"บางกอกแลนด์" เดินหน้าโครงการศรีนครินทร์ พาร์ค 1,550 ไร่ โดยร่วมทุนกับเครือบริษัท
บูอิกส์ (BOUYGUES) จากฝรั่งเศส เปิดโครงการบ้านเดี่ยว คาดเฟสแรกเปิดจองได้ต้นปีหน้า
ด้านแสนสิริ เปิด 3 คอนโด-มิเนียมมูลค่ารวม 3 พันล้านบาท ชู จุดขายเด่นบนพื้นที่หลากทำเลใจ
กลางย่านธุรกิจคาดปิดโครงการภายใน 3-4 สัปดาห์ข้างหน้า ตั้งเป้า ปีนี้รายได้โตขึ้นจากปีก่อน
360% หรือ 5-6 พันล้านบาท และปีหน้า ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท
นายอนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท บางกอกแลนด์
จำกัด (มหาชน) (BLAND) เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บริเวณศรีนครินทร์
ภายใต้ชื่อโครงการศรีนครินทร์ พาร์ค จำนวน 1,550 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของบริษัทฯที่ถือครองมากว่า
10ปี เพื่อ สนองความต้องการของตลาดที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยวางแผนในการพัฒนาไว้ทั้งหมด
5-10 ปี
โครงการศรีนครินทร์ พาร์ค จะดำเนินการ โครงการเฟสแรกเป็นบ้านเดี่ยวขนาด 280-480
ตารางเมตร ราคาขาย 8-15 ล้านบาท เน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางและระดับสูง โดยจัดสรรพื้นที่สีเขียว
เพื่อการพักผ่อนและสาธารณูปโภคถึง 40% ของพื้นที่ โดยร่วมงานกับสถาปนิกผู้ออกแบบ
คือ บริษัท อินเตอร์แพค จำกัด เพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศที่ร่มรื่น และสวยงาม
"บริษัทฯได้ร่วมทุนกับบริษัทในเครือของบูอิกส์ (BOUYGUES) ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างระดับโลก
โดยมอบให้บริษัทซีบี ริชาร์ด เอลลิส เป็นที่ปรึกษาและผู้บริหารตลาดและงานขาย โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปลายปีนี้
และจะเปิดให้จองในต้นปี 2547" นายปีเตอร์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท
บางกอก แลนด์ กล่าว
สำหรับทำเลแถวศรีนครินทร์ ถือเป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับอยู่อาศัย และสะดวกต่อการเดินทาง
มีที่ดินอยู่ติดถนนใหญ่หลายสาย โดยเฉพาะ ถนนจตุรทิศ (ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ซึ่งเป็นถนน
ใหญ่ขนาด 6 เลน ตัดผ่านโครงการเป็นระยะทาง รวม 6 กิโลเมตร รวมทั้งติดกับถนนวงแหวนตะวันออก
ทางด่วนพิเศษและมอเตอร์เวย์สายชลบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 10
กิโลเมตรเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ บางกอกแลนด์ได้ลงนามสัญญากับ บสท. โอนสินทรัพย์เพื่อชำระหนี้ตาม
นโยบายปรับโครงสร้างหนี้ เป็นเงิน 6,003 ล้านบาท คาดจะเสร็จ มี.ค. 2547
หลังปรับโครงสร้างหนี้ครั้งนี้ บริษัทฯคาดว่า จะมียอดหนี้สินกับเจ้าหนี้ในประเทศประมาณ
2,445 ล้านบาท บริษัทมีแผนจะออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) ให้ผู้ถือหุ้นเดิม
และเสนอ ขายหุ้นเพิ่มทุนให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง มูลค่า 7,600 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาชำระหนี้และที่เหลือ
ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อไป
นายอนันต์กล่าวต่อไปว่า การปรับโครงสร้าง หนี้ครั้งนี้ ทำให้บริษัทสามารถสานต่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่รอการพัฒนากว่า
2,500 ไร่ บริเวณเมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ และเมือง ทองศรีนครินทร์ เป็นช่วงจังหวะดีสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ที่แนวโน้มเติบโตสูง
SIRI ผุดอีก 3 โครงการ
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)(SIRI) เปิดเผยว่า
บริษัทฯเตรียมทยอยเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมหรูแห่งใหม่ จำนวน 3 โครงการ พร้อมกัน
ประกอบด้วย โครงการ Baan Siri Twenty Four โครงการบ้านสิริสีลม และโครง การบ้านสิริ
สุขุมวิท ซอย 10 ซึ่ง ทั้ง 3 โครงการ ใหม่นี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท
คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าระดับกลางและระดับบน โดยตั้งเป้าหมายว่าภาย
ใน 3-4 สัปดาห์ข้างหน้านี้จะสามารถปิดโครงการ ดังกล่าวได้ เนื่องจากโครงการทั้ง
3 แห่งอยู่ในทำเลทองย่านใจกลางธุรกิจย่านสุขุมวิท และย่าน สีลม ที่มีเส้นทางการคมนาคมที่สะดวก
ห่างจาก สถานีรถไฟฟ้าเพียง 500 เมตร โดยขณะนี้มีลูกค้า เริ่มติดต่อจองซื้อโครงการบ้านเข้ามาแล้วเป็นจำนวนมาก
เช่นโครงการ Baan Siri Twenty Four มียอดจองซื้อเพียงวันเดียวก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วกว่า
40%
โครงการ Baan Siri Twenty Four มูลค่า โครงการ 1,375 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้นที่
4.1 ล้านบาทขึ้นไป เปิดตัวโครงการขายตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป สำหรับโครงการบ้านสิริสีลม
คอนโดมิเนียมสูง 22 ชั้น มูลค่าโครงการประมาณ 890 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้นที่ 3.3
ล้านบาทขึ้นไป เปิดตัวโครงการขายตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป
ส่วนโครงการบ้านสิริสุขุมวิท ซอย 10 มูลค่าโครงการ 676 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้นที่
3.3 ล้านบาทขึ้นไป เปิดตัวโครงการขายตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายนนี้
"ความสำเร็จในการพัฒนาโครงการคอนโด-มิเนียมของบริษัทฯ เกิดจากการเลือกพัฒนาโครง
การในพื้นที่ซึ่งมีความโดดเด่น เหมาะสม สามารถ ตอบสนองความต้องการในด้านการอยู่อาศัยที่แท้
จริงของผู้บริโภค ทุกโครงการของแสนสิริ ล้วนตั้งอยู่ในย่านธุรกิจสำคัญ ได้แก่ ย่านสีลม
ย่านสาทร ย่านราชดำริ ย่านเพลินจิต ย่านสุขุมวิท"
โดยบริษัทฯจะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการทั้ง 3 ประมาณไตรมาส 3/2547 โดยจะรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ในปี
2548
ดังนั้น บริษัทฯคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 5-6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อนที่มี
รายได้ 1.3 พันล้านบาท ประมาณ 360% และในปี 2547 บริษัทฯจะรับรู้รายได้ประมาณ 1.5
หมื่นล้านบาท สูงกว่าปีนี้กว่า 100% โดยมาจากโครง การทั้งหมดของบริษัท 25 โครงการ
ซึ่งรวม โครง การที่เปิดใหม่อีก 3 โครงการ และตั้งแต่ปี 48 บริษัทจะรักษาระดับการเติบโต
หรือ 15% ใน ทุกๆ ปี
โครงสร้างรายได้มาจากคอนโดฯ 35-45% ส่วนที่เหลือเป็นบ้านเดี่ยว นอกจากนี้ในช่วงปลาย
ปี บริษัทมีแผนที่จะกว้านซื้อที่ดินเพื่อที่จะเปิดโครงการใหม่อีก หลังจากการตอบรับของลูกค้าที่
ตอบกลับมาค่อนข้างสูง ทำให้บริษัทไม่สามารถที่จะหยุดนิ่งได้ จึงมีแผนที่จะกว้านซื้อที่ดินเพิ่ม
แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้