|
ส่งเสียงคุยกับสาวสวยนามว่า “Siri”
โดย
ดร.ชุติสันต์ เกิดวิบูลย์เวช
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( กุมภาพันธ์ 2555)
กลับสู่หน้าหลัก
เมื่อโทรศัพท์มือถือจะไม่ใช่แค่โทรศัพท์อีกต่อไป หลังจากที่ค่าย Apple เปิดตัว iPhone 4S สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด แม้ว่ารูปร่างภายนอกของ iPhone 4S อาจเหมือนเดิม หรือมีความเร็วการประมวลผล CPU ที่เร็วขึ้น มีกล้องที่ชัดมากขึ้น เท่าที่ผมทดลองเล่นดู ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างมากเท่าไหร่เมื่อเทียบกับ iPhone 4 ของเก่า แต่สิ่งที่น่าประทับใจที่มาพร้อมกับ iPhone ตัวใหม่นี้ที่ทำให้ต่างกับ iPhone 4 ตัวเดิมไปเลย สิ่งนั้นก็คงจะหนีไม่พ้น Feature ตัวใหม่ที่เรียกว่า “Siri”
อะไรคือ Siri หรือว่า Siri คืออะไร คนคิดชื่อสิริชัยหรือเปล่า เกี่ยวอะไรกับคนไทยหรือเปล่า ทำไมชื่อไทยเหลือเกิน วันนี้เรามาลองคุยกันเรื่อง Siri Siri กันดีกว่าครับ
Siri ผมให้คำจำกัดความง่ายๆ ว่ามันคือระบบสั่งการด้วยเสียงที่สามารถรับ คำสั่งและเข้าใจภาษาพูดของคนเราจริงๆ และตอบสนองได้เสมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผู้ใช้งานที่มีสมองคิดเองได้เลย (Intelligent Software Assistant and Knowledge Navigator)
ยกตัวอย่างเช่น เราอยากจะให้ Siri ช่วยเตือนวันเกิดของคุณพ่อของเรา เราก็เพียงส่งเสียงบอกวันเกิดของคุณพ่อของเรา ให้ Siri ช่วยจำ เช่น “On September 29, remind me that it’s my dad’s birthday” Siri ก็จะทำการจำวันเกิดของคุณพ่อเราให้อย่างอัตโนมัติ โดยไม่ต้องพิมพ์อะไรลงไปเลย
นอกจากนั้น Siri ยังสามารถช่วยในการค้นหาข้อมูลใน Search Engine ต่างๆ ได้ เช่น แทนที่ผู้ใช้งานจะกดค้นหา ข้อมูล หรือทำสิ่งต่างๆ ผู้ใช้งานสามารถใช้ Siri สั่งการด้วยเสียงได้ เช่น ถ้าต้องการ ค้นหาข้อมูลใน Google, เช็กสภาพอากาศ, ค้นหาสถานที่ต่างๆ ร้านอาหาร มหาวิทยาลัย, ตั้งนาฬิกาปลุก, สั่งให้อ่านอีเมลหรือข้อความที่ส่งเข้ามาได้
รวมถึง Siri ยังมีความสามารถในการพิมพ์ข้อความแทนผู้ใช้งานได้ (Dictation) โดย Siri สามารถทำการแปลงคำพูดของเรา ให้เป็นตัวอักษร โดยที่ไม่ต้องพิมพ์เองให้เสียเวลา ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับผู้ใช้ที่อาจกำลังขับรถ หรือมือไม่ว่างในการเขียนหรือพิมพ์ ในกรณีที่จะต้องส่งข้อความ หรือส่งอีเมล แบบเร่งด่วนในตอน นั้น ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องหยิบ iPhone ขึ้นมาพิมพ์ข้อความ เราก็แค่บอก ให้ Siri ทำการจดคำพูดของเราให้เป็นตัวอักษรได้เลย ซึ่งอาจจะนำไปประยุกต์ในการช่วยจด Lecture ของอาจารย์ในห้อง เรียนได้อีกด้วย
ประเด็นที่น่าสนใจคือ Siri สามารถ ตอบคำถามได้เหมือนกับสมองมนุษย์ (แม้ว่าจะยังไม่เทียบเท่ามนุษย์ได้เต็มที่) เช่น มีบางคนลองแกล้ง Siri โดยลองถาม Siri ว่า “Will you marry me” หลังใช้เวลา ในการประมวลผลอย่างรวดเร็ว Siri ก็ตอบกลับว่า “Let’s just be friends, OK?” หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ Siri สามารถมีความคิดเป็นของตัวเองได้ ซึ่งไม่ใช่แค่การสั่งการด้วยเสียง แต่เป็นความฉลาดของระบบที่สามารถรู้และโต้ตอบในสิ่งที่เราต้องการได้
เลขาคนใหม่นามว่า Siri แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวภายหลังงาน “Let’s talk iPhone” คำว่า Siri มาจากภาษาสแกนดิเนเวียน เป็นชื่อของเด็กสาวชาวสแกนดิเนเวียน ซึ่งแปล ว่า ชัยชนะอันงดงาม (Beautiful Victory) แรกเริ่มเดิมที Siri มาจากงานวิจัยในชื่อ CALO project (Cognitive Assistant that Learns and Organizes) โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง Stanford Research Institute (SRI) International ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เกิดจากความร่วมมือจากหลายๆ มหาวิทยาลัย โดยเริ่มจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดของสหรัฐอเมริกา และ Defense Advanced Research Projects Agency (DARPA) ซึ่งเป็นหน่วยงานในกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ที่รับผิดชอบในการสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ ทาง การทหาร เมื่อเป็นหน่วยงานทางการทหาร เพราะฉะนั้นการสร้างงานวิจัยนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่อประยุกต์ระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และเทคโนโลยีการรู้จำมาใช้ในงานด้านการจัดการในหน่วยงานทางทหารสหรัฐอเมริกา เช่น จัดวาระและนัดหมายการประชุม, เรียงลำดับความสำคัญอีเมล, จัดลำดับความสำคัญของสารสนเทศ รวมถึงงานด้านการตัดสินใจ และการประสานงานภายใน หน่วยงาน
หลังจากงานวิจัยนี้ได้ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง เป็นที่แน่นอนว่าสุดยอดเทคโนโลยี อย่าง Siri ย่อมไม่รอดสายตาของบริษัทไอทียักษ์ใหญ่อย่าง Apple ไปได้ ในที่สุด ช่วงเดือนเมษายน 2010 บริษัท Apple ตัดสินใจเข้าซื้อ Siri โดยไม่ได้ประกาศราคา เข้าซื้ออย่างชัดเจน แต่มีรายงานออกมาว่า เป็นเงินประมาณ 150-250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,500-7,500 ล้านบาท) ด้วยความที่ได้รับการพัฒนามาจากหน่วยงานวิจัย SRI International บางคนเลยตั้งข้อสังเกตว่า ชื่อ Siri อาจมาจากชื่อสถาบัน วิจัยนี้ก็เป็นได้ แม้ว่าจะไม่มีการยืนยันจาก Apple ออกมาอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม Siri ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติมอีกหลายจุด เพราะ Siri ปัจจุบันยังอยู่ในสถานะทดสอบ (Beta) อยู่ จุดหลักๆ ก็คือเรื่องภาษาที่ใช้ ปัจจุบันในการสั่งการ Siri นั้น Siri จะรองรับเพียงภาษาพูดที่เป็นภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศสเท่านั้น ซึ่งยังไม่รองรับภาษาไทย เพราะฉะนั้นอาจไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ใช่ Native English Speaker เลยซะทีเดียว แม้ว่าทาง Siri จะมีให้เลือกว่าจะสามารถสั่งการเป็นสำเนียงภาษาอังกฤษแบบ British English หรือ American English ก็ตาม แต่ประเทศที่ไม่ใช้ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก หรือสำเนียงคนไหนไม่ดีพอ ก็อาจจะยังไม่สามารถเอา Siri มาใช้งานได้อย่างเป็นทางการซะทีเดียว นอกจากจะเอาไว้เป็นเพื่อน สาวคุยเล่นฝึกภาษาอังกฤษไปพลางๆ และที่สำคัญอีกจุดหนึ่งคือการใช้งาน Siri ยังต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา และแน่นอนครับ 3G บ้านเรา ก็ไม่ได้เสถียรมากมาย การใช้ Edge ก็อาจ ทำให้ใช้ Siri ได้ไม่ต่อเนื่องสบายใจได้ แต่ อย่างว่าครับ ถ้าไม่มีการเริ่มต้น ก็ไม่มีการ เปลี่ยนแปลง ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็ไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ในโลกของเรา เมื่อโลกเปลี่ยนไป เราก็ต้องเปลี่ยนตาม
ในครั้งหน้า ผมจะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาแชร์กับคุณผู้อ่านอีก รับรองเลยครับว่า เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวันจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวพวกเราอีกต่อไป
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|