ข้างหลังชีวิตของพรจันทร์


นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2533)



กลับสู่หน้าหลัก

ผู้หญิงคนนี้สวยในระดับที่เมื่อใครได้พบเจอเธอแล้ว จะไม่มีใครไม่ถวิลหาเธออีกเก่งพอที่เจ้าของโครงการระดับ 1,000ล้านบาทมอบความไว้วางใจให้เธอดูแลงานด้านการตลาดแต่เพียงผู้เดียว ทั้งโครงการและแกร่งด้วยประสบการณ์ที่หมุนรอบตัวเธอเป็น 2 เท่าของวัยทั้งด้านชีวิตและงาน

คำกล่าวที่ว่านี้แม้จะไม่สามารถยึดเป็นสูตรสำเร็จในการมองความสำเร็จของผู้หญิงเก่งวันนี้แต่ พรจันทร์ จันทรขจร ผู้หญิงที่เพิ่งผ่านพ้นวัย 37 ปีมาหมาดๆในวันนี้ก็มีรายละเอียดในตัวเธอมากมายที่น่าติดตามศึกษา

พรจันทร์เป็นลูกสาวคนโตและคนเดียวของ พล.ต.ท.จำรัส จันทรขจร อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ เธอเป็นพี่สาวของน้องๆซึ่งเป็นผู้ชายทั้งหมด 4 คน

ความที่เธอเป็นพี่สาวคนโตของครอบครัวนายตำรวจดูจะเป็นเบ้าหลอมความเข็งแกร่งมาแต่กำเนิด เธอออกจะเป็นคนที่ตัดสินใจเร็ว มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงพูดจาเปิดเผย แตกต่างจากธรรมชาติของผู้หญิงโดยทั่วไป นิสัยใจคอของเธอนั้นสะท้อนให้เห็นจากกีฬายิงปืนซึ่งเป็นกีฬาที่เธอโปรดปรานเอามากๆ

ว่ากันว่าเธอยิงปืนแม่นราวกับจับวางทีเดียว เคยได้แชมป์หลายสถาบัน แม้จะอยู่นอกสนามยิงปืนเธอก็ยังพกปืนประจำตัวไปไหนต่อไหนตลอดเวลา นัยว่าเป็นการป้องกันตัวไว้ก่อน เธอบอกว่าเพิ่งจะเลิกพกปืนเมื่อไม่นานมานี้เอง

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็เป็นอีกสถาบันหนึ่งที่บ่มเพาะความเป็นตัวของตัวเองสูง ทีเดียว เธอจบศิลปศาสตร์ด้านภาษาอังกฤษ เมื่อเรียนจบเธอก็เป็นคนเลือกอาชีพของเธอเอง เธอต้องการทำงานเป็นพนักงานขายด้วยเหตุผลว่ามันเป็นงานที่ท้าทายและได้พบปะผู้คนมากมาย

"ตอนสมัครงานก็ได้ทั้งสองอย่างคือ ก๊อบปี้ไรเตอร์กับพนักงานขาย แต่เลือกเอางานขาย เพราะเห็นว่าก๊อบปี้ไรเตอร์คงไม่มีโอกาสออกไปนอกบริษัทเท่าไหร่ สุดท้ายก็คงเซ็งไม่สนุก" เธอกล่าวถึงการตัดสินใจในการเริ่มต้นงานเมื่อ 10 ปีก่อน

พรจันทร์เข้าเป็นพนักงานขายบริการรับพิมพ์เช็คของบริษัทยูนิเวอร์แซล เทเลคอม ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีโรงพิมพ์เช็คในเมืองไทย ต้องขายตั้งแต่เรย์เอาท์ บริการและสั่งพิมพ์ด้วยตัวเองที่สิงคโปร์ และก็ไม่มีใครสอนว่าจะไปพบใครที่ไหนอย่างไร

"เกือบจะหมดกำลังใจเราต้องหาตลาดเอง ออกตลาดเองทุกอย่าง ก็รู้แต่ว่าขายให้แก่ธนาคาร เลยเข้าพบตั้งแต่ผู้จัดการสาขาทั้งๆ ที่เขาไม่มีอำนาจจะสั่งพิมพ์ แต่ก็ได้รับคำแนะนำไปเรื่อย ๆ จนถึงผู้บริหารระดับสูง จึงได้รู้ว่าลูกค้าอยู่ที่ไหน" พรจันทร์กล่าว

เธอทำงานกับยูนิเวอร์แซล เทเลคอม ประมาณ 6 ปีจากออร์เดอร์แรกที่ อนุตร์ อัศวนนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทยในขณะนั้นเป็นผู้เซ็นอนุมัติและก็ติดตามเรื่อยมาจนแทบจะเรียกได้ว่าเกือบทุกธนาคารเป็นลูกค้าของเธอ

ความคิดที่เธอจะไปเรียนต่อต่างประเทศในขณะนั้นก็งดไป เพราะเกิดภาระติดพันกับงานมากขึ้นเป็นเงาตามตัวจากพนักงานขายธรรมดา เธอได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บริหารด้านการตลาดของบริษัท และที่สำคัญคืองานบริการลูกค้านั้นได้ติดตามมาอย่างต่อเนื่อง

และก็เป็นช่วงจังหวะที่เธอได้เจอมรสุมอย่างหนักสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่ครอบครัวทั้งสองฝ่ายสนิทสนมกันดีแต่ก็อยู่ด้วยกันเพียง 3 ปีต้องแยกจากกัน เพราะความที่เข้ากันไม่ได้ในหลาย ๆ เรื่อง

แม้เธอจะแกร่งสักปานใดก็ตาม เธอก็ยังคงเป็นผู้หญิง ผู้หญิงที่จะต้องแคร์ทั้งความรู้สึกนึกคิดของตัวเองและสังคมรอบข้าง แม้น้ำตาจะไม่ไหลรินออกมาให้ใครเห็นแต่ก็เจ็บปวดร้าวลึกเหลือคณานับ เธอและเขาพยายามทดลองแยกและคืนดีกันกลับไปกลับมาหลายครั้งหลายคราวเพื่อหวังว่าบรรยากาศจะได้ดีขึ้น แต่ก็สรุปลงตรงที่อยู่ด้วยกันไม่ได้อีกต่อไป

คนที่รู้จักเธอดีบอกกับ "ผู้จัดการ" ว่าเธอแกร่งเกินกว่าที่จะเป็นแม่บ้านธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ในขณะที่โลกธุรกิจที่เธอสัมผัสนั้นเต็มไปด้วยการแข่งขันและท้าทาย ภาระที่เธอรับผิดชอบจากบริษัทและลูกค้านั้นนับวันจะเข้มข้นขึ้นไปเรื่อย ๆ และเธอก็ไม่อาจทิ้งภาระผูกพันเหล่านั้นไปได้

สำหรับเธอเองปฏิเสธที่จะพูดถึงอดีตที่เป็นชีวิตส่วนตัว เธอไม่ต้องการให้เอาชีวิตส่วนตัวมาเจือปนกับหน้าที่การงาน เพียงแต่ยอมรับว่ามันเป็นความเจ็บปวดครั้งแรกในชีวิตของเธอ

แต่สำหรับ "ผู้จัดการ" แล้ว ไม่อาจมองข้ามบทเรียนนี้ไปได้ในการเรียนรู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธออยู่ในระหว่างจุดต่อทางประวัติศาสตร์ของวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมกับผู้หญิงยุคใหม่

เธอเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพของสังคมแบบเก่าที่เรียกร้องต้องการให้ผู้หญิงเป็นเพียงแม่บ้านที่ดี ในขณะที่สังคมกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างเข้มข้นเธอเองและครอบครัวซึ่งท้าทายต่อการพิสูจน์อย่างยิ่ง

มันคงไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่มันเป็นปัญหาร่วมสมัยของผู้หญิงในยุคหนึ่งหลายคนเป็นอย่างเธอ และหลายคนกำลังอยู่ในระหว่างทางสองแพร่งนี้ แม้แต่ในยุคปัจจุบันนี้ก็ตามเถอะ

จากยูนิเวอร์แซล เทเลคอม เธอออกมาตั้งบริษัทรับพิมพ์เช็คเอง แต่จังหวะของเธอพลาดไปตรงที่ไม่นานต่อมา บรรดาธนาคารทั้งหลายได้รวมตัวกันลงขันตั้งบริษัทพิมพ์เช็คขึ้นมาเอง ตลาดนี้ก็เลยถูกปิดตันสำหรับเธอ

พรจันทร์หันเข้าเป็นนักขายรับจ้างอีกครั้งหนึ่ง เริ่มตั้งแต่โปรบิซ เอ็นซีอาร์ อเมริกันเอ็กซ์ เพรส อายุงานเฉลี่ยแห่งละ 2 ปีในตำแหน่งผู้บริหารการขาย

เมื่อถูกถามว่าทำไมเธอจึงเปลี่ยนงานค่อนข้างบ่อยเธอมักจะตอบว่าไม่มีอะไรตื่นเต้นเมื่อขายสินค้าตัวหนึ่งไปถึงจุดอิ่มตัวแล้ว จึงต้องหาสินค้าตัวใหม่มาลองดูบ้างและอีกประการหนึ่งก็คือเมื่ออยู่นานๆแล้วก็รู้สึกเบื่อๆ

"แต่ไม่ใช่ลักษณะเบื่อๆอยากๆ แต่เป็นเพราะว่าเมื่อเราขายสินค้าตัวนั้นถึงจุดสูง

สุดแล้วก็รู้สึกอยากเปลี่ยนตัวสินค้าบ้าง" เธอกล่าว

สินค้าล่าสุดที่เธอเลือกจับเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาคือการขายสมาชิกสนามกอล์ฟ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นยุคบุกเบิกก่อนที่ตลาดนี้จะบูมอย่างเช่นปัจจุบัน

พรจันทร์เข้ารับงานขายสมาชิกสนามกอล์ฟให้ ไพน์เฮิร์สท กอล์ฟแอนด์คันทรีคลับเมื่อกลางปี 2530 แม้ว่าในด้านการขายแล้วจะเรียกว่าเธอประสบความสำเร็จพอสมควรที่สามารถขายได้หมดเต็มโครงการ เพียงแต่ในด้านตัวโครงการนั้นมีปัญหาด้านความล่าช้าและขาดตกด้านเงื่อนไขและสิ่งอำนวยความสะดวกไปบ้าง

"การขายสมาชิกสนามกอล์ฟในสมัยนั้นไม่ง่ายเหมือนปัจจุบัน เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นบุกเบิกธุรกิจด้านนี้ของเมืองไทย ความนิยมเล่นกอล์ฟของคนไทยในยุคนั้นก็ไม่สูงเหมือนทุกวันนี้ การขายตอนนั้นจึงท้าทายเรามาก ต้องแนะนำโน้มน้าวให้เขาเห็นความสำคัญและตัดสินใจซื้อ แต่ก็สามารถขายได้จนหมด" พรจันทร์กล่าวถึงสินค้าล่าสุดที่เธอเลือกขายเมื่อหลายปีก่อน

เธอเองในฐานะผู้ขายซึ่งรับผิดชอบโดยตรงต่อผู้ซื้อรู้สึกเศร้าใจพอสมควร และก็ได้พยายามวิ่งเต้นทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือลูกค้าให้ได้รับความเสียหายน้อยที่สุด ด้วยความโชคดีที่เป็นช่วงที่กีฬากอล์ฟกำลังบูม ราคาค่าสมาชิกวิ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ซื้อไม่ขาดทุนเลยในคราวนั้น

นั่นดูจะเป็นความเจ็บปวดของเธอในด้านธุรกิจ

จากประสบการณ์ในคราวนั้น พรจันทร์ จันทรขจร ได้ถือเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจรับงานครั้งใหม่ของเธอที่ MISSION HILLS GOLF CLUB ของสุรพันธ์ งามจิตสุขศรีผู้ทุ่มทุนร่วม 1,000 ล้านบาทสร้างสนามกอล์ฟและมอบความไว้วางใจให้เธอดูแลด้านการขายสมาชิกแต่เพียงผู้เดียว

พรจันทร์เป็นผู้จัดการฝ่ายสมาชิกในฐานะนักขายมืออาชีพ เป็นลูกจ้างดูแลงานโดยไม่มีส่วนในการถือหุ้นและไม่มีการขายผ่านเอเยนต์อื่นๆ อีก

เธอทำงานด้านการขายร่วมกับผู้ช่วยของเธออีก 2 คนเท่านั้น และเธอบอกว่าขณะนี้ได้ขายไปแล้วกว่า 40% โดยที่ไม่ได้โหมโฆษณามากนักเพราะต้องการขายแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้สอดคล้องกับความคืบหน้าของโครงการ

พรจันทร์กล่าวว่าการขายสมาชิกกอล์ฟทุกวันนี้ขายง่ายกว่าเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมาเพราะเป็นยุคที่กีฬากอล์ฟกำลังบูมมาก แต่สิ่งที่เธอห่วงมากนั้นคือความคืบหน้าของโครงการผู้ซื้อจะต้องได้เห็นความเป็นจริงชัดขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ขายไปด้วยนี้ก็จะมีการปรับราคากันเรื่อยๆประมาณ 3 เดือนครั้ง

เธอยอมรับว่าส่วนหนึ่งที่ต้องกำหนดกลยุทธ์การตลาดเช่นนี้ เพราะไม่อยากให้มีการเก็งกำไร ลูกค้าที่ซื้อไปก็จะได้ทราบว่าต้องการเข้ามาเป็นสมาชิกจริงๆ

MISSION HILLS GOLF CLUP ตั้งอยู่ในพื้นที่ขนาด 18 หลุม 460 ไร่ แวดล้อมด้วยที่ดินจัดสรรเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับสมาชิก 380 ไร่ สถานที่พักตากอากาศแบบโรงแรมขนาด 50 ห้อง ที่อำเภอท่าม่วง กาญจนบุรี ห่างจากกรุงเทพเพียง 100 กิโลเมตร ออกแบบโดย แจ็ค นิคลอส แวดล้อมด้วยทิวเขาอันเป็นธรรมชาติแบบลำน้ำแม่กลอง ตกแต่งพื้นผิวและทะเลสาบให้ท้าทายนักกอล์ฟมือโปร นอกจากนี้ยงัมีสโมสร สวนสาธารณะ สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส ไว้บริการในตัวอย่างพร้อมสรรพ

ขณะนี้งานปรับพื้นที่และตกแต่งพื้นผิวเสร็จไปแล้วเรียบร้อยยังคงแต่องค์ประกอบอื่นๆที่กำลังเร่งดำเนินการกันอย่างเร่งรีบ เพื่อให้เสร็จทันตามที่กำหนดไว้ภายในสิ้นปี 2534

แม้ในดวงตากลมโตดวงนั้นของเธอยังซ่อนเร้นความเศร้าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตที่เพิ่งผ่านไปหมาด ๆในคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการมีสัมพันธ์กับสามีคนอื่นที่มีฐานะทางสังคมเป็นถึงนายแบงก์นามสกุล "ชาลีจันทร์" เมื่อไม่นานมานี้ แต่ความยิ่งใหญ่ในโครงการที่เธอรับผิดชอบการขายอยู่นั้นกลับท้าทายและทำให้เธอสนุกและตื่นเต้นมากยิ่งกว่า

เธอเองก็พยายามแยกแยะอยู่เสมอว่าอะไรคืองานอะไรคือส่วนตัว และถ้าจะติดตามศึกษาผู้หญิงร่วมสมัยคนหนึ่งเช่นเธอ ก็น่าจะดูเธอที่บทบาทและผลงานมากกว่าพรหมลิขิตเจ้ากรรมที่คอยแต่จะเล่นเธอฝ่ายเดียว

MISSION HILLS ก็กำลังรอการพิสูจน์ความเก่งและความแกร่งของผู้หญิงที่ชื่อพรจันทร์ จันทรขจร



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.