สรรพนามที่อังคณาชอบใช้เรียกแทนตัวเองเสมอคือ "แอ๊ว" เธอเป็นลูกสาวของเศรษฐีใหญ่และวุฒิสมาชิก
"เอกพจน์ วานิช" โดยส่วนตัวความกระฉับกระเฉง และปราดเปรียวของอังคณาทำให้บทบาทของเธอนับว่าเป็นนักธุรกิจสตรีชั้นแนวหน้าคนหนึ่งในภูเก็ตที่กำลังสร้างผลงานที่มีชื่อเสียง
"วานิช พลาซ่า" ให้ปรากฎในปีหน้า
ความเป็นทายาทสาวของตระกูลเก่าแก่ "วานิช" ซึ่งเป็นชาวจีนฮกเกี้ยนแซ่เอี๊ยบ
ต้นตระกูลคือนายห้างเจียร วานิช ชาวพังงาผู้บุกเบิกการทำสวนปาล์มน้ำมันคนแรกของภาคใต้
เป็นผู้เริ่มต้นปลูกปาล์มหมื่นกว่าไร่ที่จังหวัดกระบี่ และตั้งบริษัทไทยอุตสาหกรรมน้ำมันและสวนปาล์ม
จำกัด อันเป็นบริษัทปาล์มน้ำมันแห่งแรกแห่งประเทศไทย ภายในระยะเวลายี่สิบปีที่ผ่านมาบริเวณตั้งแต่จังหวัดกระบี่ถึงสุราษฎร์ธานีและชุมพรขณะนี้มีสวนปาล์มน้ำมันแล้วกว่าห้าแสนไร่
"ก่อนที่ดิฉันจะมาทำด้านธุรกิจพัฒนาที่ดินนี้ ดิฉันช่วยคุณพ่อทำด้านสวนปาล์มอยู่ที่กระบี่ซึ่งขณะนี้เรามีสวนปาล์มน้ำมันประมาณ
4-5 หมื่นไร่ และเรามีโรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มสองแห่งคือบริษัท สยามปาล์ม
น้ำมันและอุตสาหกรรมกับบริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำมันและสวนปาล์มที่กระบี่"
อังคณาเล่าให้ฟัง
และเมื่อปี 2526 บริษัท "ยูนิวานิช" ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันปาล์มอีกแห่งก็ได้เกิดขึ้นจากการร่วมลงทุนระหว่าง
บริษัทเจียรวานิชซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของตระกูลวานิชกับบริษัทยักษ์ใหญ่
"ยูนิลีเวอร์"
"เราต้องการที่จะได้เทคโนโลยีและโนว์ฮาวจากฝรั่งซึ่งทำให้โรงงานเราผลิตปาล์มน้ำมันได้มีประสิทธิภาพขึ้น"
อังคณาเล่าให้ฟัง
จากการร่วมลงทุนครั้งนี้เองทำให้ตระกูลวานิชมีบทบาทสำคัญปรากฎในวงการปาล์ม
น้ำมันในภาคใต้ เพราะสามารถพัฒนาการทำอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง
ที่ได้จากบริษัทยักษ์ใหญ่ยูนิลีเวอร์และเป็นยักษ์ใหญ่ในฐานะโรงกลั่นน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุด
อังคณาจบการศึกษาปริญญาตรีที่วิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ (เอแบค) และไปต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจที่รัฐคอนเนคติกัต
สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นก็บินกลับเมืองไทยมาช่วยดูแลกิจการสวนยางและสวนปาล์มน้ำมันของครอบครัว
โดยรับหน้าที่จัดการด้านบริหารการเงินและติดต่อกับสำนักงานส่งเสริมการลงทุน
(บีโอไอ)
"ตอนนี้นโยบายเพิ่งเปิดอนุมัติให้มีการส่งเสริมปลูกสวนปาล์มน้ำมัน
ซึ่งแอ๊วคิดว่าเป็นผลดีสำหรับทุกฝ่าย เพราะจะทำให้ชาวสวนปาล์มได้สัมปทานเพิ่มขึ้น
และสามารถส่งป้อนให้โรงงานได้ตลอดปี" อังคณาให้ความเห็นการส่งเสริมการลงทุนด้านนี้
รายได้หลักของตระกูล "วานิช" นอกจากอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันแล้ว
รายได้อื่นๆก็เกิดขึ้นจากธุรกิจหลากหลายทั้งจากบริษัทวานิชยิปซัมซึ่งมีเหมืองแร่ยิปซัมที่สุราษฎ์ธานีโดยมีสาขาเอเย่นต์จำหน่ายที่ปีนังในชื่อว่า
ฮัปยิปซัมเอเยนซี่" และบริษัทการค้าที่สิงคโปร์ด้วยนอกจากนี้ยังมีธุรกิจด้านเหมืองแร่ดีบุก
โรงงานยางที่ภูเก็ตธุรกิจการเดินเรือขนส่งโดยร่วมกับโหงวฮกใช้ชื่อว่า "บริษัทภูเก็ตโหงวฮก"
และบริษัทภูเก็ตชิปปิ้งปักษ์ใต้ขนส่งทางทะเล นอกจากนี้ยังมีกิจการโรงพยาบาล
"เอกชล" ที่ชลบุรีและเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของแบงก์กรุงเทพด้วยเพราะในอดีตสายสัมพันธ์ระหว่างชิน
โสภณพนิชกับนายห้างเจียรแนบแน่นเพราะนายห้างเจียรเคยช่วยบุกเบิกตั้งสาขาภาคใต้ให้แบงก์กรุงเทพเป็นคนแรก
มรดกมูลค่าไม่ต่ำกว่าร้อยล้านนี้ได้ตกแก่ลูกชายคนเดียว "เอกพจน์ วานิช"
ซึ่งปัจจุบันเอกพจน์ก็ปล่อยให้ลูกสาวเป็นผู้ดูแล เอกพจน์เป็นพ่อผู้ร่ำรวยลูกสาวสวยถึง
8 คนคือ พจนา กาญจน า พรชฏา อัชฌา (เสียชีวิตแล้ว) อังคณา อัญชลี อรนุช รจนา
และมี "อริรักษ์" บุตรชายเพียงคนเดียว นอกจากนี้ยังมีสองเขยใหญ่คือ
ศิริชัย มาโนชเจ้าของเหมืองแร่ที่กาญจนบุรีและอนุจิตต์ จิตต์ฤดีอำไพ อดีตผู้บริหารบงล.เอกธนกิจเข้ามาช่วยกันดูแลกิจการดังกล่าว
"แต่ละคนจะนิสัยต่างกันบางคนชอบงานบริหาร บางคนชอบงานทำงานรูทีน พี่สาว
คนโตที่แต่งงานแล้วก็คุมงานโรงพยาบาลที่ชลบุรี ส่วนพรชฏาเขาก็ไปอยู่สิงคโปร์เพราะเรียน
ที่นั่นแต่เล็กและพูดภาษาจีนได้ ส่วนตัวเองก็จับด้านเรียลเอสเตท รู้สึกชอบและสนุกมาก"
อังคณาเล่าให้ฟัง
อัตราการเติบโตด้านธุรกิจพัฒนาที่ดินบนเกาะภูเก็ตได้จุดประกายความคิดให้กับอังคณาที่จะพัฒนาที่ดินมรดก
10ไร่ที่เคยเป็นโรงงานยางรมควันในตัวเมืองภูเก็ตให้กลายเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวสูง
19 ชั้นจึงเกิดขึ้น
ดังนั้นในต้นปีนี้บริษัทวานิชลีเนียลซึ่งทำธุรกิจการพัฒนาที่ดินภายใต้ชื่อโครงการ
"วา-นิชพลาซ่า" จึงเกิดขึ้นโดยอังคณา วานิช ลูกสาวคนที่สี่ของเอกพจน์เป็นผู้บริหารโครงการมูลค่าสองร้อยล้านนี้ทั้งหมด
"แอ๊วเห็นที่ดินตรงนี้แล้วก็นึกเสียดายจึงคิดอยากจะทำ เพราะตอนนี้ภูเก็ตบูมมากความต้องการด้านอาคารพาณิชย์และกิจการโรงแรมมีมาก
เราทำไปก็ประสบความสำเร็จ" อังคณาเล่าให้ฟัง
นอกจากนี้แล้วอังคณายังคิดทำโครงการบ้านจัดสรรจำนวน 50 หลังที่อ่าวมะขามบนพื้นที่
26 ไร่ ซึ่งมีภูมิทัศน์สวยงามที่เห็นทะเลรอบด้าน 360 องศา บริเวณใกล้เคียงเป็นทำเลที่ตั้งโรงแรมเคปพันวา
และวิลล่าของธารินทร์ นิมมานเหมินท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ด้วย
เป้าหมายที่อังคณาวางไว้คือจะขายกลุ่มเศรษฐีกรุงเทพฯ ที่ต้องการวิลล่าพักตากอากาศชายทะเลในระดับราคาหลังละ
5-6 ล้านบาท
"สมัยก่อนเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วเคยมีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับคุณพ่อว่าจะเอาที่ดินไปทำบ่อนกาสิโน
ซึ่งเรื่องนี้ไม่จริงเป็นเรื่องที่คนอื่นเอาไปคิดเองให้เสร็จสรรพ ขณะที่เจ้าของไม่เคยคิดเลย
เพราะแอ๊วเป็นคนจัดการด้านเรียลเอสเตทเอง แอ๊วยังให้สถาปนิกวาดเป็นรีสอร์ทสวยงามมาก
แต่มาพอข่าวออกมายังงี้ แอ๊วยังตัดเก็บข่าวนี้ไว้เลยเพราะความที่เจ็บใจมาก
คุณพ่อบอกว่าช่างเขาเถอะ เราบริสุทธิ์ใจก็พอ" อังคณาระบายความรู้สึกลำบากใจต่อการที่พ่อต้องตกอยู่ในมรสุมข่าวดังกล่าว
นับตั้งแต่การตกเป็นข่าวเกี่ยวข้องกับคดีสังหารปรีดี สุจริตกุล จนกระทั่งมาถึงข่าวความสับสนระหว่างชื่อ
"เอกพจน์ วานิช" กับชื่อตระกูล "เอกวานิช" ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนทำโรงงานแทนทาลั่มที่ถูกเผา
"เรื่องแทนทาลั่มเราไม่เคยมีส่วนเอี่ยวด้วยแม้แต่สตางค์เดียว ก็มีคนปั้นเรื่องว่าเราทำ
โดยเอาชื่อ "เอกวานิช" มาผันเป็น "วานิช" ซะด้วย"
อังคณาย้อนให้ฟังถึงความยุ่งเหยิงในอดีต
วันนี้คนในครอบครัว "วานิช" ได้แสดงถึงความไม่ยี่หระต่อข่าวมุ่งร้ายเหล่านี้
อังคณาก็ยังเดินหน้าที่จะทอฝันโครงการพัฒนาที่ดินซึ่งมีอยู่กระจายทั่วจังหวัดภาคใต้ต่อไป
แต่สิ่งหนึ่งที่อังคณาขาดไปคือคู่ครอง ซึ่งเธอได้เล่าให้ฟังว่า "ทุกคนก็เป็นห่วงแอ๊วว่า
ทำงานให้น้อย ๆ หน่อยได้ไหม? เพราะทำงานมากก็ลืมคิดถึงตัวเอง แอ๊วเคยถามน้องเล่น
ๆ ว่าฉันขาดอะไรตรงไหนหรือเปล่าถึงไม่มีแฟน? ก็หัวเราะกันใหญ่ เพราะรู้ว่าแอ๊วอาจจะทำงานเยอะไป
แต่ก็จำเป็นเพราะงานกำลังเดินหน้า"
อังคณายังคงบินไปมาระหว่างกรุงเทพฯ กับภูเก็ต เพื่อเร่งดำเนินการติดต่อธุรกิจการค้าต่าง
ๆ ในกรุงเทพให้มาลงยังโครงการ "วานิชพลาซ่า" ส่วนที่ประสบความสำเร็จไปแล้วก็มีการขายอาคารพาณิชย์
ซึ่งทีมงานบริษัทขายไปได้ถึง 70% โดยไม่ได้จ้างคนภายนอกมาบริหารการขาย ส่วนทางด้านการบริหารโรงแรม
การติดต่อหาเชนโรงแรมต่างประเทศมาบริหารก็เป็นเรื่องที่เธอบอกว่ากำลังเจรจาอยู่
ภารกิจของการบริหารกิจการของครอบครัว "วานิช" วันนี้บริหารโดยสตรีเหล็กอย่างอังคณา
วานิช ก็นับว่าทำให้เอกพจน์ วานิช ผู้เป็นพ่อเบาใจได้อักโข ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น
สิ่งที่เอกพจน์ ได้ส่งเสริมให้ลูกสาวได้ร่ำเรียนมีความรู้ ได้ช่วยวางรากฐานชีวิตและอนาคตของการดำเนินธุรกิจต่อไป