การเปิดตัวโตโยต้า โคโรลล่า โฉมใหม่ เครื่องยนต์ 1500 ซีซี และ 1600 ซีซี
ด้วยราคาเขย่าวงการครั้งประวัติศาสตร์ นับเป็นครั้งแรกที่ยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า
เข้ามาเล่นสงครามราคาอย่างเต็มรูปแบบ และสุดสุด เมื่อโตโยต้าลงมาเต็มตัวเช่นนี้
อะไรจะเกิดขึ้น
"ปัจจุบัน ตลาดเป็นของผู้ซื้อแล้ว"
คำกล่าวของ ที ซาโต้ ประธานบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เนื่อในงานเปิดตัวรถยนต์โตโยต้า
โคโรลล่า โฉมใหม่เมื่อ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
งานเปิดตัวรถยนต์ครั้งนี้ ถือเป็นงานเปิดตัวรถยนต์รุ่นหนึ่ง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทยก็ว่าได้
ด้วยรูปแบบของงานการนำเสนอที่ดูทันสมัย ตระการตา และงบประมาณที่ทุ่มลงมา
ตลอดการจัดงานทั้ง 3 วัน คือ 9-11 กุมภาพันธ์ 2539 มากถึง 30 ล้านบาท
ความยิ่งใหญ่ที่โตโยต้าตั้งใจให้เกิดครั้งนี้ ก็เพราะความใหญ่ของแผนรุกตลาดครั้งสำคัญ
ด้วยโตโยต้า โคโรลล่า รุ่นที่แปด คันนี้ ที่หวังจะโค่นคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาดเมืองไทยให้สิ้นซากเลยทีเดียว
คำกล่าวดังประโยคแรกข้างต้น ก็คือข้อบ่งชี้ประการหนึ่ง ผู้ซื้อมีสิทธิ์เลือกสินค้าที่ดีที่สุดในตลาด
ราคาคุ้มค่าที่สุด หรือถูกที่สุดขณะที่คุณภาพไม่ด้อยกว่า นับสิบปีที่ผ่านมา
โตโยต้า ได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ที่ซื้อง่ายขายคล่อง เวลาขายต่อก็ได้ราคา คุณภาพก็ไม่เป็นรองรถยนต์ญี่ปุ่นค่ายใด
อะไหล่หาง่ายราคาไม่สูง ศูนย์บริการมีมาก พัฒนาตลอดเพียงแต่ราคาจำหน่ายสูงเกินไปสักหน่อย
โดยส่วนใหญ่แล้วจะสูงกว่ารถยนต์ญี่ปุ่นทุกค่ายในระดับเดียวกัน
แต่กระนั้น รถยนต์โตโยต้าก็ยังจำหน่ายดีที่สุดในตลาดเมืองไทย และเป็นเช่นนี้มากว่าสิบปีแล้ว
รถยนต์นั่งรุ่นที่จำหน่ายมากที่สุดทั้งของตลาดเมืองไทยและตลาดโลก ก็คือ โตโยต้า
โคโรลล่า มาถึงวันนี้ โตโยต้า โคโรลล่า กลายเป็นรถยนต์ที่มีราคาไม่สูงกว่ารถยนต์ญี่ปุ่นรายอื่น
หรือแม้กระทั่งรถยนต์จากเกาหลีใต้ และบางแบบกล่าวได้ว่า ต่ำที่สุดในตลาดรถยนต์นั่งเมืองไทยในขณะนี้ด้วยซ้ำ
เมื่อโตโยต้า โคโรลล่า ราคาต่ำที่สุด อะไรจะเกิดขึ้น
"การเปิดตัวโคโรลล่าใหม่ครั้งนี้ เป็นการปฏิวัติตลาดรถยนต์ขนาดประหยัดและขนาดครอบครัว
เป็นการปฏิวัติเทคโนโลยีรถยนต์ระดับกลางและล่าง" ที ซาโต้กล่าว
นี่คือการเข้ามาเล่นสงครามราคาครั้งแรกในตลาดเมืองไทยของยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า
ทั้งที่เมื่อปีที่แล้ว ประธาน ที ซาโต้ ผู้นี้กล่าวชัดเจนว่า โตโยต้าจะไม่ลงมาเล่นสงครามราคา
แต่เพราะปัจจัยรอบด้านดังที่ทราบกันว่า คู่แข่งสำคัญๆ อย่างฮอนด้า และค่ายเกาหลีบางรายที่กำลังเติบใหญ่ได้รุกคืบเข้ามามาก
ที่สำคัญด้วยกลยุทธ์ราคา ซึ่งถ้าโตโยต้าไม่ตัดสินใจทำอะไร อาจจะสายเกินไป
การกระทำครั้งนี้จึงเป็นทั้งการป้องกันตนเอง เป็นทั้งการรุกไปข้างหน้าและเป็นทั้งการฆ่าคู่แข่งที่กำลังจะรุ่งโรจน์ให้ตายไปจากตลาด
ก็ไม่ทราบว่าครั้งนี้ โตโยต้าดึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตลาดรถยนต์โลกเข้ามาสู่ตลาดเมืองไทยเร็วเกินไปหรือไม่
ที่ว่าในที่สุดแล้วผู้ที่แข็งแกร่งกว่าจะยืนอยู่ และค่ายรถยนต์จะเหลือเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น
ในช่วงของการแถลงถึงงานส่วนการตลาด และการประกาศราคาจำหน่ายดูเหมือนว่า
สุพจน์ วิสุทธิผล กรรมการบริษัทจะมั่นใจกับเกมครั้งนี้เต็มร้อยทีเดียว
"เป็นรุ่นที่จะสร้างความฮือฮาให้กับตลาด เป็นราคาสมเหตุสมผลและท้าทายรถยนต์ทุกยี่ห้อในตลาด"
คำกล่าวของสุพจน์ที่มั่นใจในชัยชนะน่าดู
สุพจน์กล่าวว่า เหตุผลที่สามารถทำราคาได้ต่ำก็เนื่องจากโตโยต้า ได้วางแผนพัฒนาด้านต่างๆ
มาประมาณ 2ปี เพิ่มคุณค่าทางวิศวกรรมและวิเคราะห์ทางวิศวกรรมเพื่อลดต้นทุนการผลิต
ลดขั้นตอนการประกอบ ซึ่งลดชิ้นส่วนที่ใช้ประกอบได้ประมาณ 15%
ทางด้านนินนาท ไชยธีรภิญโญ กล่าวเสริมประเด็นการลดต้นทุนว่า บริษัทสามารถใช้ชิ้นส่วนในประเทศได้มากขึ้น
จากเดิมใช้ 260 รายการ ได้เพิ่มเป็น 300 รายการ จึงทำให้ต้นทุนการผลิตลดต่ำลง
นอกจากนี้ยังมีการผลิตเพื่อส่งออกชิ้นส่วนของโตโยต้า โคโรลล่า ไปยังประเทศฟิลิปปินส์
มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ในโครงการแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนอาเซียน ซึ่งทำให้ปริมาณการผลิตชิ้นส่วนมีมาก
ต้นทุนจึงต่ำลง ประกอบทางไทยก็รับชิ้นส่วนมาจากประเทศเหล่านั้นด้วย จึงทำให้ต้นทุนลดลงไปอีกมาก
สำหรับเป้าหมายของโคโรลล่าโฉมใหม่นี้ ได้ตั้งไว้ประมาณ 3,500 คันต่อเดือน
ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 40% แต่รู้กันวงในว่าเป้าหมายนี้เป็นเพียงเป้าหมายที่ประมาณตนเอง
หรืออาจเรียกว่ามักน้อย
โตโยต้าหวังอยู่ลึกๆ ว่า จริงๆ แล้วน่าจะจำหน่ายได้มากกว่านี้ เพราะแผนครั้งนี้คือการเปิดหมดทุกอย่างแล้ว
ข้อบ่งชี้ชัดเจนที่สำคัญคือ โตโยต้าเตรียมกำลังการผลิตไว้รองรับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ถ้าตลาดยอมรับมากก็สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้เท่าตัวในทันที เพราะเราได้ย้ายสายการผลิตโคโรน่า
ไปไว้ที่โรงงานโตโยต้าเกตเวย์ ซึ่งเปิดทำการผลิตไปเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาแล้ว
ดังนั้นโรงงานที่สำโรงจะมีกำลังการผลิตเพียงพอสำหรับโตโยต้า โคโรลล่า เมื่อตลาดต้องการเกินเป้าหมายที่วางไว้"
นินนาทกล่าว
การเปิดตัวโตโยต้า โคโรลล่า โฉมใหม่ครั้งนี้ ต้องพลิกโฉมวงการรถยนต์เมืองไทยครั้งใหญ่แน่นอน
นับจากนี้ไป การลดราคาหรือแจกของแถมมูลค่านับหมื่นบาท จะมีให้เห็นจากเกือบทุกค่ายรถยนต์
ที่โมเดลรถยนต์ยังไม่ถึงเวลาเปลี่ยนรุ่น ส่วนรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัว ยืนยันได้ว่าราคาจะต้องเป็นปัจจัยหลักในการนำเสนอต่อตลาด
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้ซื้อจึงต้องมีความละเอียดพอในการพิจารณาคุณภาพควบคู่กับราคา
มิใช่ราคาถูกแล้วจะเป็นรถยนต์ที่ดีหรือเพียงแค่เหมาะสมกับราคาก็ยังไม่อาจมั่นใจได้
เมื่อสงครามราคามาถึงจุดนี้ จุดที่รายใหญ่ยังคงลงมาเล่นด้วยเสียแล้ว ผู้ซื้อก็คงจะต้องทำการบ้านอีกมากในการที่จะซื้อรถยนต์ระดับกลางและล่างไว้ใช้งานสักคัน
ใช่ว่าจะเชื่อใจใครได้ แม้แต่โตโยต้าก็ตามเถอะ