ทำไมจะต้องมาลงที่สมหมายคนเดียว?


นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2527)



กลับสู่หน้าหลัก

“อยากจะเรียนว่ารัฐบาลยืนยันว่าเศรษฐกิจและฐานะการเงินของรัฐบาลดีขึ้น ทั้งดุลชำระเงิน ทุนสำรองและค่าเงินบาทต่างอยู่ในสภาพที่ดี เสียงเล่าลือเกี่ยวกับการลดค่าเงินบาท ยังมองไม่เห็นว่าจะต้องเป็นไปเช่นนั้น”

ไตรรงค์ สุวรรณคีรี

ทำเนียบรัฐบาล 16 สิงหาคม 2527

“การยกเลิกมาตรการสินเชื่อ 18% นั้น จะไม่มีกระทบกระเทือนค่าเงินบาท เพราะค่าเงินบาทยังดีอยู่อย่างน้อยก็ภายในปีนี้”

ไตรรงค์ สุวรรณคีรี

ทำเนียบรัฐบาล 20 สิงหาคม 2527

ปลดนุกูล ประจวบเหมาะออกจากผู้ว่าฯ ธนาคารชาติ

13 กันยายน 2527

“เสถียรภาพทางการเงินของไทยอยู่ในเกณฑ์ดีและจะรักษาระดับเช่นนี้ไปได้อีกตลอดปี 2528 โดยที่อัตราระดับเงินเฟ้อจะขยับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย...”

ศุภชัย พาณิชภักดิ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย

บรรยายกับสมาคมอุตสาหกรรมม 16 ตุลาคม 2527

“กระทรวงการคลังขอประกาศเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาท โดยลดมูลค่าเงินบาทลง 14.8% เมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์...”

วิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย 2 พฤศจิกายน 2527

เพียงหนึ่งเดือนกับอีก 21 วัน หลังจากที่สมหมาย ฮุนตระกูล ได้ทำฟ้าผ่าวงการเงินด้วยการปลดนุกูล ประจวบเหมาะออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารชาติ สมหมาย ฮุนตระกูลก็ได้สร้างปาฏิหาริย์ครั้งหนึ่งด้วยการประกาศลดค่าเงินบาท โดยใช้คำพูดที่สละสลวยว่า “เปลี่ยนแปลงค่าเงิน” ในวันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2527

ศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2527

วันนั้นเงินเดือนเพิ่งออกได้วันสองวัน

บรรยากาศมันเหมาะกับการใช้เงินใช้ทองแต่ในแวดวงการเงินทุกคนวิ่งกันให้วุ่น ธนาคารทุกแห่งกำลังสับสน

“ผมขอซื้อ cover เพิ่มหน่อยได้ไหม” ลูกค้าจรธนาคารรายหนึ่งโอดครวญกับเจ้าหน้าที่

“เราไม่มีดอลลาร์เหลือแล้ว” เจ้าหน้าที่ธนาคารตอบอย่างตัดใจ แวดวงการเงินในวันนั้นอยู่ในสภาวะที่ตึงเครียดมาก ทั้งๆ ที่ยังไม่มีข่าวอะไร ทุกคนวิ่งกันพล่านเพื่อเช็กข่าวว่าลดค่าเงินหรือเปล่า

ใครมีดอลลาร์อยู่ในมือก็เก็บเอาไว้แน่นกับอก หวงแหนมันปานลูกในไส้

พร สิทธิอำนวยซึ่งกำลังเดินทางพาสื่อมวลชนไปชมการขุดน้ำมันที่พิษณุโลก ถูกตามตัวโดยด่วน เพราะข่าวลดค่าเงินบาท แต่ก็ไม่มีใครตามตัวพรได้

โทรศัพท์แผนกต่างประเทศของธนาคารดังลั่นตลอด ขอซื้อ Forward Cover กันเสียงลั่น และเสียงผู้ขอซื้อยิ่งลั่นมากขึ้นเมื่อธนาคารทุกแห่งตอบปฏิเสธว่าไม่มีดอลลาร์เหลือ

“มันมีสัญญาณมาแล้วตั้งแต่ธนาคารชาติเริ่มยกเลิกภาษีการกู้เงินต่างประเทศ และขอตรวจสอบปริมาณดอลลาร์จากธนาคารพาณิชย์ ช่วงนี้ธนาคารชาติขอตัวเลขมา จึงทำให้เราพอจะเดาว่าอะไรมันกำลังจะเกิดขึ้น” เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างประเทศระดับสูงของธนาคารแห่งหนึ่งพูดกับ “ผู้จัดการ”

ค่ำวันนั้นท่ามกลางความคึกคักตามสถานบริการโรงแรมต่างๆ เพราะเพิ่งจะต้นเดือน

ค่าเงินบาทก็ถูกประกาศลดมูลค่าลงทางวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในเวลา 19.08 น.

“พวกผมก็ไม่รู้อะไรหรอก มารู้ก็ตอนที่มีคนเข้ามาทานข้าวตอนหลังแล้วพูดกัน ผมน่ะมันระดับลูกจ้างเขาก็เฉยๆ แต่ผมเห็นหลายโต๊ะที่ท่าทางเป็นนักธุรกิจใหญ่ กินข้าวกันไม่ลง บางคนถึงกับลุกขึ้นไปขอใช้โทรศัพท์” กัปตันห้องอาหารโรงแรมชั้นหนึ่งแถวๆ ราชดำริเล่าให้ฟัง

ประชาชาติธุรกิจพูดถึงพร สิทธิอำนวย ว่าพอมีคนเข้าไปรายงานว่าลดค่าเงินร่วม 17% พร สิทธิอำนวย หน้าซีดเผือด เข้าห้องปิดประตูไม่ยอมออกมา

เมื่อมีคนเจ็บปวดมันก็ต้องมีคนมีความสุข “ผมโชคดีเพราะพอลดค่าเงินบาท พอดีมีเทเล็กซ์สั่งของเข้ามาล็อตหนึ่งเป็นเงินยูเอส ก็โชคดีไป ผมคิดว่ามาตรการนี้สามารถทำให้ผมสู้เรื่องราคาได้ ในบางครั้งที่ผมต้องการจะสู้สมัยก่อนที่ฟิกกันไว้นั้น ผมแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย ผู้ส่งเครื่องหนังรายขนาดกลางคนหนึ่ง เอ่ยเอื้อนวาจาให้ฟัง

เสาร์อาทิตย์เป็นวันเวลาพักผ่อนของคนที่ทำงานประจำ แต่สำหรับเจ้าหน้าที่ของกิจการที่ต้องเกี่ยวพันกับการสั่งของต่างประเทศเข้ามาใช้ตลอดจนสถาบันการเงินต่างๆ พากันไม่ได้หยุดพักผ่อน

แม้แต่ลูกจ้างประจำเองก็ต้องวุ่นวายไปด้วย เช่น คัทลียา แสงศาสตรา หัวหน้าส่วนงบประมาณเครือซิเมนต์ไทย ต้องพาลูกน้องมานั่งสางงบประมาณปี 2528 ใหม่หมดเพราะผลจากการลดค่าเงินบาท “เพราะรู้ว่าวันจันทร์เจ้านายต้องเรียกตัวเลขมาดูแน่ๆ”

บรรดากิจการเอเย่นต์ต่างๆ รวมทั้งผู้ผลิตต่างพากันตั้งรับกันอย่างเต็มที่ ด้วยความวุ่นวาย

“คุณก็รู้ทุกครั้งที่มีการลดค่าเงินบาท หรือวิกฤตการณ์ทางการเงิน หรือเศรษฐกิจในระดับนั้น สิ่งแรกที่ต้องเกิดขึ้นคือการคุมราคาสินค้า และการคุมราคาสินค้าคือการต้องมีขั้นตอนที่เวียนหัว เช่น การเช็กสต็อก การแจ้งปริมาณสินค้าที่มีอยู่ในสต็อกย้อนหลัง 20 วัน วุ่นวายไปหมด และพนันได้ว่าจะต้องวุ่นวายกว่านี้อีก” ผู้ผลิตสินค้าประเภทผงซักฟอกที่มีประสบการณ์เล่าให้ “ผู้จัดการ” ฟัง

วันนั้นเป็นวันหยุด ข้ามทวีปไปอีกฝั่งหนึ่งแถวๆ ฮาวาย พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก เพิ่งได้รับสายด่วนจากลูกน้องคนสนิทว่า มีการประกาศลดค่าเงินบาท

ชายวัย 59 ที่ได้รับบุญวาสนาให้พุ่งขึ้นมาในวงการทหารจนเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ในวงการนี้กำลังหงุดหงิด และไม่สบายใจอย่างยิ่ง

ถ้าเขาเหาะกลับมาพูดคุยที่บ้านสี่เสาได้ เขาก็คงจะเหาะกลับมาอย่างแน่ๆ พลเอกอาทิตย์น้อยใจที่ก่อนหน้านี้เขาโทรศัพท์มาไต่ถามเรื่องการลดค่าเงินบาท แล้วได้รับคำตอบยืนยันว่าไม่มีการลดแน่แต่เพียงไม่กี่สิบชั่วโมงย้อนหลัง พลเอกอาทิตย์รู้สึกเหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรงหนึ่งที

คงไม่มีใครรู้ว่าเมฆหมอกแห่งความยุ่งยากได้เริ่มขึ้นมาแล้ว

จันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2527

เช้าวันนั้น ไม่มีหนังสือพิมพ์ฉบับไหนไม่พาดหัวข่าวเรื่องลดค่าเงินบาทและไม่มีคอลัมนิสต์คนไหน ยกเว้นของมติชนที่ไม่ได้อัดสมหมาย ฮุนตระกูล อย่างเสียผู้เสียคน จนแม้กระทั่งตั๋งโต๊ะในสามก๊กฉบับวนิพกของยาขอบ ที่ถูกสาปแช่งทั้งสิบทิศ ก็ยังไม่สามารถเทียบเท่าได้

พรรคชาติไทยซึ่งรอคอยโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงจากปลาไหลมาเป็นมังกรก็ไม่รอช้าที่จะเริ่มแปลงร่างเตรียมฟาดหัวฟาดหางกันอย่างเต็ม หลังจากที่ถูกสยบไม่สามารถเคลื่อนไหวมานาน

วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานหลังจากหยุดไปได้สองวัน

ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ทุกคน held back นั่งนิ่งป้องกันตัวเองหมดอยู่เฉยๆ ไว้ก่อนดีที่สุด

แต่คนที่อยู่เฉยไม่ได้เด็ดขาดคือพ่อค้าที่สั่งสินค้าเข้ามา ถึงแม้สมหมาย ฮุนตระกูลจะพยายามพูดว่าประเทศชาติโดยส่วนรวมมีทางได้มากกว่าเสียจากการลดค่าเงินบาท

แต่สำหรับพ่อค้าที่จู่ๆ พอตื่นขึ้นมาวันหนึ่งปรากฏว่าต้องจ่ายเงินบาทเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกสิบกว่าเปอร์เซ็นต์นั้นดูจะไม่ฟังเสียงสมหมายอีกต่อไปแล้ว ส่วนผู้ใช้แรงงานทั่วไปในวันนั้นก็ได้ภาพและความเชื่อมั่นใหม่ว่าถ้าเงินบาทลดแล้วของต้องแพงขึ้น ค่าแรงก็ควรจะต้องขึ้นด้วยไม่เช่นนั้นจะทนค่าครองชีพไม่ได้

วันนั้นทั้งวัน ทั้งโทรศัพท์ทางไกลและเทเล็กซ์วิ่งกันวุ่น

“ทุกบริษัทที่ค้าขายกับต่างประเทศได้รับเทเล็กซ์เข้ามาวันจันทร์ขอลดราคา 17% ให้ตามค่าเงินบาทเท่าเดิม ซึ่งคราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับ Bargaining Position ของแต่ละคนแล้วว่าสินค้าใครเป็น Buyers Market หรือ seller Market” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารแห่งหนึ่งพูดให้ฟัง

การลดค่าเงินบาทก็เลยกลายเป็นของที่ไม่ตายว่าสินค้าส่งออกจะต้องได้ราคาขึ้นโดยอัตโนมัติหรือไม่

“ราคาไม่ใช่องค์ประกอบเดียวในการที่จะขายของได้ไม่ได้มันมีอย่างอื่นอีกมาก ฉะนั้นจะพูดว่าลดค่าเงินบาทแล้วจะเป็นสาเหตุให้ของขายได้มากขึ้นนั้นก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นไปทั้งหมด” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารคนเก่าพูดต่อ

วันนั้นเป็นวันของการโต้เถียงและโต้แย้งกันไม่มีที่สิ้นสุด

ทางฝ่ายธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง ก็คิดว่าการลดค่าเงินเป็นสิ่งที่ต้องทำและต้องลดเวลานี้ เพราะเป็นเวลาที่ผลผลิตการเกษตรกำลังจะออกจากมือชาวไร่ชาวนา

ทางฝ่ายผู้คัดค้านก็ไม่คิดว่าข้ออ้างจะทำให้ราคาพืชผลดีขึ้นนั้นจะดีจริงเพราะลดค่าเงินบาทมาแล้ว 2 ครั้ง ชาวไร่ชาวนาก็ไม่ได้ดีขึ้นไปกว่าเดิมมิหนำซ้ำยังเลวลงกว่าเดิม

อังคารที่ 6 พฤศจิกายน 2527

วันนี้เป็นวันประชุมคณะรัฐมนตรีที่สมหมาย ฮุนตระกูลจะต้องเล่นบทสรพงศ์ ชาตรีอีกครั้ง เพียงแต่ในสายตาของคณะรัฐมนตรีแล้ว สมหมายน่าจะเป็นรณ ฤทธิชัย หรือ Jack Palence มากกว่าจะเป็นพระเอก

สองชั่วโมงกว่าที่สมหมายถูกอัดโต้กลับถูกอัดอีกจนในที่สุดสัจธรรมก็ยืนอยู่จุดที่ถูกต้องของมัน!

นั่นคือทุกคนยังคงต้องการเป็นรัฐมนตรีอยู่ต่อไป เพราะเป็นมาแล้วหลายปีมันเย้ายวนใจและน่าดึงดูดใจที่จะเป็นต่อ!!

ทุกคนก็เลยเห็นพ้องต้องกันว่า เพื่อความสามัคคีต้องกัดฟันร่วมมือหนุนหลังสมหมาย!!!

และคนที่อัดสมหมายมากที่สุดในที่ประชุมก็ต้องมานั่งเรียงหันหน้าสลอนและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าเห็นด้วยกับสมหมาย!!!!

ตกเย็นก็มีละครชุดเก่าออกทางโทรทัศน์ที่พยายามหว่านล้อมชักแม่น้ำทั้งห้า ให้ผู้ชมเห็นได้ว่าการลดค่าเงินบาทนั้นเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ประเทศไทยพ้นจากภัยเศรษฐกิจได้

“ผมฟัง ดูพวกนั้นออกทีวีแล้วมีความรู้สึกว่าพวกเขากำลังบอกผมว่า พวกเขาเก่งมากที่สามารถพาชาติพ้นภัยได้ พอพวกเขาลดค่าเงินบาท ผมก็เลยนึกดูว่าถ้าการลดค่าเงินบาทเป็นการแสดงความเก่งออกมา บ้านเราเมืองเราก็คงจะหาคนเก่งแบบนี้ได้ไม่ยากนัก นับว่าเป็นบุญบารมีและเป็นบุญเป็นคุณกับประชาชนจนผมน้ำหูน้ำตาแทบจะเล็ดออกมา” นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามแดกดันให้ “ผู้จัดการ” ฟัง

จะอย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าสมหมายมีความกล้าหาญอย่างมากๆ เพราะการลดค่าเงินบาทคือการตัดสินใจที่ต้องโดนด่าอย่างแน่นอนและคนที่เคยลดค่าเงินบาทมาแล้วอย่าง ดร.ไพจิตร เอื้อทวีกุล ต้องโดนแรงกดดันทางการเมืองจนกระทั่งกระเด็นออกจากคณะรัฐมนตรีไปได้ตำแหน่งในธนาคารโลกเป็นของขวัญปลอบใจ

วันนั้นทันทีที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีกันตอนเช้าตามบริษัทห้างร้านต่างๆ ก็พากันเซ็งแซ่ออกมาไม่หยุดถึงสินค้าที่ตัวเองจะต้องปรับราคา สภาองค์การลูกจ้างและสภาแรงงานขอค่าจ้างเพิ่มอีก 17.8% ร้านขายยาขอขึ้นอีก 15% ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปล่อยข่าวทันทีว่าราคารถใหม่คงต้องขึ้นอีกร่วมสองหมื่นกว่าบาท การบินไทยเรียกประชุมกรรมการตัวแทนสายการบินและแพลมออกมาว่าค่าตั๋วเครื่องบินคงต้องขึ้นอีก 10% วงการแลกเปลี่ยนเงินตราในตลาดมืดทางภาคใต้ย่านปาดังเบซาร์หยุดสนิท ทุกคนเริ่มโวยออกมาถึงเรื่องทดแทน การท่าอากาศยานไม่รีรอที่จะบอกว่าหนี้เพิ่มอีก 350 ล้านบาท ตามด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่มีหนี้เพิ่มอีก 8,000 ล้านบาท และอีกมาก รวมเป็นหนี้ทั้งภาครัฐบาลและเอกชนที่เพิ่มขึ้นอีกร่วมแสนล้านบาท

แต่ในวันนั้นราคาพืชผลก็ขึ้นมาทันทีเหมือนกัน ข้าวขึ้นมาอีก 20 บาทต่อ 60 กิโลกรัม ข้าวโพดขึ้นจาก 2.55 บาทต่อกิโล เป็น 2.75 บาท ดีบุกขึ้นเนื้อ 72% เป็น 13,150 บาทจาก 11,135 บาท และดีบุกแท่งขึ้นจาก 281 บาทต่อกิโลกรัมเป็น 330 บาท ยางพาราขึ้นจาก 14.80 บาท เป็น 15.60 บาทต่อกิโล

ด้วยความเมาหมัด กระทรวงพาณิชย์ก็แสดงฝีไม้ลายมือในการประกาศคุมราคาสินค้าเพิ่มอีก 26 รายการ เป็นรวมทั้งสิ้น 83 รายการ “นี่ถ้าพวกกระทรวงพาณิชย์สามารถขายของออกให้ต่างประทศเก่งเหมือนการคุมราคาสินค้าละก้อ ป่านนี้เราคงไม่ต้องมีการลดค่าเงินบาทแบบนี้หรอก” คนที่อยู่ในวงการค้าที่ถูกคุมราคาพูดขึ้นมา

สามทุ่มครึ่งคืนนั้น อดีตวีรบุรุษสะพานมัฆวาน พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ก็กลับมาสู่ประเทศไทยด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวสุดขีด

พุธที่ 7 พฤศจิกายน 2527

เหตุการณ์ยังคงสับสนวุ่นวายอยู่ กระทรวงการคลังกับธนาคารชาติก็มัวแต่หามาตรการต่างๆ นานาที่เพิ่งจะมาคิดกัน ส่วนพ่อค้าที่สูญเสียก็นั่งตีอกชกหัวด่าโคตรเหง้าของผู้บริหารประเทศ กรมการค้าภายในก็ออกล่าบรรดาร้านค้ากระจิบกระจอกจับอาแปะอาซิ่มที่ขายหลอดไฟแพงขึ้นกว่าเดิม

ในวันนั้น อีกด้านหนึ่งที่เป็นส่วนของสีเขียว คนห้าคนที่ชื่อพลเอกปฐม เสริมสิน พลเอกเทียนชัย ศิริสัมพันธ์ พลเอกบรรจบ บุนนาค พลเรือเอกนิพนธ์ ศิริธร พลอากาศเอกประพันธ์ ธูปะเตมีย์ พากันลงชื่อบนจดหมายฉบับหนึ่งที่จะส่งให้กับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์

เนื้อความในจดหมายแปลไทยเป็นไทยได้ว่า ในเมื่อพลเอกเปรมบริหารบ้านเมืองจนเกิดวิกฤตการณ์แบบนี้แล้วก็ควรจะยกทีมออกเสีย!

ในวันนั้นเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็พาเอาตามใจ ขำภโต บินจากกรุงเทพฯ มุ่งไปสู่โคราชโดยด่วนเพื่อโค้ชพลเอกอาทิตย์ในการออกทีวีโดยมีทีมงานอัดเทปโทรทัศน์ของทีวีสีช่อง 5 ขึ้นไปเตรียมการตั้งแต่เช้าแล้ว

วันนั้นไม่มีใครในรั้วสีเขียวได้ออกไปไหนเพราะทุกคนถูกสั่งให้เตรียมพร้อม กระสอบทรายรั้วลวดหนามที่ถูกเอามาใช้ครั้งแล้วครั้งเล่าในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยก็ถูกขนออกมากันเป็นระยะๆ

วันนั้นโทรศัพท์เช็กข่าวลือกันทั่วเมืองว่าพลเอกเปรมลาออกแล้วกันให้วุ่นไปหมด

ในวันเดียวกันตอนเช้าบนเที่ยวบินที่สองจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ชายวัยกลางคนที่ทุกคนเคยรู้จักในนามอาคม มกรานนท์ ก็ขึ้นไปเชียงใหม่พร้อมช่างเทคนิคของโทรทัศน์ช่อง 9

จุดหมายคือบ้านริมปิงที่ชายผมขาวชื่อ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช อยู่

วันนั้นเป็นวันเพ็ญเดือน 12

เสียงเพลงลอยกระทงกระหึ่มไปทั่วบ้านทั่วเมือง

สีสันของกระทงซึ่งวางขายตามที่ต่างๆ เริ่มออกมาให้เห็นกันทั่วกรุง

เสียงประทัดดังกันเป็นระยะๆ ให้รู้ว่าคืนนี้เป็นคืนลอยกระทง

จดหมายที่นายพล 5 คนลงชื่อที่จะต้องถึงมือพลเอกเปรมก็ถูกถ่ายเอกสารแอบแจกให้กับบรรดาสื่อมวลชนล่วงหน้า

เท่านั้นเองแหละ กระแสปฏิวัติก็กระหึ่มส่งกลิ่นขึ้นมาแข่งกับกลิ่นธูปเทียนที่ผู้คนจุดอธิษฐานในคืนวันลอยกระทง

พลโทชวลิต ยงใจยุทธ ก็ต้องทำหน้าที่เป็นม้าด่วนนำความคิดเห็นขึ้นมาเล่าให้ พลเอกเปรมฟังที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ว่าคืนวันเพ็ญนี้ใครคิดอะไรกันอยู่

แล้วคืนวันเพ็ญที่จันทร์ส่องแสงเต็มดวง สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และช่อง 7 ก็ฉายสัญญาณออกทั่วประเทศกับคำแถลงของพลเอกอาทิตย์ ที่ทำให้สถานการณ์ดูสับสนมากขึ้น

เพื่อให้สถานการณ์ดูสับสนเพิ่มเติมสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 และช่อง 3 ก็ออกข่าวสัมภาษณ์ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช อีกช่องหนึ่งเช่นกัน!

เหมือนกับว่าซาดิสต์จะครองไทยในขณะนั้นที่สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ช่องหนึ่งกำลังประณามว่า การลดค่าเงินบาทคือเวรคือกรรมที่ต้องทำให้ชาติพังทลาย!

แต่สัญญาณอีกช่องก็บอกว่าการลดค่าเงินบาท จะทำให้ชาติดีขึ้น!

ในขณะที่พลเอกอาทิตย์บอกว่า ลดค่าเงินบาททำให้กองทัพขาดเงินจะไม่มียุทโธปกรณ์ไว้ใช้ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ก็บอกให้ชาวบ้านเลิกกินปลาแซลมอนหันมากินปลาร้าปลาแดกแทน ทั้งๆ ที่ประชาชนคนไทยจะลดหรือไม่ลดค่าเงินบาทมันก็ไม่เคยดีขึ้นกว่าเดิมเลย

และแล้วพลเอกอาทิตย์ก็จบลงด้วยการขอให้ปรับปรุงรัฐบาลใหม่ พร้อมทั้งให้ปรับอัตราค่าเงินบาทกลับไปเหมือนเดิม และ “ถ้าหากประชาชนเห็นว่ารัฐบาลไม่แก้ไขเกิดความเดือดร้อนและเกิดความลำบากลำบนขึ้นก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องพิจารณาหาหนทางที่ดีที่สุด ที่จะแก้ปัญหาของประเทศชาติต่อไป”

คืนวันนั้นใครจะไปลอยกระทงที่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าแสงจันทร์ที่นวลผ่องอยู่บนฟากฟ้านั้นมันซ่อนเร้นด้วยความตึงเครียดที่พร้อมแตกหักออกไปได้ทุกเมื่อ

สำหรับคนที่อยู่ในวงการธุรกิจการเงินการทอง สัจวาจาของพลเอกอทิตย์ในคืนนั้นทำให้ไม่มีใครนอนหลับได้ และต้องนั่งวางยุทธวิธีการเงินกันใหม่เพียงเพราะผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นคนพูดออกมา

พฤหัสที่ 8 พฤศจิกายน 2527

วันนั้นสมหมาย ฮุนตระกูล ธนาคารชาติ วีรพงษ์ รามางกูร แทบจะไม่ต้องทำอะไรนอกจากหาทางทำให้พลเอกเปรมเชื่อว่าการปรับค่าเงินบาทให้กลับไปราคาเก่านั้นมีสิทธิ์ทำให้ประเทศชาติถึงกับพินาศวิสันตะโรได้

พรรคประชาธิปัตย์ก็เริ่มเดินหมากทันทีด้วยความจำเป็น

เพราะป๋าอยู่ เราอยู่ ป๋าไป เราก็ไปด้วย

เป็นที่รู้กันว่าพรรคประชาธิปัตย์ต่อต้านพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก มานานแล้ว เพราะประชาธิปัตย์คิดว่าแนวความคิดของพลเอกอาทิตย์เป็นแนวความคิดที่ไปด้วยกันไม่ได้

เรียกได้ว่า ไม่มีวันเผาผีกัน!

ถ้าพลเอกอาทิตย์ขึ้นมามีอำนาจ ปักษ์ใต้บ้านเราก็คงกลับไปอยู่ปักษ์ใต้อีกนานแสนนานแน่ๆ!

การหยุดความก้าวหน้าทางการเมืองของพลเอกอาทิตย์ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะต้องทำทุกวิถีทางตั้งแต่การดึงเอาพลเอกหาญ ลีนานนท์ มาเป็นแนวร่วม จนถึงการใช้มาตรการทางสภาเข้าขัดขวาง ตลอดจนการให้สัมภาษณ์แบบขวางลำของไตรรงค์ สุวรรณคีรี วีระ มุสิกพงศ์ หรือแม้กระทั่งการเสนอญัตติห้ามต่ออายุราชการเข้าสภาของสุทัศน์ เงินหมื่น รวมไปถึงข่าวลือต่างๆ นานา ที่ไม่ดีเกี่ยวกับพลเอกอาทิตย์

วันนั้นทั้งวันเป็นสงครามทางอากาศแท้ๆ

ในขณะที่สถานีวิทยุทั้งหมดออกคำแถลงของพลเอกอาทิตย์ที่ออกทีวีเมื่อคืนวันพฤหัส สถานีวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ก็ออกคำสัมภาษณ์ของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช

รายการกองทัพบกพบประชาชนก็มีบทความสลับเพลงสุนทราภรณ์ที่ให้ความหมายคล้องกับบางตอนของบทความในสำนวนและทำนองทั้งอ้อยอิ่ง เร้าใจ เศร้าโศก อาดูร และเคียดแค้น

วันนี้สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มเปลี่ยนดุล หลายฝ่ายที่ลังเลใจเริ่มกระโดดเข้าหาไออุ่นจากแสงอาทิตย์ เพราะประวัติศาสตร์สอนอยู่เสมอว่า เมื่อผู้บัญชาการทหารบกพูดก็ต้องฟัง

แม้แต่ อบ วสุรัตน์ หลังจากกินข้าวเที่ยงกับพลเอกมานะ รัตนโกเศศ ทหารคู่ใจของพลเอกอาทิตย์ที่เข้ามาเยี่ยมอบ วสุรัตน์อย่างกะทันหัน ก็ให้สัมภาษณ์โจมตีการลดค่าเงินบาทอย่างชนิดที่ตัดบัวไม่เหลือเยื่อใยกับรัฐบาลเปรม โดยแสดงความชื่นชมพลเอกอาทิตย์ว่า “ผมดูทีวีแล้วเห็นว่าท่านพูดจากใจจริง และเผอิญที่ท่านพูดก็ตรงกับความรู้สึก ผมก็เลยสนับสนุนความคิดนี้”

พอจะพูดได้ว่าอบ วสุรัตน์กำลังจะแทงม้าตัวใหม่ที่ชื่ออาทิตย์ กำลังเอก และแทงแบบวินอย่างเดียว ไม่เผื่อเพลสหรือโชว์เลย

บรรยากาศวันนั้นมันก็น่าจะแทงอาทิตย์แบบเข้าวิน เพราะทุกอย่างดูเหมือนจะลงล็อกหมด แม้กระทั่งการสไตรค์ของการรถไฟที่คุกรุ่นมานาน และตั้งเป้าว่าจะสไตรค์กันภายในวันที่ 12 ถูกเลื่อนให้มาสไตรค์กันภายในวันพรุ่งนี้ทันที

พลเอกเปรมก็ไม่ได้ทำให้เหตุการณ์ดีขึ้นเพราะไม่ยอมให้คำตอบใดๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับเรื่องการปรับ ครม. วงการเงินการทองก็ยิ่งปั่นป่วนกว่าเก่า ความเคลื่อนไหวด้านเงินตราต่างประเทศ แทบจะหยุดนิ่งสนิทเลย

ศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2527

วันนี้เป็นวันที่แปดนับจากประกาศลดค่าเงินบาท เป็นวันที่ 3 นับจากพลเอกอาทิตย์ออกโทรทัศน์ และเป็นวันแรกของการสไตรค์ของรถไฟที่เริ่มจะมีแนวโน้มว่าอาจจะลุกลามไปตามบทเพลงที่ถูกกำกับเอาไว้ให้เล่นตามทำนอง

ในที่สุดบทเพลงของรถไฟก็ถูกกำกับจากการเรียกร้อง เพียงขอให้รัฐบาลทำตามคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการแรงงาน กลับกลายเป็นการเรียกร้องให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีและแก้ไขรัฐธรรมนูญ

เหมือนกับความวุ่นวายทั้งหลายที่ต้องเริ่มจากกรรมกรแล้วจะต้องลุกลามและจบลงด้วยการเข้ายึดอำนาจ

หมากตานี้วางไว้นานแล้ว ว่ากันว่าวางเอาไว้ถึง 3 หมากด้วยกันแต่เผอิญผู้นำสหภาพแรงงานคนอื่นๆ ของการรถไฟไม่เห็นด้วยว่าการปรับคณะรัฐมนตรีและแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำให้พวกเขาได้รับค่าแรงที่เขาต้องการอย่างไร?

บทบาทของอาหมัด ขามเทศทอง ประธานกลุ่มสหภาพแรงงานในการรถไฟจึงถูกลดจากผู้นำกลุ่มทันทีให้เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ ผู้นำ

เสาร์/อาทิตย์ 10-11พฤศจิกายน 2527

วันหยุดสุดสัปดาห์สำหรับคนบางคน สัปดาห์นี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แสนจะทรมาน

เหมือนคนที่ท้องอืด!

พลเอกเปรมจะเอาอย่างไรไม่มีใครรู้?

พลเอกอาทิตย์เก็บตัวเงียบ หาตัวไม่เจอ?

รถไฟสไตรค์อยู่จะลุกลามแค่ไหน?

เงินบาทจะกลับสู่ที่เดิมหรือเปล่า?

กรุงเทพฯ เหมือนคนที่รอคอยคำตอบด้วยความหงุดหงิดใจ

แล้วคืนวันอาทิตย์ก็มีโทรศัพท์จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือมายังบุคคลสองคนต่างสถานที่!

จันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน

ในที่สุดพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ บนความเชื่อมั่นที่เต็มเปี่ยมก็บอกให้ทุกคนโล่งใจว่าจะไม่ปรับคณะรัฐมนตรี พร้อมกันนั้นก็ส่งสัญญาณให้การรถไฟกับสหภาพฯ ให้สลายตัวเสีย

อังคารที่ 13 พฤศจิกายน

เหตุการณ์เข้าสู่ปกติ รายการกองทัพบกพบประชาชนเลิกพูดเรื่องค่าเงินบาท

พลเอกอาทิตย์ออกมาพูดว่าเข้าใจเหตุการณ์ดีทุกอย่างแล้ว และพร้อมจะทำงานเพื่อประเทศชาติต่อไป

สมหมาย ฮุนตระกูลไปญี่ปุ่นกะทันหันเพื่อรักษาตัวกับโรคที่ไม่ได้เป็น ธนาคารทั้งหลายดำเนินงานไปตามปกติ อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นลงไปตามกฎเกณฑ์ของตลาด ม้าตัวที่อบ วสุรัตน์แทงไม่ได้เข้าวิน หรือเพลส หรือแม้แต่โชว์!

และถ้าจะมีการปรับ ครม. หลัง 5 ธันวาคม ละก้อ

คงจะไม่มีอบ วสุรัตน์ อยู่ใน ครม. แน่ เหมือนกับสว่าง เลาหทัย เถลิง เหล่าจินดา และหลายๆ พ่อค้านักการเมือง เช่นกัน

จันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2527

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงขับรถพระที่นั่งมาส่งพลเอกเปรมที่บ้านสี่เสา หลังจากที่พลเอกเปรมไปเข้าเฝ้าเกือบ 10 วัน

ลดค่าเงินบาทเริ่มด้วยการแช่งชักหักกระดูกสมหมาย ฮุนตระกูล แต่ก็จบด้วยคำพูดจากฟ้าที่ว่า “เป็นทหารใหญ่ต้องพูดจาไม่กระโชกกระชาก”

ในที่สุดความสงบก็กลับเข้ามาอีก

แต่เบื้องหลังความสงบนี้ทุกคนก็รู้ว่ามันมีปัญหาที่รออยู่

ในปี 2528 ทั้งปี ถ้าการลดค่าเงินบาทครั้งนี้ไม่ได้แก้ปัญหาที่รัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามที่สมหมาย ฮุนตระกูล วีรพงษ์ รามางกูร ไตรรงค์ สุวรรณคีรี และบรรดานักวิชาการธนาคารชาติต่างพากันยืนยันไว้

เมื่อถึงวันนั้นแล้ว เราเพียงแต่หวังว่าบรรดาคนที่เราเอ่ยชื่อมานั้น คงจะกล้าพอที่จะยืดอกออกมารับผิดชอบกับประเทศชาติได้!



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.