แอลอีดีเปลี่ยนเกมหลอดไฟ


ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(9 กุมภาพันธ์ 2555)



กลับสู่หน้าหลัก

เทคโนโลยี “แอลอีดี” จะสร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในตลาดหลอดไฟและอุปกรณ์แสงสว่าง ทั้งในแง่พฤติกรรมใช้งาน และสมรภูมิการแข่งขัน หลังผู้ประกอบการจุดพลุ สร้างการรับรู้มาสักพักหนึ่ง ส่งผลให้แบรนด์ไทย-เทศ สบโอกาสส่งสินค้าเข้าตลาดคึกคัก

ลำพังตัวเลขมูลค่าตลาดที่สูงถึงหมื่นล้านบาท ก็นับเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่จะปะทุให้อุณหภูมิการแข่งขันในตลาดนี้เริ่มคุกรุ่น ยิ่งเมื่อบวกรวมกับแนวโน้มการประหยัดพลังงานที่กำลังมาแรง ก็ยิ่งทำให้หลอดแอลอีดีซึ่งเป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่เข้ามาตอบโจทย์เรื่องการประหยัดพลังงานได้รับความนิยมและกลายเป็นสนามที่มีสีสันและคึกคักมากขึ้น เพราะทุกค่ายต่างพร้อมเพรียงใจกระโจนลงมาเล่นกันอย่างคึกคัก

“เป็นปีที่จะสนุกและประหยัดไฟมากขึ้น”

สมนึก โอวุฒิธรรม ประธานกรรมการบริหาร เลคิเซ่กรุ๊ป และบริษัท เลคิเซ่ ไลท์ติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายหลอดไฟและอุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าแบรนด์เลคิเซ่ กล่าว และบอกว่า จุดเด่นของแอลอีดีที่สามารถสร้างแสงสีได้ถึง 16 ล้านเฉดสี ช่วยสร้างบรรยากาศที่แตกต่างได้มากขึ้น นับเป็นแรงผลักสำคัญให้เกิดการใช้งานขยายไปในวงกว้างมากขึ้น ทั้งในวงการตกแต่ง งานโฆษณา และไฟถนน 

นอกจากนี้ ปัจจัยของราคาแอลอีดีที่ลดลงค่อนข้างมาก หากเทียบระยะจุดคุ้มทุน จากอดีต หลอดแอลอีดี จะใช้เวลาในการคืนทุนใน 4 ปี ทว่าปัจจุบันระยะคุ้มทุนเหลือเพียง 1 ปี

ทั้งหมดล้วนเป็นองค์ประกอบที่ดันให้หลอดแอลอีดีขยายตัวรวดเร็ว โดยในแวดวงผู้ประกอบการ ประเมินกันว่า สัดส่วนของหลอดแอลอีดีจะขยับกินส่วนแบ่งตลาดถึง 50% ของตลาดหลอดไฟทั้งหมด จากในช่วงที่ผ่านมามีตัวเลขเพียง 5% เท่านั้น

“หากธุรกิจไฟถนน และงานโฆษณาประชาสัมพันธ์บูม 2 ธุรกิจนี้จะทำให้มูลค่าตลาดมหาศาล เป็น 10,000 ล้านบาท รวมทั้งเปลี่ยนโฉมผู้เล่นที่อยู่ในตลาดด้วย”

จากกระแสการเติบโตของตลาดดังกล่าว จึงเป็นเหตุที่ทำให้ทิศทางการทำตลาดหลอดไฟของเลคิเซ่ปีนี้ หันมาบุกหลอดแอลอีดีมากขึ้น หลังจากปีที่แล้วได้เทงบลงทุนนับ 100 ล้านบาท สร้างโรงงานใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังผลิตหลอดแอลอีดีโดยเฉพาะ

มาปีนี้ เลคิเซ่ จึงเดินเครื่องต่อด้วยการเพิ่มไลน์สินค้าในกลุ่มโคมไฟเพื่อการตกแต่ง เสริมจากกลุ่มสินค้าหลอดไฟเดิมทันที เพราะเป็นกลุ่มที่มีการใช้งานหลอดประเภทนี้สูงขึ้น โดยจะเน้นทำตลาดผ่านช่องทางการขายในต่างจังหวัด โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งเลคิเซ่มีแผนจะเปิดออฟฟิศใหม่ 2 แห่ง ทั้งหัวหิน และพัทยา

 พร้อมกันนี้ ยังเดินหน้าบุกงานโครงการ ทั้งภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนงานโปรเจกต์ประมาณ 25% ของช่องทางรายได้ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีสัดส่วนเพียง 15%

อย่างไรก็ดี ช่วงปลายปีที่ผ่านมา เจ้าตลาดอย่างฟิลิปส์ ได้เริ่มนำร่องบุกตลาดโคมไฟตกแต่งอย่างเต็มรูปแบบเช่นกัน โดยได้เปิดตัวรูปแบบ Home Lighting Centre แฟลกชิปสโตร์ แห่งแรกในเมืองไทย เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าได้พบกับการตกแต่งบ้านด้วยแสงสว่างที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจที่หลากหลาย ผ่านสินค้าในกลุ่มแสงสว่างของฟิลิปส์ที่มีกว่า 4,000 รายการ โดยผู้ใช้จะได้เห็นภาพจริงพร้อมทดลองสินค้า ซึ่งนับเป็นกลยุทธ์ที่ฟิลิปส์เชื่อว่าจะเพิ่มความรวดเร็วในการตัดสินใจซื้อ 

อีกทั้งยังได้เปิดตัวเว็บไซต์ www.philips. co.th/seewhatlight cando เพื่อเป็นช่องทางหาข้อมูลให้กับลูกค้า โดยมีแบบจำลองในการติดตั้งแสงสว่างในห้องและมุมต่างๆ ให้ทดลองใช้ ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าที่ยังไม่มีเวลาเข้ามาในร้าน หรือศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ

ในส่วนของหลอดไฟ T5 อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติประหยัดพลังงาน แม้ปัจจุบันตลาดยังไม่ใหญ่มากนัก โดยมีสัดส่วนเพียง 10% ของตลาดหลอดไฟ แต่จากกระแสการประหยัดพลังงาน ทำให้ผู้ประกอบการเชื่อว่า ปีนี้สัดส่วนของตลาด T5 น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย 

แม้แนวโน้มตลาด T5 จะเติบโตขึ้น แต่เลคิเซ่จะเดินเกมต่างด้วยการใช้ T8 เป็นหัวหอกในการบุกตลาดแทน เพราะเชื่อว่าเทคโนโลยีดังกล่าว จะช่วยประหยัดได้มากกว่า หากมีการนำเวลา จำนวนคนที่เดิน และการดีไซน์เข้ามาคำนวณ โดยจะเน้นทำตลาดแบบโซลูชั่น ในกลุ่มงานโปรเจกต์เป็นหลัก



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.