สัมพันธ์บนพื้นฐาน “เห็นอกเห็นใจกัน”

โดย เจษฎี ศิริพิพัฒน์
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( เมษายน 2555)



กลับสู่หน้าหลัก

เว็บไซต์ BBC ภาษาเวียดนาม เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2555 มีรายงานบทสัมภาษณ์ เล กง ฝู่ง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ที่ระบุว่าเวียดนาม และพม่า มีความสัมพันธ์ในลักษณะ “มิตรภาพเก่าแก่” และรู้สึกเห็นอกเห็นใจกันในหลายปัญหา

ในการตอบคำสัมภาษณ์ร่วมกันของแผนกภาษาเวียดนามและแผนกภาษาพม่าของ BBC เมื่อ 21 มีนาคม ในโอกาสการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีเต็งเส่งของพม่า เล กง ฝู่ง ก็พูดถึงหัวข้อทะเลตะวันออกในความสัมพันธ์นี้ด้วย

สองด้านของการพัฒนา
“เวียดนามจะไม่ขอให้พม่ายืนอยู่ทางฝ่ายเวียดนาม ในการพิพาทอธิปไตยที่ทะเลตะวันออก เพราะปัญหานี้ขึ้นอยู่กับการจัดการของฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง” ฝู่งกล่าว

อย่างไรก็ดี ฝู่งก็บอกว่า พม่าอาจจะเข้าร่วมจัดการในปัญหาที่เกี่ยวข้องกับหลายประเทศ เช่น ปัญหาความมั่นคงและการเดินเรือเสรี

ปัจจุบัน ฝู่งกำลังเป็นประธานสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-ASEAN สังกัดสหพันธ์องค์กรมิตรภาพของเวียดนาม

ต่อคำถามที่ว่าเวียดนามสามารถเรียนรู้อะไรจากการปฏิรูปของพม่า ฝู่งกล่าวว่า ฮานอย “พร้อมจะเรียนรู้ ถ้ามีสิ่งต่างๆ ที่พม่าทำได้ดีและมีประสิทธิภาพในการสร้างและพัฒนาประเทศ”

เขาได้กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงเมื่อเร็วๆ นี้ในพม่าจะมีผลทางบวกในความสัมพันธ์กับเวียดนาม รวมทั้งในกลุ่ม ASEAN

“การปฏิรูปต่างๆ ทำให้พม่าแข็งแรงขึ้น และเป็นสมาชิก ASEAN ที่แข็งแรงประเทศหนึ่ง” เขาอธิบาย “ถ้าเศรษฐกิจพม่าพัฒนาแข็งแรงขึ้น ความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้ากับเวียดนามก็มีประโยชน์ขึ้น” เขากล่าว

อย่างไรก็ดี เขาก็ยอมรับว่าถ้าพม่า “เปิดประตูพัฒนาแข็งแรง” เวียดนามก็ “อาจจะประสบความลำบากนิดหน่อย เพื่อดึงดูดการลงทุน การค้าจากประเทศต่างๆ”

“กล่าวคือ (พม่า) เป็นคู่แข่ง (ของเวียดนาม) ก็ได้ เพราะพม่าเป็นประเทศเดียวที่เพิ่งเปิดประตู ดังนั้นบรรดานักลงทุนก็จะพากันเข้าไป” เขากล่าว

“พวกผมต้องพยายามมากขึ้นเพื่อทำอย่างไร ถึงแม้พม่ามีนักลงทุนต่างๆ แต่ก็ไม่กระทบอะไรมากต่อเวียดนาม” ฝู่งกล่าว

เขาเชื่อว่าพม่า “มีเงื่อนไขมากมายเพื่อจะพัฒนาประเทศ”

รู้สึกเห็นอกเห็นใจกัน
ต่อคำถามที่ว่าสองประเทศหวังอะไรในกันและกันในความสัมพันธ์ทวิภาคี เขากล่าวว่าฝ่ายเวียดนาม “ก็หวังมาก”

“ก่อนอื่น พวกผมต้องการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามและอำนาจรัฐใหม่ในพม่า และส่งเสริมความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และด้านต่างๆ” เขากล่าว

“พวกผมก็เหมือนหลายประเทศในภูมิภาคที่คอยให้พม่าเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนใหม่ ตามกระบวนการที่ตั้งขึ้น เดินหน้ากระบวนการทำให้เป็นประชาธิปไตยและประเทศมีเสถียรภาพโดยเร็วเพื่อการพัฒนาเขา” กล่าวเพิ่มเติม

ทางฝ่ายพม่า เขากล่าวว่าประเทศนี้ต้องการให้ประเทศของเขาช่วยเหลือในกระบวนการพัฒนาประเทศ รวมทั้งกระบวนการเปลี่ยนใหม่ทางการเมืองของพวกเขา

“พวกเขาก็ต้องการหาความเข้าใจขอคำปรึกษาบทเรียนต่างๆ ที่เวียดนามได้ผ่านพ้นมา” เขากล่าว

ด้านพื้นฐานความสัมพันธ์สองประเทศ ฝู่งอธิบายว่า เป็น “ความสัมพันธ์มิตรภาพเก่าแก่” และความเห็นอกเห็นใจกันในหลายปัญหา

“เวียดนามและพม่ามีชะตากรรมถูกเหยียบย่ำเหมือนกัน ถ้าลุกขึ้นปลดปล่อยประเทศ ก็ควรแบ่งปันกันหลายเรื่องและรู้สึกเห็นอกเห็นใจกัน” เขากล่าว

ฝู่งยังกล่าวว่า เนื่องจากเวียดนามก็เคยถูกปิดล้อมคว่ำบาตร จึงรู้สึกเห็นใจกับสภาพการณ์ของพม่า

“ความสัมพันธ์สองประเทศเพียงอาจจะดีขึ้นเท่านั้น” เขากล่าว “เมื่อก่อนนี้และปัจจุบัน สองฝ่ายได้ให้คำมั่นว่าจะช่วยกันสุดกำลังของตนเพื่อการพัฒนา”

“ถึงแม้ระบอบการเมืองต่างกัน แต่สองฝ่ายเข้าใจกันและสามารถช่วยเหลือกันอย่างไม่มีอคติ” เขากล่าวเพิ่มเติม

เขาบอกว่า ในการพบปะเมื่อเร็วๆ นี้กับเจ้าหน้าที่บางคนของพม่า เขาได้ยินการยืนยันว่า “พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงและไม่กลับคืนหนทางเก่า”

“ภายหลังยากลำบากเป็นเวลานาน พวกเขา (เจ้าหน้าที่พม่า) บอกว่ากระบวนการพัฒนา นำประเทศของพวกเขาเดินหน้า แต่ละก้าวไม่อาจเร็วมากนัก” เขาย้ำ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.