ลูกค้าคือผู้ออกแบบสินค้าในอินเตอร์เน็ต


นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2542)



กลับสู่หน้าหลัก

ผู้ผลิตสินค้าในยุคอินเตอร์เน็ตจะต้องปฏิวัติความคิดเสียใหม ่และใช้จินตนาการแบบเดียวกับโคเปอร์นิคัสผู้เชื่อว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล แต่ในวันนี้ศูนย์กลางของจักรวาลธุรกิจคือลูกค้า ซึ่งต้องการสินค้าในแบบเฉพาะของตนเอง และใช้สื่อออนไลน์ติดต่อสั่งซื้อสินค้าตามความต้องการจากผู้ผลิตโดยตรง ผู้ผลิตที่ชาญฉลาดจึงต้องเตรียมรับมือกับลูกค้าในยุคอินเตอร์เน็ตให้ดี

ขณะนี้ เดล คอมพิวเตอร์ คอร์ป (Dell Computer Corp.) และอีกหลายบริษัท ถึงกับเปิดเว็บไซต์ให้ลูกค้าที่ต้องการสั่งซื้อสินค้าได้เลือกออกแบบสินค้าด้วยตนเอง และอีกไม่นาน เจเนอรัล มอเตอร์ (General Motors) และ ฟอร์ด มอเตอร์ (Ford Motor Co.) ก็จะร่วมมือกับ โตโยต้า มอเตอร์ (Toyota Motor Corp.) เปิดทางให้ "ลูกค้าได้ออกแบบรถยนต์ของตนเองผ่านทางอินเตอร์เน็ต" และรถยนต์ดังกล่าวก็จะประกอบเสร็จสรรพพร้อมให้ขับขี่ได้ภายในไม่กี่วัน มาร์ค ที. โฮแกน (Mark T. Hogan) ผู้บริหารแผนกออนไลน์ที่เพิ่งตั้งใหม่ในชื่อ "e-GM" บอก เท่าที่ผ่านมารถยนต์ที่ประกอบตามคำสั่งของลูกค้าจะใช้เวลาในการประกอบนานหลายสัปดาห์ เนื่องจากสายการผลิตจะรองรับการผลิตรถยนต์ตามแบบของบริษัทเป็นหลัก ต่อไปจะต้องมีการปรับปรุงสายการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ต และต่อๆ ไป ผู้ผลิตสินค้าประเภทอื่นตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงอุปกรณ์ครัว ก็จะสามารถรองรับความต้องการเฉพาะของลูกค้าได้เช่นกัน

การจะทำเช่นนี้ได้ ต้องอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เพื่อจัดการกับข้อมูลที่เข้ามาอย่างมากมายจากลูกค้าที่สั่งสินค้า "เฉพาะตัว" ทางอินเตอร์เน็ต ทั้งหมดนี้ไม่มีทางเป็นไปได้หากดำเนินการด้วยระบบเอกสาร ต้องอาศัยคอมพิวเตอร์ ติดต่อกับคอมพิวเตอร์อื่นๆ

ก่อนหน้านี้ บริษัทหลายแห่งพยายามปรับปรุงให้ระบบการสั่งซื้อสินค้าเป็นไปโดยอัตโนมัติด้วยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ส่วนตัว กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ "บิ๊กทรี" แห่งดีทรอยต์ และผู้ค้าปลีกอย่างวอล-มาร์ท สโตร์ (Wal-Mart Stores) เซียส์ (Sears) และเดย์ตัน ฮัดสัน (Dayton Hudson) ได้ใช้ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์-EDI เพื่อจัดการข้อมูลจากซัปพลายเออร์ แต่ระบบอีดีไอก็เสียค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและดำเนินการสูงมาก จนเมื่อมีอินเตอร์เน็ตที่เสียค่าใช้จ่ายไม่มาก ทำให้ร้านค้าเล็กๆ ก็สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่เครือข่ายได้ "เราจะได้เห็นว่า 90% ของการผลิตสินค้าจะขยับเข้าสู่ระบบอินเตร์เน็ต" จอห์น เจ. ฟอนทาเนลลา (John J. Fontanella) ผู้อำนวยการส่วนวิจัยซัปพลาย-เชน แห่งเอเอ็มอาร์ รีเสิร์ช อิงค์ (AMR Research Inc.) ให้ความเห็น

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะอินเตอร์เน็ตจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านการผลิต ต่อไปการผลิตสินค้าตามคำสั่งลูกค้าจะถูกการผลิตสินค้าคราวละมากๆ ซึ่งเกิดขึ้นแล้วกับ ซิสโก ซิสเต็ม อิงค์ (Cisco Systems Inc.) ซิสโกเลือกสรรผู้ผลิตแบบเหมาช่วงให้รับงานด้านการผลิตซึ่งมีโรงงานทั้งหมด 37 แห่งโดยทุกแห่งเชื่อมโยงกันผ่านทาง อินเตอร์เน็ต ซัปพลายเออร์ไม่เพียงแต่ผลิตชิ้นส่วนประกอบต่างๆ และรับผิดชอบงานส่วนของสายการผลิตรองอีกราว 90% แต่ยังรับงานในส่วนสายการผลิตขั้นสุดท้ายอีก 55% ดังนั้น ซัปพลายเออร์จึงส่งมอบคอมพิวเตอร์ของซิสโกให้กับลูกค้าได ้โดยไม่ต้องผ่านมือพนักงานของซิสโกแม้แต่รายเดียว ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ราว 500-800 ล้านดอลลาร์ในปีนี้

นอกจากนั้น ราว 80% ของยอดขายของซิสโกก็มาจากเว็บไซต์ ลูกค้าสามารถเลือกโปรแกรมที่พาเข้าไปสู่วิธีการสร้างระบบที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของลูกค้า และหลังจากที่ซอฟต์ แวร์ได้ตรวจสอบคำสั่งซื้อซ้ำแล้วก็จะส่งคำสั่งไปยังผู้ผลิตของซิสโก "เราสามารถ ดำเนินการตั้งแต่การสั่งซื้อไปจนถึงการเก็บเงินโดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรบุคคลหรือแม้แต่กระดาษสักแผ่น" โดนัลด์ เจ. ลิสวิน (Donald J. Listwin) Executive Vice-President ของซิสโกกล่าว

ความเสี่ยงประการเดียวของการ จ้างผู้ผลิตภายนอกก็คือ บริษัทอาจสูญเสียโอกาสที่จะใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตซึ่งมุ่งมั่นกับงานด้านการปรับปรุงคุณภาพสินค้า ด้วยเหตุนี้ซิสโกจึงออกแบบวิธีการผลิต รวมทั้งใช้อินเตอร์เน็ตในการตรวจสอบการดำเนินการของผู้ผลิตสินค้าแบบเหมาช่วงตลอดเวลา "เราพัฒนากระบวนการทั้งหมดและเรารู้ว่าซัปพลายเออร์แต่ละรายกำลังทำอะไรในทุกขณะ" คาร์ล เรดฟิลด์ (Carl Redfield) Senior Vice-President ซึ่งรับผิดชอบงานด้านการผลิตของซิสโก กล่าว

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากอินเตอร์เน็ต ยังเห็นได้เด่นชัดถึงขนาดที่การมีโรงงานสักแห่ง จะได้รับการยอมรับว่าเป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่ง ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (Hewlett-Packard), ไอบีเอ็ม, ซิลิกอน กราฟิกส์ (Silicon Graphics) และอีกหลายบริษัทได้ขายโรงงานของตนให้กับผู้ผลิตแบบเหมาช่วง เช่น โซเลคตรอน (Solectron), เอสซีเอ ซิสเต็มส์ (SCI Systems) เฟล็กทรอนิกส์ (Flextronics) และเซเลสติกา (Celestica) แล้วว่าจ้างผู้ผลิตเหล่านี้เป็นซัปพลายเออร์ ผู้เชี่ยวชาญ บางรายคาดว่าในท้ายที่สุดแล้วบริษัทหลายแห่งจะจับมือเป็นหุ้นส่วนในแบบไตรภาคี โดยด้านหนึ่งรับผิดชอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์และงานวิศวกรรม อีกด้านหนึ่งดูแลการตลาดและด้านสุดท้ายดูแลเรื่องการผลิต

ในทางทฤษฎีแล้ว แม้แต่อุตสาหกรรมรถยนต์ก็สามารถปรับเปลี่ยนใช้ระบบที่ไม่ต้องมีสายการผลิตได้ เพียงแต่ในทางปฏิบัติยังมีอุปสรรคด้านสหภาพ แรงงานอยู่ อย่างไรก็ตาม โฮแกนซึ่งรับผิดชอบ e-GM ก็ยังมั่นใจว่า "เราจะไปให้ถึงการผลิตรถยนต์ให้เสร็จตามคำสั่งลูกค้าภายในห้าวันให้ได้โดยเร็วที่สุด"

แนวคิดเรื่องการผลิตรถยนต์ให้เสร็จได้ภายในเวลาห้าวันเป็นแนวคิดที่บุกเบิกโดยโตโยต้า และผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นหลายแห่งในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เนื่องจากมองเห็นแบบอย่างแนวทางของของซิสโก และเดล กล่าวคือ ลูกค้าสามารถเลือกชม และสั่งซื้อสินค้าจากเมนูทางหน้าจอ แล้วกดปุ่มคำสั่งซื้อตรงไปยังโรงงานทันที โตโยต้าจึงดำเนินการติดตั้งอินเตอร์เน็ตในโชว์รูมหลายแห่งในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา

ความคิดดังกล่าวทำให้มีโครงการต่างๆ ของสหรัฐฯ และยุโรปเลียนแบบบ้าง เช่น แผนกวอลโว่ของฟอร์ดในเบลเยียมที่กำลังทดสอบระบบเชื่อมต่อระหว่างโรงงาน กับการขายตรงโดยผ่านอินเตอร์เน็ต

การที่ผู้ผลิตรถยนต์มีแผนการผลิตรถยนต์ตามคำสั่งของลูกค้า ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าเท่านั้น หากยังต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายลงอย่างที่ซิสโกทำได้สำเร็จมาแล้ว เท่าที่ผ่านมา รถยนต์ที่ผลิตคราวละมากๆ มักต้องจอดรอลูกค้าอยู่ตามดีลเลอร์เป็นเวลาหลายสัปดาห์ ทำให้เสียค่าใช้จ่ายที่สูงมาก การศึกษาพบว่าหากเปลี่ยนไปใช้ระบบสั่งซื้อกับโรงงานโดยตรงจะทำให้ราคารถยนต์ถูกลงถึง 30%

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญยิ่งก็คือซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ตั้งแต่ปี 1987 เป็นต้นมา บริษัทต่างๆ เริ่มใช้ซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยเข้ามาช่วยให้การผลิตมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น enterprise resource planning (ERP) software ซึ่งได้ช่วยให้ระบบการดำเนินงานของโรงงานเชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่นๆ ของบริษัท และช่วยให้การสั่งซื้อส่วนประกอบต่างๆ ทำได้ทันกับความต้องการผลิต ต่อมามีระบบ manufacturing execution system (MES) ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการขาดความเชื่อมโยงระหว่างสายการผลิตกับระบบ ERP

การนำระบบทั้งสองมาใช้ร่วมกัน ยังให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งอีกด้วย อย่างที่บริษัท เจ. ดี. เอ็ดเวิร์ดส์ (J.D. Edwards) เคยร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญระบบ MES อย่าง Camstar Systems Inc. ช่วยให้ผู้ผลิตพรินเตอร์อย่าง Lexmark Inter-national Inc. ลดขั้นตอนการผลิตพริน เตอร์ลงจากเดิมถึง 90% ทำให้พรินเตอร์ ที่เคยใช้เวลาในการผลิตต่อเครื่องราว 4 ชั่วโมงลดเหลือเพียง 24 นาที

หากอุตสาหกรรมการผลิตสินค้า สามารถทำได้ในลักษณะดังกล่าว ลูกค้าก็จะเป็นศูนย์กลางของจักรวาลธุรกิจอย่างแท้จริงในอนาคต



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.