ล็อกซเลย์ บิสสิเนส อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี ( Loxbit) เป็นบริษัทน้องใหม่ในกลุ่มล็อกซเล่ย์
ที่ตั้งขึ้นเพื่อเจาะตลาดไฮเทค ธนาคารโดยเฉพาะ มีพัลลภ นาคพิทักษ์ อดีตผู้จัดการตลาดการเงินและธนาคารของไอบีเอ็ม
ซึ่งลาออกจากไอบีเอ็ม ในยุคสมองไหล เมื่อ ปีก่อน และมาร่วมมงานกับล็อกซเลย์
ในบริษัทฮัทชิสัน เทเลคอม มิวนิเคชั่น( ประเทศไทย) เป็นกรรมการผู้จัดการ
ล็อกซบิท เกิดจากการร่วมกันของบริษัทฮัชิสัน เทเลคอม มิวนิเคชั่นส์ เข้ากับบริษัทซิสเต็ม
ออกาไนเซชั่น มี ทุนจดทะเบียน ทั้งสิ้น 5 ล้านบาท กลุ่มล็อกซเล่ย์ ถือหุ้น
100%
การเกิดขึ้นของล็อกซบิท และบริษัทใหม่ๆ ในกลุ่มล็อกซเล่ย์ เช่นบริษัท เทเลโฟน
อีควีปเม้นทท์ แอนด์ แอคเซนส์ซอรี่ส์ หรือทีอีเอ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดโครงสร้างกลุ่มใหม่ของล็อกซเล่ย์
เพราะบริษัทๆ กำลังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างกล่มเพื่อยื่นขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โดยมี บงล. ภัทรธนกิจ เป็นที่ปรึกษาจัดโครงสร้างอยู่ในเวลานี้
ธงชัย ล่ำซำ อธิบายตรงนี้ว่า เป็นความพยายาม ที่จะรวมธุรกิจที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
และมีอนาคตในเชิงธุรกิจที่ดีเข้ามาไว้ด้วยกันเพื่อจะได้มีขอบข่ายการดำเนินงานที่ชัดเจนใน
อุตสาหกรรมนั้น ๆ
พัลลภ เปิดเผยกับ " ผู้จัดการ" ว่า" บริษัทล็อกซเล่ย์ ฮัทชิสัน
เทเลคอมมิวนิเคชั่น จะหายไป แต่งานทั้งหมด ของบริษัท นี้จะมารวมที่ล็อกซบิท
และฮัทชิสัน จะกลายเป็นแผนกหนึ่งในบริษัทใหม่แห่งนี้"
ทั้งนี้ มีผู้ให้ข้อสังเกตว่า เป็นเพราะการขยายตัวของฮัทชิสัน ในไทย และอินโดจีน
ไม่ประสบควมสำเร็จหรือไม่ อัทชิสัน จึงลดบทบาทในตลาดแถบนี้
พัลลภ กล่าวว่า"
บทบาทของฮัทชิสันในบริษัทเก่าก็จะมาเป็นแผนกโครงการพิเศษในล็อกซบิท ฮัทชิสันยังสนใจในเรื่องอินโดจีน
หากทางล็อกซเล่ย์มีโครงการอะไรที่เกี่ยวกับโทรคมนาคม ก็อาจจะชวนว่า เขาสนใจไหม
หากฮัทชิสันสนใจ ก็อาจจะมาตั้งเป็นโครงการร่วมทุนขึ้นมา"
นั่นเท่ากับฮัทชิสัน ลดขอบข่ายการทำธุรกิจลงโดยสิ้นเชิง
ล็อกซบิท ทำธุรกิจไฮเทคโนโลยี ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมธนาคารโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นงานที่พัลลภ
มีประสบการณ์อย่างช่ำชอง มาจากไอบีเอ็ม เขาอยู่ไอบีเอ็มมา 12 ปี ดูแลตลาดนี้มา
โดยตลอด เครื่อง ATM ของไอบีเอ็มนั้น เขาก็เป็นคนเอาเข้ามาเป็นคนแรกที่ธนาคารไทยพาณิชย์
พร้อมกับบรรณาวิทย์ บุญญรัตน์
การโยกย้ายมาเป็นหัวเรือ ใหญ่ของล็อกเซบิท จึงเป็นการกลับสู่ตลาดเก่าที่เจ้าตัวมีความชัดเจนเป็นแต้มต่อสำคัญ
สินค้าที่พัลลภตั้งใจจะวางขายในตลาดนี้ ได้แก่เครื่องนับแบงก์ เครื่องดูแบงก์ปลอม
ซึ่งเป็นเครื่องขนาดใหญ่ ราคาตัวละ 20-30 ล้านบาท และเครื่องมืออีกมากมาย
ที่จะใช้ในงานทั้ง Back และ Front office พัลลภ มองว่า ยังมี aplication
อีกมากมายหลายอย่างในงานธนาคาร ที่ยังไม่มีการนำมาใช้ ดยเฉพาะในส่วนงานแบ็คออฟฟิค
" ไฮ-เทคดนดลยี ที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมธนาคารในเวลานี้ มีเพียง 50%
เท่านั้น และส่วนมากจะใช้ในฟร้อนออฟฟิค เพราะการแข่งขันอยู่ที่ส่วนนี้ แต่ผมคิดว่า
ก็ยังทำกันไม่ครบวงจรจริง ๆ หากจะทำให้ครบวงจร ของธนาคารไฮ-เทค แล้ว ต้องใช้เวลา
อี ก5-10 ปี" พัลภ กล่าว
ในส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวกับระบบ DDP หรอื Distribution Data processing
นั้น จะมีการขายเครื่อง PC ด้วย ซึ่ง พัลลภ เปิดเผย ว่า " กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาว่าจะขายของใคร
แต่ส่วนที่เป็นเครื่องนับแบงก์นั้น ผมขายของบริษัท Recognition Equipment
in CorportateW
ต่อไปล็อกซเล่ย์ จะเป็นผู้ขายเครื่องพีซีรายใหญ่เพราะพัลลภ มองว่า แนวโน้มของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์
ในเวลานี้ จะมีการใช้เครื่องขนาดเล็กมากกว่าเครื่องเมนเฟรม โดยมีเหตุผลสนับสนุนหลายอย่าง
ทั้งในเรื่องของราคาความสามารถของเครื่องและแนวโน้มของธุรกิจเองที่มีการกระจายอำนาจการ
บริหารแก่สาขามากขึ้น ซึ่งเท่ากับว่าอำนาจของการบริหารข้อมูลก็ต้องถูกกระจายลงไปด้วย
นอกจากฮาร์ดแวร์ แล้ว ล็อกซบิท ยังจะขายซอฟท์แวร์ ด้วย
ซึ่งอาจจะออกมาในรูปของการพัฒนาขึ้นเอง หรือร่วมพัฒนากับบริษัทต่างชาติ
พัลลภฝันว่า จะมีสินค้าที่ลงทุนเพราะคนชื่อพัลลภ ซึ่งมีประสบการณ์ตลาดไฮ-เทคฯ
ธนาคารจากไอบีเอ็ม เป็นเครื่องหมายรับประกันความอุ่นใจ