สะพานใหม่ดอนเมืองเป็นแหล่งชุมชนชานเมืองที่คึกคักพอๆ กับย่านสะพานควายหรือบางแค
เพราะอย่างที่รู้ๆ ว่าอยู่ติดกับอาณาเขตของทหารอากาศที่เป็นลูกแชร์รายใหญ่ของชม้อย
ย่านนี้จึงมีทหารอากาศเดินกันขวักไขว่ไปหมด
ว่ากันว่าแต่เดิมนั้น จากย่านสะพานใหม่เลยไปถึงหลักกิโลเมตรที่ 25 การเงินเดินสะพัดมาก
ที่นี่มีทุกอย่างสำหรับคนที่อยากใช้เงิน ตั้งแต่ร้านทอง 6-7 ร้าน ร้านเครื่องไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า
5 แห่ง ธนาคาร 3 แห่ง โรงภาพยนตร์ 3 โรง ร้านอาหารนับไม่ถ้วน ร้านเสื้อผ้า
รองเท้า ตลอดจนแผงลอยแน่นไปหมด
"เมื่อก่อนที่นี่เงินสะพัดมากแบงก์ร้อยแทบจะไม่เคยเห็นใช้กันเลย มีแต่ควักแบงก์ห้าร้อยซื้อขายกัน
พวกทหารอากาศยศน้อยๆ เวลาซื้อของทีก็ยังควักเงินออกมาปึกใหญ่เลย ริมถนนมีแต่รถเก๋งป้ายแดงจอดกันแน่นไปหมด"
แม่ค้าแผงลอยแถวนั้นเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟัง
แต่…..สะพานใหม่วันนี้หลังจากไม่มีแม่ชม้อยแล้วก็เงียบเหงาซบเซาลงไปมาก
เหมือนคนเป็นโรคเอดส์ที่รอวันหมดลม
แต่ที่ยังไม่หมดลมไปเลยทีเดียว เพราะแชร์ชม้อยเพิ่งจะล้มมาได้ไม่กี่เดือน
เงินเก่ายังพอมีหมุนเวียนกันอยู่บ้าง ถ้ายิ่งนานไปกว่านี้พิษแชร์จะยิ่งสำแดงฤทธิ์เดชมากขึ้น
ซึ่งชาวสะพานใหม่ทั้งหลายปลงสังขารเอาไว้แล้วว่าถ้าปลายปี 28 นี้ เศรษฐกิจโดยทั่วไปไม่ดีขึ้น
สะพานใหม่อาจจะตายสนิทก็ได้ เพราะแต่ละร้านหลวมตัวไปลงแชร์ไว้ไม่ต่ำกว่า
10 คันรถ
"ที่เห็นๆ หลังจากแชร์พี่ชม้อยล้มแล้วก็ยังไม่มีร้านไหนในย่านสะพานใหม่กล้าปิดกิจการเลย
ไม่ใช่อะไรหรอกเจ๊งน่ะเจ๊งแน่ แต่เพราะอายกันเองเลยยอมทนขายกันไป" ชาวสะพานใหม่คนหนึ่งแฉให้
"ผู้จัดการ" ทราบ
แต่ก่อนนั้น ร้านขายของแต่ละร้านมีคนเดินเข้าออกตลอดเวลา เพราะคนที่สะพานใหม่ไม่รู้จักคำว่าต้นเดือนปลายเดือนเป็นอย่างไร?
ทุกคนมีเงินใช้ตลอดทั้งเดือน เจ้าของร้านค้าก็พลอยเซ็งลี้ฮ้อไปด้วย เมื่อขายของได้เงินมาเท่าไหร่ก็เอาไปลงกับแชร์อีก
ดังนั้นเมื่อสิ้นบุญชม้อยแล้ว การค้าแถวนี้จึงตกไปกว่า 50%
โดยเฉพาะร้านอาหารในย่านสะพานใหม่แล้ว เมื่อหลายปีก่อนไม่ว่า "เชลล์"
หรือ "ช้อย" ก็ดาหน้ากันมาจับจองพื้นที่สองฟากถนนเพื่อโกยเงินจากลูกแชร์กันทั้งนั้น
ในยามค่ำคืน สะพานใหม่ไม่เคยหลับใหล เพราะสองฝั่งของถนนจะสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากร้านอาหารที่คอยเชิญชวนบรรดาลูกทัพฟ้า
ให้แวะมาเยือนกันตลอดคืน แต่มาบัดนี้ร้านอาหารแต่ละแห่งได้แต่นั่งตบยุงคอยชะแง้หาลูกค้าที่พร้อมใจกันหายหน้ากันไปหมด
และคงไม่นานเกินรอ ก่อนสิ้นปีนี้ก็คงจะต้องม้วนเสื่อเลิกกิจการกันไปแน่
ธุรกิจบ้านจัดสรรในย่านสะพานใหม่ก็โดนสะเก็ดแชร์ชม้อยอย่างจังเหมือนกัน
โครงการทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม ที่ผุดกันขึ้นเรียงรายอยู่บนถนน ตั้งแต่ยังไม่ถึงสะพานใหม่จนเลยไปถึง
กม. 25 เพื่อสนองความต้องการของลูกแชร์ทั้งหลาย ที่มีเงินเหลือใช้และต้องการความมั่นคงในชีวิต
ก็กำลังเกือบจะถึงเฮือกสุดท้ายอยู่แล้ว เพราะเมื่อไม่มีชม้อยก็ไม่มีเงินมาส่งบ้านกัน
ซ้ำร้ายเงินที่ส่งกันมางวดก่อนๆ ก็ถูกยึด ตอนนี้สภาพบ้านจัดสรรนั้นมีแต่นอนรอความตายลูกเดียว
!
แม้แต่บ้านและอาหารซึ่งเป็นปัจจัย 4 ของมนุษย์ยังแทบจะอยู่ไม่รอดกันแล้ว
ธุรกิจอื่นๆ ก็พลอยเหงาหงอยตามไปด้วย คนก็ยังพอมีเดินกันบ้าง แต่ไม่เข้าร้านอาหารหรือร้านทองกันแล้ว
เดี๋ยวนี้ต้องลดรสนิยมลงมากินข้าวแกงกัน เปลี่ยนมาดูโทรทัศน์ขาวดำแทนโทรทัศน์สี
ฯลฯ
ตอนนี้ถ้าใครไปชวนชาวสะพานใหม่คุยเรื่องพี่ชม้อยของพวกเขา ก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
"อย่าพูดเลย พูดแล้วมันเศร้าหัวใจ"
ใช่…ชาวสะพานใหม่ทุกคนพยายามจะลบชื่อ "ชม้อย ทิพย์โส" ออกจากความทรงจำที่เหมือนฝันร้ายของพวกเขาให้หมด
แม้แต่ใบสัญญากู้เงินของชม้อยก็ยังไม่อยากเก็บไว้ดูต่างหน้าเลย พอมีบุรุษนิรนามมากว้านซื้อใบสัญญานี้ในราคาใบละ
11,000 บาท ชาวสะพานใหม่หลายคนก็ตัดสินใจขายไปเสียให้พ้นๆ
สำหรับ ชม้อย ก็คงไม่ได้เป็นเทพธิดาชุดขาว ขวัญใจชาวสะพานใหม่อีกต่อไปแล้ว
ที่แน่ๆ นาทีนี้ สะพานใหม่ก็ยังคงสงสัยในใจตลอดเวลาว่า "มันไปพลิกล็อกกันตรงไหน"