|

จับตาดีแทค
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( มกราคม 2555)
กลับสู่หน้าหลัก
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา บริษัทดีแทคได้สร้างความประหลาดใจหลายๆ อย่างที่ทำให้เกิดคำถาม ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินปันผล 16.46 บาท รวมลูกค้ากว่า 20 ล้านราย ไม่สามารถโทรเข้า-ออกได้สำเร็จในช่วง 2 วัน
เหตุการณ์การใช้บริการโทรศัพท์มือถือของลูกค้า บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ไม่สามารถใช้บริการโทรเข้า-ออกได้ในวันที่ 21 ธันวาคม 2554 ทำให้ ลูกค้าที่ใช้บริการของบริษัท 23 ล้านรายได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักทั่วประเทศ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ผู้บริหาร 3 รายคือ ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชัยยศ จิรบวรกุล รองประธาน เจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มลูกค้าและประเทศ ตันกุรานันท์ ผู้อำนวยการ อาวุโสฝ่ายปฏิบัติการโครงข่าย ร่วมแถลงข่าวในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น (22 ธ.ค. 54) โดยที่ไม่มีจอน ทราวิส เอ็ดดี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนื่องจากมีภารกิจอยู่ในต่างประเทศ
ภาพในงานแถลงข่าวจึงได้เห็นผู้บริหารทั้ง 3 คน ยืนขึ้นกราบขออภัยลูกค้ากรณีเครือข่ายมีปัญหา พร้อมกับชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า บริษัทอยู่ระหว่างการโอนย้ายฐานลูกค้าทั้งหมดของ ดีแทคจากระบบเก่าไปสู่ระบบใหม่ และปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากระบบเครือข่าย แต่เกิดจากการย้ายฐานข้อมูลไปสู่เซิร์ฟเวอร์ใหม่ที่เรียกว่า HLR หรือ Home Location Register
สำหรับระบบโทรศัพท์เก่าของดีแทคได้ใช้ระบบเครือข่ายและอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมของยี่ห้อโนเกีย และบริษัทได้ตัดสินใจเปลี่ยนระบบใหม่โดยไปใช้ของอีริคสัน มีการประเมินว่าระบบจะผิดพลาดน้อยมาก และไม่เคยขึ้นมาก่อน
ความผิดพลาดเกิดขึ้นเมื่อระบบ HLR ไม่ตอบรับข้อมูลเมื่อลูกค้าเริ่มโทรเข้า-ออก จึงทำให้ขาดการติดต่อสื่อสาร ในสถานการณ์ดังกล่าวเมื่อโทรไม่ติด ลูกค้าจะโทรซ้ำหลายๆ ครั้ง ทำให้การสื่อสารแทบจะโทรไม่ได้เกือบตลอดทั้งวัน
จากข้อผิดพลาดดังกล่าวดีแทคชดเชยเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ด้วยการไม่เก็บค่าบริการลูกค้าเป็นเวลา 48 ชั่วโมงเริ่มจากวันอังคารที่ 20 ตอนเที่ยงไปจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 22 ตอนเที่ยง
ดามพ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทค กล่าวยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากคน แต่เป็นปัญหาเทคนิคที่ต้องสอบสวนกันต่อไป ดังนั้นในช่วงเวลานี้บริษัทจะหยุดการย้ายระบบเก่าไปสู่ระบบใหม่เป็นการชั่วคราวซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะใช้เวลานานเท่าใด
ความน่าตื่นเต้นของดีแทคนอกจากเรื่องการโทรไม่ติดแล้ว เมื่อกลางเดือนธันวาคม บอร์ดได้อนุมัติเงินจำนวน 3.9 หมื่นล้านบาทจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นพิเศษ ในอัตราหุ้นละ 16.46 บาท จำนวน 2,367,811,000 หุ้น โดยจ่ายจากกำไรสะสมของบริษัท
เหตุดังกล่าวมีการวิเคราะห์หลายๆ ทาง เช่น ผู้ถือหุ้นต่างชาติอาจต้องการลดสัดส่วนหุ้นที่มีอยู่ในน้อยลงเพื่อเปิดทางให้ผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่เป็นคนไทยถือเพิ่มขึ้น เพราะกฎหมายใหม่ด้านสื่อสารโทรคมนาคมที่กำลังอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ได้กำหนดการถือหุ้นของต่างชาติ
การจ่ายเงินปันผล ทำให้ฟิทช์ เรทติ้งส์ประกาศลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Long-term Foreign Currency Issuer Default Rating) และอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินในประเทศ (Long-term Local Currency Issuer Default Rating) ของดีแทค ‘BBB-’ จาก ‘BBB’
การปรับลดอันดับเครดิตเป็นผลมาจากการที่ดีแทคได้ประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษ ซึ่งคาดว่าจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินและหนี้สินดำเนินงาน (FFO-adjusted net leverage) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า 1.5 เท่า ซึ่งเป็นระดับอ้างอิงของฟิทช์ในการพิจารณาปรับลดอันดับเครดิตของบริษัท
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2554 ดีแทคได้ประกาศจ่ายเงิน ปันผลพิเศษจำนวน 38.9 พันล้านบาท ซึ่งจะจ่ายในวันที่ 12 มกราคม 2555 การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่บริษัทอาจต้องมีการลงทุนในโครงข่าย 3G ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
ถึงแม้ฟิทช์คาดว่าบริษัทจะยังคงมีผลประกอบการที่แข็ง แกร่งอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า การจ่ายเงินปันผลพิเศษ ที่สูงและค่าใช้จ่ายสำหรับค่าธรรมเนียมของใบอนุญาต 3G ที่สูง อาจทำให้อัตราส่วน FFO-adjusted net leverage ของบริษัทเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับประมาณ 1.7 เท่า ณ สิ้นปี 2555 จากสถานะเงินสดสุทธิ (เงินสดมากกว่าหนี้สิน) ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2554 นอกจากนี้การลงทุนก่อสร้างโครงข่าย 3G ที่สูงในช่วงปี 2556-2558 อาจทำให้อัตราส่วน FFO-adjusted net leverage ของบริษัทคงอยู่ที่ระดับประมาณ 2.0 เท่า ในช่วงดังกล่าว
ปีนี้ดีแทคคงมีช่วงเวลาท้าทายอย่างมากในทุกๆ ด้านน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|