การเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกยาด้วยรูปแบบเชนสโตร์ของบริษัท พีเพิลส์ เฮ็ลธ์
แคร์ จำกัด ภายใต้ชื่อ "พีเพิลส์ เฮ็ลธ์ แอนด์ บิวตี้ แคร์ " ซึ่งเปิดตัวสาขาแรกที่รอยัลการ์เด้น
หลาซ่า พัทยา เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2538 ได้กลายเป็นคลื่นลูกใหม่ในวงการยาที่ผู้ที่เกี่ยวข้องต่างจัยตามองว่า
จะเป็นบริษัทน้องใหม่ที่เข้ามาสร้างความสั่นสะเทือนให้กับธุรกิจค้าปลีกยา
ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตลาดถึงประมาณ 7,500 ล้านบาท
เพราะที่อยู่เบื้องหลังการก่อตั้งบริษัทพีเพิลส์ เฮ็ลธ์ แคร์ จำกัด และยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ก็คือบริษัทสยาม แม็คโคร จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือของซีพี ยักษ์ใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งด้านการเงินและประสบการณ์ช่ำชองในวงการค้าปลีกและค้าส่ง
แต่จนถึงขณะนี้ พีเพิลส์ เฮ็ลธ์ แคร์ ก็ยังคงเดินเกมรุกเงียบเน้นการขยายเครือข่ายสาขาเป็นหลัก
จากแห่งแรกคือ รอยัลการ์เด้น พลาซ่า พัทยา สู่แฟชั่นไอส์แลนด์, อิมพีเรียลเวิลด์
ลาดพร้าว,รอยัล การ์เด้น ริเวอร์ไซด์เจริญนคร, กาดสวนแก้ว เชียงใหม่, ยูไนเต็ดเซ็นเตอร์
สีลม และล่าสุดคือ ที่พระราม 4 เป็นรูปแบบร้านสแตนด์อโลน รวมทั้งสิ้น 7 สาขา
"หน้าที่หลักของเราตอนนี้ก็คือ การมองหาทำเลดีๆ เพื่อขยายสาขาให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
เลือกสินค้า และปรับปรุงสาขาที่เปิดดำเนินการไปแล้วให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในแต่ละย่านที่เข้าไป
และคิดแผนการโปรโมชั่นออกมาอย่างต่อเนื่อง" เยาวณี ตุลยะเสถียร ประธานกรรมการบริหารบริษัทพีเพิลส์
เฮ็ลธ์ แคร์ จำกัด กล่าวกับ "ผู้จัดการ"
การรุกเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกยาของกลุ่มซีพีได้มีการกำหนดแผนการรุกขยายสาขาคือ
ภายใน 3 ปี ร้านพีเพิลส์ เฮ็ลธ์ แอนด์ บิวตี้ แคร์ จะมีเครือข่าย 50 สาขา
ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นก็จะเริ่มระบบแฟรนไชส์เข้ามาใช้ โดยคาดว่าภายในระยะเวลา
5 ปีจะสามารถขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 150 แห่ง
จากนโยบายเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายจำนวนสาขาดังกล่าวข้างต้น ปีนี้พีเพิลส์
เฮ็ลธ์ แคร์ มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 15-20 แห่ง โดยขณะนี้มีทำเลเป้าหมายอยู่ประมาณ
5 แห่งคือ ที่สี่แยกลำสาลีและอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งจะเปิดร้านในรูปแบบสแตนด์อะโลน
และในพลาซ่าอีก 3 แห่ง จะเห็นได้ว่ายุทธศาสตร์ของพีเพิลส์ เฮ็ลธ์ แอนด์ บิวตี้
แคร์ ในการเข้าสู่ตลาดนั้นอาศัยความสำเร็จในเชิงการบริหารงานของเซเว่น-อีเลฟเว่นและแม็คโครมาเป็นแม่บท
ระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา นอกจากการให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายสาขา
ในส่วนของการเดินเกมสร้างชื่อร้านพีเพิลส์ เฮ็ลธ์ แอนด์ บิวตี้ แคร์ ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้าง
เยาวณียังได้นำกลยุทธ์การตลาดเข้ามาใช้เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในธุรกิจร้านขายยาประเภทเชนสโตร์
กล่าวคือนอกเหนือจากความโดดเด่นด้านรูปแบบร้านที่แม็คโครลงทุนว่าจ้างบริษัทที่ชำนาญในแคนาดาออกแบบ
โดยให้น้ำหนักกับการจัดดิสเพลย์ ที่เน้นการใช้พื้นที่ให้เป็นประโยชน์และเป็นหมวดหมู่ชัดเจนที่สุดแล้ว
ส่วนของผลิตภัณฑ์ยังได้มีการจับมือกับซัปพลายเออร์ออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่เพื่อวางจำหน่าย
อาทิ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอางที่มีการนำบรรจุภัณฑ์แบบแขวนเข้ามาใช้สร้างความแตกต่างจากร้านขายยาเชนสโตร์รายอื่น
รวมถึงวิธีการดึงกลุ่มเป้าหมายเข้ามาเดินในร้านเยาวณีได้นำกลยุทธ์ในเรื่องการจัดรายการในรูปแบบอินเฮาส์
โปรโมชั่นในรูปแบบลดแลกแจกแถมอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างฐานะลูกค้าประจำ โดยการนำระบบสมาชิกเข้ามาใช้
ปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่า พีเพิลส์ เฮ็ลธ์ แคร์ ประสบความสำเร็จระดับหนึ่งโดยมีกลุ่มสมาชิกถึงกว่าหมื่นคนในจำนวน
7 สาขาที่เปิดบริการ
ทางบริษัทยังใช้ฐานจำนวนสมาชิกเหล่านี้ สร้างกิจกรรมในรูปแบบการส่งข่าวสารการเคลื่อนไหวของบริษัทไปยังบรรดาสมาชิกอย่างต่อเนื่อง
"ปีนี้เราคงมุ่งเจาะตรงไปยังลูกค้าเป้าหมายในทำเลแต่ละพื้นที่ที่เราเปิดบริการ
โดยเน้นการให้ความรู้กับลูกค้ามากที่สุด สำหรับแผนโปรโมชั่นที่คิดไว้ยังมีอีกมาก"
ประธานกรรมการบริหารกล่าว
พีเพิลส์ เฮ็ลธ์ แอนด์ บิวตี้ แคร์ นับเป็นร้านขายยาในรูปแบบเชนสโตร์ที่ผสมผสานรูปแบบของเชนสโตร์ในประเทศอังกฤษและประเทศเพื่อนบ้านอย่างฮ่องกง
ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งต่างประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
เข้ามาประยุกต์ให้เข้ากับสภาพสังคมไทย ภายใต้สโลแกน "ร้านยา...ที่มีให้คุณมากกว่ายา"
กล่าวคือรูปแบบร้านจะเป็นกึ่งผสมผสานระหว่างร้านขายยากับคอนวีเนียนสโตร์ในร้านเดียวกัน
ซึ่งภายในร้านจะประกอบไปด้วยสินค้าในกลุ่มเวชภัณฑ์มีสัดส่วนประมาณ 50% ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารประเภทสแน็ก กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ
เป็นต้น
โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดบริการใน 3 ทำเลหลักคือ 1. ศูนย์การค้า 2.อาคารสำนักงาน
และ 3.ร้านในรูปแบบสแตนด์อะโลน
เยาวณีเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารยุคบุกเบิกของสยามแม็คโคร เธอเล่าถึงเบื้องหลังการเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกยาของแม็คโครว่า
เป็นผู้เสนอความคิดและได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการให้เข้ามารับผิดชอบศึกษาโครงการนี้ตั้งแต่ต้น
หลังจากได้รับไฟเขียวจากผู้ใหญ่ จึงได้เข้ามาสานต่ออย่างเต็มตัว
เธอยอมรับว่าเส้นทางเดินของร้านพีเพิลส์ เฮ็ลธ์ แอนด์ บิวตี้ แคร์ ได้นำแนวทางของเซเว่น-อีเลฟเว่นมาปรับใช้
บวกกับประสบการณ์ที่ได้เข้าไปมีส่วนผลักดันแม็คโคร ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นในฐานะผู้บริหารด้านการเงิน
ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการนำแม็คโครเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตลอดจนแม่แบบของงานบริหารด้านการตลาดในส่วนสินค้าอุปโภค-บริโภคที่เธอสะสมมาเมื่อครั้งที่เคยร่วมงานกับดีทแฮล์ม
ก่อนตัดสินใจลาออกมาร่วมงานกับแม็คโคร เข้ามาผสมผสานเพื่อผลักดันให้ร้านพีเพิลส์
เฮ็ลธ์ แอนด์ บิวตี้ แคร์ ผงาดในธุรกิจค้าปลีกยา
"ตอนนี้ถ้าเราจะบอกว่าเราประสบความสำเร็จอาจเร็วไปเพราะยังไม่ถึงปี
แต่เราก็มีความมั่นใจ เนื่องจากเราเป็นมืออาชีพที่มีข้อดีคือ เรามีความพร้อมและความสำคัญคือ
เรามีแบ็กอัพที่ดี"
แบ็กอัพที่ดีในคำกล่าวของเธอ นอกเหนือจากเงินทุนแล้ว ยังกินความรวมไปถึงการอาศัยฐานที่แข็งแกร่งของทั้งเซเว่น-อีเลฟเว่นและแม็คโครเป็นทัพหนุนด้านการส่งสินค้า
โดยเฉพาะในส่วนของยา ซึ่งแม็คโครสามารถซัปพอร์ตได้เป็นอย่างดี
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อธุรกิจค้าปลีกยา ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกระบบโควตาร้านขายยา
กระแสสุขภาพที่กำลังมาแรง การตัดสินใจของกลุ่มซีพีในการรุกคืบเข้าสู่ธุรกิจนี้
ก็คงต้องจับตากันต่อไปว่า พีเพิลส์ เฮ็ลธ์ แอนด์ บิวตี้ แคร์ จะสามารถเดินรอยตามรุ่นพี่ในเครือเดียวกัน
ในการพลิกบทจากน้องใหม่สู่การเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการค้าปลีกยาได้สำเร็จหรือไม่!