นับแต่ตำแหน่งประธานกรรมการกลุ่มบริษัทซัมซุงในปี 1978 ลี คุน-ฮีไม่ได้เปิดตัวในวงการธุรกิจให้โดดเด่นอย่างผู้นำกลุ่มบริษัทอื่นๆในเกาหลี
และไม่ได้เลียนแบบแนวทางการบริหารที่ยึดการตัดสินใจของตนเองเป็นศูนย์กลางอย่างพ่อของเขา
แต่คุน-ฮีในวัย 48 ปี ก็ได้ทำให้ผู้ที่เฝ้าสงสัยในความสามารถ และความเป็นผู้นำของเขาต้องงงงันเมื่อยอดรายได้ของกิจการในยุคของเขาเพิ่มสูงขึ้นราว
50% ความรู้ทางธุรกิจจากมหาวิทยาลัยทั้งในญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ทำให้เขาเข้าใจดีถึงความสำคัญของเทคโนโลยี
อีกทั้งผลักดันให้ผู้บริหารระดับสูงทำความเข้าใจกับแนวคิดแบบตะวันตกด้วย
สไตล์การบริหาร
คุน-ฮียอมรับว่าปรัชญาการบริหารและแนวทางการบริหารขั้นพื้นฐานของเขานั้น
ไม่ได้แตกต่างจากพ่อของเขาแต่ในแง่ของสไตล์แล้วไม่ได้เหมือนกันทีเดียว ในภาวะที่โครงสร้างทางสังคมเกาหลีใต้ทวีความสลับซับซ้อนขึ้น
โลกก้าวเข้าสู่ยุคข่าวสารข้อมูล และธุรกิจระหว่างประเทศไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ภายใต้พรมแดนของความเป็นประเทศอีกต่อไป
ซัมซุงจึงต้องเน้นการกระจายอำนาจการบริหารงานให้มากขึ้น เพื่อให้ผู้บริหารต่างมีโอกาสใช้ความสามารถเฉพาะตัวได้มากขึ้น
และเต็มใจที่จะท้าทายสิ่งใหม่ๆโดยไม่หวั่นเกรงความล้มเหลว กล้าตัดสินใจ และรู้จักแสวงหาข้อได้เปรียบเมื่อโอกาสมาถึง
การพัฒนาธุรกิจ
ภายใน 10 ปีข้างหน้า โครงสร้างทางธุรกิจของซัมซุงจะรวมศูนย์อยู่ที่ธุรกิจทางด้านอิเล็กทรอนิกส์,
อุตสาหกรรมหนักและอุตสาหกรรมเคมีอีกทั้งให้ความสำคัญกับสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีตอบสนองชีวิตความเป็นอยู่ที่ทันสมัย
โดยใช้ฐานธุรกิจทางด้านการก่อสร้าง, การเงิน, ประกันภัย และบริการด้านอื่นๆเป็นส่วนสนับสนุน
การวิจัยและพัฒนา, การผลิตและการตลาดจะถูกปรับให้เข้ากับท้องถิ่นแต่ละแห่ง
อีกทั้งรุกคืบหาพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ในต่างประเทศให้มากขึ้น
นโยบายของรัฐบาล
ซัมซุงจะถูกกดดันจากข้อกำหนดที่เข้มงวดในการขยายการลงทุนมากขึ้นต่อรัฐบาลเกาหลีใต้ก็คือ
รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญกับการได้มาซึ่งประสิทธิภาพและความสมดุลของระบบเศรษฐกิจและเล็งเห็นความสำคัญของธุรกิจ
ในระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี รัฐบาลไม่ควรจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของกลุ่มธุรกิจต่างๆ
ส่วนการที่จะแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดส่งออกนั้น ภาคธุรกิจจะต้องเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการที่จะปฏิวัติแนวการประกอบธุรกิจ
ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าหรือการลดต้นทุนการผลิตลง
ซึ่งส่วนนี้รัฐบาลควรจะเข้าไประงับสถานการณ์การลุกฮือของกรรมกร และรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประะเทศ
เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถทำกำไรได้จากการส่งออก
เทคโนโลยี
ระดับการพัฒนาเทคโนโลยีของซัมซุงในบางแขนงนั้นห่างไกลจากญี่ป่นอยู่ 2-3
ปี ขณะที่บางแขนงก็ทิ้งห่างถึง 5 ปี เป็นการยากที่จะไล่ให้ทันญี่ปุ่นได้ทุกแขนงธุรกิจ
ซัมซุงจึงเลือกที่จะมุ่งเน้นไปที่การวิจัยและพัฒนาทางด้านเซมิคอนดักเตอร์
เพื่อให้เทคโนโลยีทางด้านนี้ก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่ง
เกาหลีเหนือ
เกาหลีเหนือนั่นเป็นประเทศที่เหมาะที่จะร่วมธุรกิจด้วยอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาในแง่ของการใช้ภาษาและวัฒนธรรม
ซัมซุงสามารถใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีอยู่อย่างกว้างขวางและประสบการณ์ทางธุรกิจเข้าไปสนับสนุนธุรกิจในเกาหลีเหนือได้
(ทัศนะเช่นนี้ ลี คุน-ฮี คงได้รับอิทธิพลทางความคิดในเชิงยุทธศาสตร์จากบริษัทยักษ์ใหญ่ในเยอรมนีตะวันตกที่มองถึงโอกาสในเยอรมนีตะวันออก
หลังการรวมประเทศทั้งสองเข้าด้วยกัน …บรรณาธิการ)
แรงงานสัมพันธ์
ซัมซุงนั้นยึดมั่นและเคารพในความเป็นมนุษย์, ให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานและมีโครงสร้างการบริหารบุคคลที่เป็นธรรม
นอกจากนั้นยังให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการรับประกัน ว่าพนักงานทุกคนจะได้รับการปฏิบัติตามเขาคาดหวังว่าจะไดัรับในสังคม
และให้ความมั่นใจกับพนักงานว่าจะได้รับความพอใจในชีวิตการทำงาน ซัมซุงยังพยามยามกระตุ้นให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตของบริษัท
และทำให้พนักงานเชื่อว่าความก้าวหน้าของบริษัทนั้นไม่ได้เป็นไปเพื่อบริษัทเท่านั้น
หากมีผลต่อตัวพนักงานเอง, ครอบครัวและประเทศชาติด้วย