นับจากวันที่ 9 ธันวาคมนี้ไปการต่อสู้ของคนที่ชื่อผิน คิ้วไพศาลกับโครงการสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากการประกาศปิดโครงการเพื่อทำการปรับปรุงสวนสัตว์ใหม่ไปเมื่อวันที่
17 เมษายน 2532 ซึ่งถ้านับจากวันนั้นจนถึงวันที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการกินเวลานานถึง
17 เดือนเศษ
ผินใช้เวลาในช่วงที่ปิดกิจการนี้เองเดินทางไปศึกษาและดูงานกิจการสวนสนุกและสวนสัตว์ในต่างประเทศหลายสิบแห่ง
และนำกลับมาพัฒนารูปแบบของซาฟารีเวิลด์ให้แตกต่างและดีขึ้นจากเดิม
ถึงแม้ว่าคอนเซ็ปต์ของซาฟารีเวิลด์ใหม่หรือจะเรียกว่าซาฟารีเวิลด์ 2 นี้จะยังคงเป็นสวนสัตว์เปิดอยู่ก็ตาม
แต่รูปแบบภายในได้ถูกปรับเปลี่ยนไปในเนื้อที่ที่น้อยลงกว่าเดิมถึงครึ่งหนึ่งคือมีพื้นที่โครงการโดยรวมทั้งหมด
630 ไร่ แบ่งออกเป็นส่วนของซาฟารี พาร์ค ที่ผู้ชมสามารถขับรถเข้าชมสวนสัตว์
โดยสัตว์ทุกตัวจะถูกปล่อยให้อยู่อย่างอิสระอย่างเช่น ม้าลาย ยีราฟ อูฐ แรดขาว
รวมถึงสัตว์ดุร้ายประเภทเสือ สิงโต ซึ่งในส่วนนี้จะมีเนื้อที่ถึง 300 ไร่
อีกส่วนหนึ่งที่ปรับเพิ่มเข้ามาใหม่คือส่วนที่เรียกว่า มารีน พาร์ค จะเป็นส่วนที่จัดให้มีโชว์ต่าง
ๆ ประมาณ 8 โชว์ มีโชว์ลิงอุรังอุตัง (ชิมแปนซี, ชะนี), โชว์ช้าง, โชว์ปาปัวนิกินี,
โชว์ปลาวาฬและปลาโลมา, โชว์ STUNTMAN, โชว์นกและโชว์แมวน้ำ นอกจากนี้ยังมีการโชว์ให้อาหารสัตว์อย่างเช่นโชว์หมีขาว,
โชว์ฉลาม เป็นต้น โดยมีพื้นที่ในส่วนนี้ 250 ไร่ และยังมีพื้นที่ในส่วนอื่น
ที่เหลืออีก 80 ไร่
ในการปรับปรุงใหม่ครั้งนี้ผินต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มอีก 500 ล้านบาทจากเดิมที่ลงทุนไปแล้วในโครงการครั้งก่อน
700 ล้านบาท โดยลงทุนเพิ่มในส่วนของสัตว์ประมาณ 80 ล้านบาทและเป็นค่าตกแต่งสถานที่อีก
350 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 70 ล้านบาท เก็บไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
สำหรับการเปิดตัวซาฟารีเวิลด์ในครั้งนี้ผินค่อนข้างมั่นใจในความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า
เมื่อเปรียบเทียบกับความล้มเหลวที่เกิดขึ้นของสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ในอดีตที่ผ่านมา
โดยเฉพาะปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงินซึ่งเป็นประเด็นหลักของความล้มเหลวในครั้งนั้น
ซาฟารีเวิลด์ เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2531 ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลตรุษจีน
โดยคาดหวังว่าจะมีคนแห่มาเที่ยวสวนสัตว์เปิดแห่งแรกในประเทศไทยอย่างมากมาย
แต่ดูเหมือนการเปิดครั้งนั้นจะไม่เป็นไปตามความคาดหมาย เนื่องจากความไม่พร้อมในหลายด้านของโครงการ
ทำให้ผู้ที่มาเที่ยวเกิดภาพลบกับซาฟารีเวิลด์ ทำให้ต่อมาปริมาณคนมาเที่ยวชะลอตัวลง
ส่งผลกระทบทันทีในเรื่องของสภาพคล่องทางการเงินขณะนั้น
การบริหารงานในช่วงนั้น จึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก ถึงแม้ว่าส่วนของการตลาดจะได้มีการวางแผนงานอย่างดีด้วยการนำสิ่งแปลกใหม่มาเสนออยู่เรื่อย
ๆ ก็ตาม แต่ข่าวคราวที่ออกมากลับมีแต่ภาพลบไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาด้วยการปลดพนักงานออกถึง
20% (ประมาณ 400 คน หรือการลดเงินเดือนพนักงานระดับผู้จัดการลงอีก 15% )
หากพิจารณาจากงบกำไรขาดทุนของบริษัท ซาฟารี เวิลด์ จำกัด ซึ่งสิ้นสุดวันที่
31 ธันวาคม 2531 ปรากฎว่าขาดทุนสุทธิเป็นเงิน 4 ล้านบาทเศษ จากรายได้รวมเกือบ
60 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมบวกกับต้นทุนขายเป็นเงิน 64 ล้านบาท และในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารตกเป็นค่าเงินเดือนและค่าจ้างกว่า
22 ล้านบาท หรือประมาณ 35%
ที่ดินแถบรามอินทราที่ผินกว้านซื้อทั้งหมดมีประมาณ 4000 ไร่ โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี
2528 ซึ่งในขั้นแรกผินมีโครงการที่จะพัฒนาที่ดินแปลงนี้ใน 2 รูปแบบ คือพื้นที่จำนวน
1,300 ไร่ เศษ จะพัฒนาเป็นซาฟารีเวิลด์ ส่วนพื้นที่อีก 2,000 กว่าไร่จะทำเป็นหมู่บ้านจัดสรร
ซึ่งแนวคิดนี้เมื่อบงล. ร่วมเสริมกิจได้เข้ามารับรู้ก็ยอมปล่อยเงินกู้ให้แก่โครงการดังกล่าวไป
จนกระทั่งต้นปี 2530 ทางซาฟารี เวิลด์ ประสบปัญหาด้านเงินทุนหมุนเวียนจึงยื่นโครงการขอ
กู้เงินเพิ่มเติมกับ บงล. ร่วมเสริมกิจ
และครั้งนั้นเองที่ชาตรี โสภณพนิช ได้เข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของ
ผิน ซึ่งเริ่มพอกพูนเป็นจำนวนเงินมหาศาล ถึงขนาดที่จะทำให้ร่วมเสริมกิจล้มไปได้ในทันที
"ในขณะนั้นผมเป็นหนี้กับทางร่วมเสริมกิจอยู่ประมาณ 1,000 กว่าล้าน"
ผินกล่าวถึงก้อนเงินจำนวนมหึมาที่ทำให้ชาตรีต้องโดดเข้ามาดูด้วยตนเอง
วิธีการที่ชาตรีเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวคือ บงล. ร่วมเสริมกิจตั้งบริษัทเรียลเอสเตท
เซ็นเตอร์ จำกัด ขึ้นมารับซื้อที่ดินจำนวน 2,300 ไร่จากผินซึ่งเป็นส่วนที่จะดำเนินการหมู่บ้านจัดสรรอยู่แล้ว
เพื่อลดหนี้สินของซาฟารีเวิลด์และเสนอให้ตัดถนนเข้าสู่ที่ดินดังกล่าวเป็นระยะทางยาว
7 กิโลเมตร โดยใช้งบประมาณทั้งหมด 60 ล้านบาท โดยที่ซาฟารีเวิลด์ออก 20 ล้านบาท
เป็นการเปิดที่ดินไปสู่ซาฟารีเวิลด์โดยตรง และการตัดถนนจะทำให้ราคาที่ดินในแถบนั้นมีราคาสูงขึ้นด้วย
ผินขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้กับร่วมเสริมกิจไปในราคาไร่ละ 3 แสนบาทในขณะที่ราคาปัจจุบันขึ้นไป
5-8 ล้านบาทต่อไร่ ซึ่งที่แปลงดังกล่าวปัจจุบันได้ถูกจัดสร้างเป็นสนามกอล์ฟปัญญาของปัญญา
ควรตระกูล
และในช่วงที่ผินเผชิญกับมรสุมด้านการเงินกระหน่ำอยู่หลังจากการเปิดซาฟารีเวิลด์
ได้ไม่นานก็เป็นช่วงเดียวกับที่อุกฤษ มงคลนาวิน ประธานรัฐสภาและสันติ ภิรมย์ภักดี
มีโครงการที่จะทำบ้านจัดสรรขนาดใหญ่พร้อมสนามกอล์ฟชั้นดีในย่านรามอินทรา
(โดยใช้ชื่อโครงการ "วินสัน" หลังจากที่เจรจาซื้อที่ดินจากผินสำเร็จ)
การติดต่อซื้อที่ดินแปลงใหญ่จากผินจึงเริ่มขึ้นในช่วยกลางปี 2531 นั่นเอง
ผินตัดสินใจแบ่งขายที่ดินที่เหลืออยู่จำนวน 1,700 ไร่ ซึ่งส่วนหนึ่งได้พัฒนาเป็นซาฟารีเวิลด์แล้วจำนวน
1,310 ไร่ ขายให้กับกลุ่มของอุกฤษและสันติไป 800 ไร่ในราคาไร่ละ 1 ล้านกว่าบาท
ซึ่งมีการโอนกันในเดือนพฤศจิกายนของปีนั้น และเงินที่ได้จำนวนนั้นผินได้นำมาชำระหนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่กับ
บงล.ร่วมเสริมกิจประมาณ 500 ล้านบาท
"กลุ่มซาฟารีเวิลด์สามารถใช้หนี้ของร่วมเสริมกิจได้จนหมดสิ้นแล้ว และยังเหลือเงินสดในมือไม่ต่ำกว่า
300 ล้านบาท แต่เพื่อการดำเนินธุรกิจของเงินทุนหลักทรัพย์ที่จะต้องมีการปล่อยสินเชื่อ
เราจึงเจรจาขอให้กลุ่มนี้คงเหลือวงเงินกู้กับเราประมาณ 100 ล้านบาท สรุปแล้วเวลานี้เขามีเงินลงทุนอยู่ประมาณ
400 กว่าล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาโครงการซาฟารีเวิลด์ต่อได้" ดร. ชัยยุทธ
ปิลันธน์โอวาท กรรมการผู้จัดการของบงล.ร่วมเสริมกิจเล่าถึงสถานะการเงินของผินให้ฟัง
สำหรับผินแล้วเขากล่าวว่า "ที่ผมต้องตัดที่แบ่งขายนั้น เพราะแบกรับภาระดอกเบี้ยเดือนละ
10 ล้านบาทไม่ไหว อีกทั้งกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่เจ้าหนี้นำมาใช้เร่งรัดให้ชำระ
ทุกวันนี้ผมเหลือหนี้อยู่น้อยมาแล้ว ซึ่งต่อไปคงไม่เป็นปัญหาอีก"
หลังจากการชำระหนี้แล้ว บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก
1 ล้านบาท เป็น 251 ล้านบาทในช่วงปลายปี 2531 และในปีถัดมาผินก็ได้เฉือนที่ดินจำนวน
240 ไร่ในซาฟารีเวิลด์ขายให้กับกลุ่มของสันติอีก ทำให้ผินเหลือเนื้อที่ในโครงการซาฟารีเวิลด์
ปัจจุบันเพียง 630 ไร่เท่านั้น
การปลอดจากภาระหนี้สินและลงทุนโดยอาศัยเงินทุนตนเองเป็นหลักดังกล่าวนี้เองที่ทำให้ผินมั่นใจว่าการบริหารงานของเขาในซาฟารีเวิลด์
2 นี้จะต้องประสบกับความสำเร็จอย่างแน่นอน ประกอบกับการที่ขนาดของโครงการย่อส่วนเล็กลง
(ทำให้เห็นสัตว์ต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้น) และการนำรูปแบบใหม่ในส่วนของมารีน
พาร์คเข้ามาจะเป็นที่ถูกใจของบรรดาผู้เข้าชมมากกว่าเดิม
นอกจากนี้ในส่วนของค่าบริการก็ลดลงจากเดิมอีก 10 บาท คือในส่วนของซาฟารี
พาร์ค ผู้ใหญ่บัตรราคา 60 บาท เด็กบัตรราคา 40 บาท ส่วนมารีน พาร์ค ผู้ใหญ่บัตรราคา
100 บาท เด็กบัตรราคา 70 บาท นอกจากนี้ยังมีบริการทำบัตรสมาชิกเที่ยวฟรีตลอดปีในราคา
260 บาท และเที่ยวฟรีตลอด 2 ปีในราคา 320 บาท
"การลงทุนพัฒนาโครงการของเราเป็น 1,000 กว่าล้าน เราสร้างเสร็จจะรื้อทิ้งไปทำไม
รื้อทิ้งเราต้องเสียหายมาก อีกอย่างตอนนี้เราไม่มีหนี้สิน เราไม่จำเป็นต้องขาย
เพราะถ้าเราคิดจะขายเราก็ไม่สร้างแล้ว คงไม่ต้องห่วง อย่าว่าแต่ 2 ปีเลยต่อให้
20 ปีก็ไม่ต้องห่วง" ผินกล่าวยืนยันเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนที่คิดจะสมัครเป็นสมชิกเที่ยวฟรีตลอดปีหรือตลอดไปได้รับทราบ