรอกลับมาเมืองไทยเพื่อฝึกทำอาหารและเรียนรู้เคล็ดลับการทำอาหารไทยต่างๆ
อย่างหนักจากพี่สาวและครอบครัว ก่อนที่จะไปเปิดร้านอาหารไทยตำรับชาววังร้านแรกที่กรุงบรัสเซลส์
ประเทศเบลเยียม
เป็นความกล้าอย่างมากทีเดียวเพราะในช่วงเวลานั้น อาหารไทยไม่ได้เป็นที่รู้จักกันมากมายในต่างประเทศเหมือนปัจจุบัน
ร้านบลูเอเลเฟ่นท์ สาขาแรกตกแต่งอย่างสวยงามในสไตล์ตะวันออก พนักงานสาวไทยในชุดไทยที่ดูแปลกตา
และสดชื่นไปทั่วร้านด้วยกล้วยไม้ที่ส่งมาจากเมืองไทย ประกอบกับรสชาติอาหารหลากหลาย
ครบทุกรสทั้ง เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เมนูเด็ดของร้านตั้งแต่ตอนนั้น ก็คือ
ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวาน ผัดไทย ถูกตกแต่งมาอย่างสวยงามและยังมีสีสันที่ชวนรับประทาน
เป็นเสน่ห์สำคัญในการดึงดูดลูกค้า ทำให้ร้านแรกที่มีเพียง 40 ที่นั่ง ขยายเพิ่มเป็น
120 ที่นั่งภายในเวลาเพียง 6 เดือน และมั่นใจมากในการเปิดสาขาที่ 2 ทันทีในกรุงลอนดอนถึง
250 ที่นั่ง
การมาเปิดสาขาที่เมืองไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา เป็นความฝันอย่างหนึ่งของนูรอ
จากที่เคยกลับมาเยี่ยมบ้านเพียงปีละ 2 ครั้ง ทำให้เธอต้องมาบ่อยขึ้น และคราวนี้พักยาวถึง
2 เดือน สิ้นเดือนตุลาคม 2546 เธอมีกำหนดเดินทางกลับกรุงบรัสเซลส์ ซึ่งสามีและลูกชายหญิง
3 คนคอยอยู่ที่นั่น
ปัจจุบันชีวิตของเธอเต็มไปด้วยตารางการเดินทางไปยังร้านอาหารสาขาต่างๆ
ในแต่ละประเทศ หลายครั้งต้องเดินทางไปชิมอาหารจากเชฟชื่อดังของโลก เพื่อเรียนรู้ว่า
อาหารที่มีรสชาติถูกปากคนส่วนใหญ่นั้นเป็นอย่างไร
"มีอยู่คราวหนึ่ง สามีจองตั๋วเครื่องบินให้ไปชิมอาหารร้านที่มีชื่อแห่งหนึ่งในสเปน
ชิมไปน้ำตาร่วงไป เพราะเหนื่อยจากการเดินทางแล้วยังต้องเครียดมาคอยคิดอีกว่า
อาหารที่ทานไปนั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง และเขามีเทคนิคในการทำอย่างไร" นูรอเล่าให้ฟัง
การไปชิมอาหาร รวมทั้งเดินทางไปร่วมเทศกาลอาหารนานาชาติ เป็นเรื่องที่เธอให้ความสำคัญ
และชอบที่จะศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เมนูหลักของบลูเอเล
เฟ่นท์เป็นอาหารไทยรสชาติดั้งเดิม แต่เธอบอกว่า การทำอาหารก็เหมือนดีไซเนอร์
ที่ต้องรู้ว่าเทรนด์ในการทานอาหารของคนส่วนใหญ่เป็นแบบไหน อาหารของประเทศอื่นมีการพัฒนารสชาติ
และหน้าตาของอาหารเป็นอย่างไร
ทุกครั้งที่มาเมืองไทย ร้านอาหารที่เธอต้องเข้าไปรับประทานเป็นประจำ คือร้าน
ม.ล.เติบ และร้านท่านหญิง นูรอชื่นชมสองร้านนี้มาก ที่สามารถทำเมนูอาหารธรรมดาหลายอย่างให้กลายเป็นอาหารจานพิเศษ
ทั้งอร่อยและสวยงามขึ้นมาได้
ในเร็วๆ นี้ หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คอยพบกับร้านบลูเอเลเฟ่นท์ สาขาใหม่ในเมืองไทยที่จังหวัดภูเก็ต