สะพานใหม่ดอนเมืองหลังจากขาด "ชม้อย" ทุกคนหงอยเหงาและซึมเซาไปหมด


นิตยสารผู้จัดการ( ตุลาคม 2528)



กลับสู่หน้าหลัก

สะพานใหม่ดอนเมืองเป็นแหล่งชุมชนชานเมืองที่คึกคักพอๆ กับย่านสะพานควายหรือบางแค เพราะอย่างที่รู้ๆ ว่าอยู่ติดกับอาณาเขตของทหารอากาศที่เป็นลูกแชร์รายใหญ่ของชม้อย ย่านนี้จึงมีทหารอากาศเดินกันขวักไขว่ไปหมด

ว่ากันว่าแต่เดิมนั้น จากย่านสะพานใหม่เลยไปถึงหลักกิโลเมตรที่ 25 การเงินเดินสะพัดมาก ที่นี่มีทุกอย่างสำหรับคนที่อยากใช้เงิน ตั้งแต่ร้านทอง 6-7 ร้าน ร้านเครื่องไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 5 แห่ง ธนาคาร 3 แห่ง โรงภาพยนตร์ 3 โรง ร้านอาหารนับไม่ถ้วน ร้านเสื้อผ้า รองเท้า ตลอดจนแผงลอยแน่นไปหมด

"เมื่อก่อนที่นี่เงินสะพัดมากแบงก์ร้อยแทบจะไม่เคยเห็นใช้กันเลย มีแต่ควักแบงก์ห้าร้อยซื้อขายกัน พวกทหารอากาศยศน้อยๆ เวลาซื้อของทีก็ยังควักเงินออกมาปึกใหญ่เลย ริมถนนมีแต่รถเก๋งป้ายแดงจอดกันแน่นไปหมด" แม่ค้าแผงลอยแถวนั้นเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟัง

แต่…..สะพานใหม่วันนี้หลังจากไม่มีแม่ชม้อยแล้วก็เงียบเหงาซบเซาลงไปมาก เหมือนคนเป็นโรคเอดส์ที่รอวันหมดลม

แต่ที่ยังไม่หมดลมไปเลยทีเดียว เพราะแชร์ชม้อยเพิ่งจะล้มมาได้ไม่กี่เดือน เงินเก่ายังพอมีหมุนเวียนกันอยู่บ้าง ถ้ายิ่งนานไปกว่านี้พิษแชร์จะยิ่งสำแดงฤทธิ์เดชมากขึ้น ซึ่งชาวสะพานใหม่ทั้งหลายปลงสังขารเอาไว้แล้วว่าถ้าปลายปี 28 นี้ เศรษฐกิจโดยทั่วไปไม่ดีขึ้น สะพานใหม่อาจจะตายสนิทก็ได้ เพราะแต่ละร้านหลวมตัวไปลงแชร์ไว้ไม่ต่ำกว่า 10 คันรถ

"ที่เห็นๆ หลังจากแชร์พี่ชม้อยล้มแล้วก็ยังไม่มีร้านไหนในย่านสะพานใหม่กล้าปิดกิจการเลย ไม่ใช่อะไรหรอกเจ๊งน่ะเจ๊งแน่ แต่เพราะอายกันเองเลยยอมทนขายกันไป" ชาวสะพานใหม่คนหนึ่งแฉให้ "ผู้จัดการ" ทราบ

แต่ก่อนนั้น ร้านขายของแต่ละร้านมีคนเดินเข้าออกตลอดเวลา เพราะคนที่สะพานใหม่ไม่รู้จักคำว่าต้นเดือนปลายเดือนเป็นอย่างไร? ทุกคนมีเงินใช้ตลอดทั้งเดือน เจ้าของร้านค้าก็พลอยเซ็งลี้ฮ้อไปด้วย เมื่อขายของได้เงินมาเท่าไหร่ก็เอาไปลงกับแชร์อีก ดังนั้นเมื่อสิ้นบุญชม้อยแล้ว การค้าแถวนี้จึงตกไปกว่า 50%

โดยเฉพาะร้านอาหารในย่านสะพานใหม่แล้ว เมื่อหลายปีก่อนไม่ว่า "เชลล์" หรือ "ช้อย" ก็ดาหน้ากันมาจับจองพื้นที่สองฟากถนนเพื่อโกยเงินจากลูกแชร์กันทั้งนั้น ในยามค่ำคืน สะพานใหม่ไม่เคยหลับใหล เพราะสองฝั่งของถนนจะสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากร้านอาหารที่คอยเชิญชวนบรรดาลูกทัพฟ้า ให้แวะมาเยือนกันตลอดคืน แต่มาบัดนี้ร้านอาหารแต่ละแห่งได้แต่นั่งตบยุงคอยชะแง้หาลูกค้าที่พร้อมใจกันหายหน้ากันไปหมด และคงไม่นานเกินรอ ก่อนสิ้นปีนี้ก็คงจะต้องม้วนเสื่อเลิกกิจการกันไปแน่

ธุรกิจบ้านจัดสรรในย่านสะพานใหม่ก็โดนสะเก็ดแชร์ชม้อยอย่างจังเหมือนกัน โครงการทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม ที่ผุดกันขึ้นเรียงรายอยู่บนถนน ตั้งแต่ยังไม่ถึงสะพานใหม่จนเลยไปถึง กม. 25 เพื่อสนองความต้องการของลูกแชร์ทั้งหลาย ที่มีเงินเหลือใช้และต้องการความมั่นคงในชีวิต ก็กำลังเกือบจะถึงเฮือกสุดท้ายอยู่แล้ว เพราะเมื่อไม่มีชม้อยก็ไม่มีเงินมาส่งบ้านกัน ซ้ำร้ายเงินที่ส่งกันมางวดก่อนๆ ก็ถูกยึด ตอนนี้สภาพบ้านจัดสรรนั้นมีแต่นอนรอความตายลูกเดียว !

แม้แต่บ้านและอาหารซึ่งเป็นปัจจัย 4 ของมนุษย์ยังแทบจะอยู่ไม่รอดกันแล้ว ธุรกิจอื่นๆ ก็พลอยเหงาหงอยตามไปด้วย คนก็ยังพอมีเดินกันบ้าง แต่ไม่เข้าร้านอาหารหรือร้านทองกันแล้ว เดี๋ยวนี้ต้องลดรสนิยมลงมากินข้าวแกงกัน เปลี่ยนมาดูโทรทัศน์ขาวดำแทนโทรทัศน์สี ฯลฯ

ตอนนี้ถ้าใครไปชวนชาวสะพานใหม่คุยเรื่องพี่ชม้อยของพวกเขา ก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "อย่าพูดเลย พูดแล้วมันเศร้าหัวใจ"

ใช่…ชาวสะพานใหม่ทุกคนพยายามจะลบชื่อ "ชม้อย ทิพย์โส" ออกจากความทรงจำที่เหมือนฝันร้ายของพวกเขาให้หมด แม้แต่ใบสัญญากู้เงินของชม้อยก็ยังไม่อยากเก็บไว้ดูต่างหน้าเลย พอมีบุรุษนิรนามมากว้านซื้อใบสัญญานี้ในราคาใบละ 11,000 บาท ชาวสะพานใหม่หลายคนก็ตัดสินใจขายไปเสียให้พ้นๆ

สำหรับ ชม้อย ก็คงไม่ได้เป็นเทพธิดาชุดขาว ขวัญใจชาวสะพานใหม่อีกต่อไปแล้ว

ที่แน่ๆ นาทีนี้ สะพานใหม่ก็ยังคงสงสัยในใจตลอดเวลาว่า "มันไปพลิกล็อกกันตรงไหน"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.