ฟอร์ดเป็นรถที่น่าจะพูดได้ว่าล้มเหลวไปแล้วในตลาดเมืองไทย ฟอร์ดเคยขายอยู่โดยบริษัทฟอร์ดมอเตอร์ประเทศไทย
ซึ่งเป็นบริษัทสาขาโดยตรงของฟอร์ดออสเตรเลียก็ล้มเหลวไปภายในระยะเวลาเพียง
5 ปี จากนั้นก็มีแองโกล-ไทยมอเตอร์ เข้ามารับผิดชอบแทนและก็ต้องพังไปอีกราย โดยอยู่นานกว่าฟอร์ดมอเตอร์เพียง
2 ปีเท่านั้น
บนถนนสายที่รถคว่ำมาแล้วถึง 2 ครั้งนี้ ได้ก่อเกิดวีรบุรุษผู้กล้ารายหนึ่ง
ผู้หาญจะนำรถฟอร์ดเข้าตลาดและเกรียงไกรอีกครั้ง ผู้กล้าผู้นี้มีนามว่านิวเอร่า…วีรบุรุษนิรนามที่วงการยังไม่รู้จัก
สำหรับนักเลงรถบ้านเรานั้น "ฟอร์ด" น่าจะได้ชื่อว่าเป็นรถที่ตายไปแล้ว
ตายไปพร้อม ๆ กับฟอร์ดมอเตอร์ประเทศไทย และแองโกล-ไทยมอเตอร์ อดีต 2 ตัวแทนจำหน่ายผู้เคยผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมาเขียนประวัติศาสตร์ให้รถฟอร์ดในประเทศไทย
โดยผ่านยุคเกรียงไกรแล้วก็จบลงอย่างขมขื่นในท้ายที่สุดเหมือน ๆ กัน
"ฟอร์ด" น่าจะต้องตายอย่างสนิทจริง ๆ แต่เผอิญยังมีคนที่คิดว่า
"ฟอร์ด" นั้นต้องตายแบบที่ไม่น่าสมควรตาย "ฟอร์ด" จึงต้องกลับเข้าตลาดอีกครั้ง
โดยคนที่คิดเช่นนั้นก็คือ นิวเอร่า จำกัด บริษัทที่โนเนมอย่างมาก ๆ สำหรับวงการรถยนต์บ้านเรา
นิวเอร่าเป็นใคร มาจากไหน? และเหตุใดจึงขวัญกล้าขนาดที่คิดจะเข้ามา "ปลุกผี"
รถฟอร์ดให้ลุกขึ้นมาผงาดอีกครั้งในยุทธจักร คำถามอย่างน้อย 2 คำถามนี้มีแต่คนอยากรู้คำตอบ
ภายหลังการเซ็นสัญญาระหว่างบริษัทฟอร์ดโปรดักส์แห่งประเทศออสเตรเลีย กับบริษัทนิวเอร่าที่โรงแรมดุสิตธานี เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้
โดยฟอร์ดโปรดักส์แต่งตั้งนิวเอร่าให้เป็นผู้แทนจำหน่ายและประกอบรถยนต์นั่ง,
รถกระบะของฟอร์ดในประเทศไทย และนิวเอร่าก็ประกาศทันทีในวันเดียวกันนั้นว่า
จะแนะนำรถฟอร์ด 3 รุ่น คือ เลเซอร์ใหม่ 3 แบบ เทลสตาร์ใหม่ 3 แบบ พร้อมกับรถกระบะ
(ปิกอัพ) คูเรียเข้าตลาดในราวต้นปี 2529 นี้
ก็คงเป็นหน้าที่ของ "ผู้จัดการ" อีกครั้งที่จะต้องพยายามค้นหาคำตอบในทั้ง
2 คำถามนั้นออกมา ซึ่งต้องขอบอกกล่าวกันตรง ๆ ก่อนว่า เรื่องนี้มิใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก
"ในวันที่มีการเซ็นสัญญาแต่งตั้งนิวเอร่าเป็นผู้แทนจำหน่ายและประกอบรถฟอร์ดในประเทศไทย
นิวเอร่าก็ไม่ได้แนะนำตัวอะไร ไม่มีใครทราบว่า ที.เค.ชุง กรรมการผู้จัดการของนิวเอร่านั้น
เป็นใครมาจากไหน ในกลุ่มผู้บริหารถ้าจะพอได้ยินชื่อกันบ้างคงมี อารี สันติพงศ์ไชย
ลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์ซิงเสียนเยอะเป้าคนเดียวมั้ง ซึ่งอารีรับผิดชอบด้านการตลาดและการโฆษณาประชาสัมพันธ์…"
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ญี่ปุ่นยี่ห้อหนึ่งพูดเหมือนรู้ใจ
"ผู้จัดการ" อย่างไรอย่างนั้น
และเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายนักนี่เองก็เลยเป็นเรื่องที่ออกจะท้าทายเอามากๆ
ตามที่ทราบกันนั้น กลุ่มนิวเอร่าเริ่มมีการติดต่อกับฟอร์ดที่ออสเตรเลียซึ่งเป็นผู้ดูแลผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของฟอร์ดทั้งหมดในย่านเอเชีย-แปซิฟิก ตั้งแต่ราว ๆ เดือนมีนาคม
2528 อันเป็นช่วงเริ่มมีข่าวเล็ดลอดออกมาบ้างแล้วว่า บริษัทแองโกล-ไทยมอเตอร์กำลังเตรียมยกเลิกสัญญาการเป็นผู้แทนจำหน่ายและประกอบรถฟอร์ดในประเทศไทย
เพราะทนขาดทุนต่อไปไม่ไหวแล้ว
นิวเอร่าเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2527 ก่อนหน้าที่จะมีการติดต่อเจรจากับฟอร์ดออสเตรเลีย
5 เดือน
ผู้ก่อตั้งเป็นนักธุรกิจเชื้อสายจีน แต่ถือสัญชาติแคนาดา ชื่อ ชุง คุง ตัง
ซึ่งหลังจากจดทะเบียนตั้งบริษัทนิวเอร่าได้ไม่กี่เดือน ชุง คุง ตัง ได้แจ้งว่าชื่อจริง ๆ ของเขานั้นชื่อ
เคียง จัง ชุง ไม่ใช่ ชุง คุง ตัง ดังที่แจ้งไว้ในตอนต้น
เคียง จัง ชุง หรือ ที.เค.ชุง อายุ 53 ปี เกิดที่มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
และขณะนี้มีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทนิวเอร่า จำกัด
บริษัทนี้เริ่มก่อตั้งขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นจำนวน
1,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 บาท
ครั้นแล้วในเดือนมีนาคม 2528 เดือนเดียวกับที่นิวเอร่าจะต้องติดต่อขอเป็นผู้แทนจำหน่ายรถฟอร์ดกับฟอร์ดออสเตรเลีย
นิวเอร่าก็มีมติพิเศษเพิ่มทุนรวดเดียวอีก 49 ล้านบาท เพื่อให้มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น
50 ล้านบาท หรือเพิ่มจำนวนหุ้นขึ้นอีก 49,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 เท่าเดิม
มติพิเศษเพื่อเพิ่มทุนนี้ นิวเอร่าได้แจ้งกับนายทะเบียนบริษัทจำกัดว่า เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้วนิวเอร่าจะมีคนไทยถือหุ้น
6 คน จำนวน 25,500 หุ้น และมีชาวต่างชาติถือหุ้น 5 คนจำนวน 24,500 หุ้น แต่ใครจะเข้ามาถือหุ้นบ้างนั้น
ยังไม่ปรากฏรายชื่อ (นิตยสาร "ผู้จัดการ" ตรวจทะเบียนหุ้นครั้งล่าสุดเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน
2528)
และพร้อมกับมติเพิ่มทุนดังกล่าว บริษัทนิวเอร่ายังได้มีมติเพิ่มกรรมการบริษัทอีก
7 คน รวมเป็นมีกรรมการบริษัท 8 คน เมื่อรวมกับกรรมการเดิม คือ เคียง จัง
ชุง โดยกรรมการทั้ง 7 คนนี้ก็ประกอบด้วย อารี สันติพงศ์ไชย พิพัฒน์ เรืองรองปัญญา
วัฒน์ เรืองมานะมงคล สมหมาย สุวรรณพิมพ์ เตียว ซู เว็ง เตียว เชียง ไค และ
เย็บ ซู ชวน
อารี สันติพงศ์ไชย นั้นเป็นทายาทเจ้าของหนังสือพิมพ์ภาษาจีนในไทย ซิงเสียนเยอะเป้า
โดยอารีมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการหนังสือพิมพ์ซิงเสียนฯ และกรรมการผู้จัดการบริษัทอารีซีสเท็มส์ซึ่งเป็นกิจการแยกสีในเครือของซิงเสียนฯ
พิพัฒน์ เรืองรองปัญญา มีอาชีพทนายความ ก็คงจะเข้ามาดูแลด้านกฎหมายให้กับนักลงทุนกลุ่มนี้
วัฒน์ เรืองมานะมงคล เคยทำกิจการค้าข้าว ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการโครงการวอลสตรีททาวเวอร์ ที่ถนนสุรวงศ์ ซึ่งเป็นโครงการสร้างออฟฟิศคอนโดมิเนียมของกลุ่มนักลงทุนไทย
อดีตเจ้าของโรงงานอาหารสัตว์ชื่อเซนทาโก ร่วมกับนักลงทุนกลุ่มหนึ่งของสิงคโปร์
ส่วนสมหมาย สุวรรณพิมพ์ ก็เป็นมือเก่าที่เคยผ่านงานการประกอบรถฟอร์ดมาไม่ต่ำกว่า
20 ปี สมหมายเคยทำงานกับฟอร์ดมอเตอร์ประเทศไทย และย้ายมาอยู่กับแองโกล-ไทยมอเตอร์
จนเมื่อแองโกล-ไทยมอเตอร์เลิกเป็นผู้แทนจำหน่ายและประกอบรถฟอร์ดแล้ว สมหมาย
เป็นคนแรกที่นิวเอร่าดึงตัวมาร่ามงานตั้งแต่ช่วงที่นิวเอร่าเองก็ยังไม่ทราบว่าจะได้รับการแต่งตั้งจากฟอร์ดออสเตรเลียหรือไม่ด้วยซ้ำไป
และสำหรับชาวต่างประเทศอีก 3 คน คือ เตียว ซู เว็ง, เตียว เชียง ไค และ
เย็บ ซู ชวน นั้นก็เป็นคนมาเลย์เชื้อสายจีน ทั้ง 3 คนเป็นตัวแทนจากกลุ่มทุนของมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งร่วมลงทุนในบริษัทนิวเอร่า
จำกัด
"เราร่วมทุนกัน 3 ฝ่าย คือ ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ในรายละเอียดว่าจะเป็นใครบ้างนั้น
ตอนนี้เขายังไม่อยากเปิดเผยตัว เอาเป็นว่าฝ่ายไทยก็มีกลุ่มผม คือ ซิงเสียนเยอะเป้า แล้วก็มีกลุ่มที่เขามีกิจการผลิตท่อเหล็กซึ่งใหญ่มากในประเทศไทย
ส่วนมาเลเซียกับสิงคโปร์เขาเป็นพี่น้องกัน ก็มีกิจการนับเป็นร้อยบริษัทโดยเฉพาะกิจการรถยนต์เขามีโรงงานประกอบรถเบนซ์และมิตซูบิชิ และเป็นตัวแทนจำหน่ายด้วย
อยู่ในมาเลเซีย…" อารี สันติพงศ์ไชย ช่วยอธิบายสั้น ๆ กับ "ผู้จัดการ"
การตั้งบริษัทนิวเอร่าและเสนอตัวเข้าไปติดต่อขอเป็นผู้แทนจำหน่ายและประกอบรถฟอร์ดกับฟอร์ดออสเตรเลียของนิวเอร่านั้น
มีประเด็นที่น่าตั้งข้อสังเกตอย่างมาก ๆ ประเด็นหนึ่ง
ประเด็นที่ว่านี้ก็คือ บริษัทนิวเอร่าได้ถูกตั้งขึ้นแล้วก่อนหน้าที่การติดต่อกับฟอร์ดออสเตรเลียจะเริ่มขึ้น
5 เดือนเต็ม ๆ ซึ่งก็เป็นช่วง 5 เดือน ที่ข่าวเรื่องแองโกล-ไทย จะถอนตัวคงยังไม่มีคนนอกทราบแน่ๆ
หรือแม้แต่คนในก็เถอะ จะมีทราบกันสักกี่คน
หรือว่านิวเอร่าจะมาเหนือเมฆขนาดที่ทราบข่าวลับชิ้นนี้ก่อนหน้าคนอื่น 5
เดือนเต็ม ๆ
"ผมเชื่อว่าเขาไม่รู้หรอกว่าแองโกล-ไทยมอเตอร์จะเลิกขายและประกอบรถฟอร์ด
เพราะเท่าที่ทราบกลุ่มนี้เขาตั้งบริษัทนิวเอร่าขึ้นมาไม่ใช่มีเจตนาแต่แรกที่จะเข้ามาเป็นผู้แทนจำหน่ายและประกอบรถฟอร์ดแทนแองโกล-ไทย
เขามีเจตนาอย่างอื่น…" แหล่งข่าวระดับลึกในวงการรถยนต์แย้ม ๆ ให้ฟังก่อนที่จะกระซิบด้วยเสียงแผ่ว ๆ ว่าเจตนาอย่างอื่น…ของนิวเอร่าที่ขมวดปมไว้นั้นก็คือ
เจตนาที่จะเข้าไปรับช่วงกิจการโรงงานประกอบรถยนต์ของกรรณสูต ซึ่งช่วงนั้นกำลังประสบปัญหารายล้อมอย่างหนัก
โรงงานประกอบรถยนต์กรรณสูตตั้งขึ้นเมื่อปี 2520 มีกลุ่มกรรณสูตซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายรถเฟียตถือหุ้นใหญ่ร่วมกับกลุ่มนักลงทุนจากมาเลเซียและครอบครัวอรรถกวีสุนทร อันเป็นครอบครัวขุนนางเก่าของไทย
โรงงานแห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยถูกใช้เป็นโรงงานประกอบรถเฟียต รถฟอร์ด และรถเรโนลต์ของกลุ่มอิตัลไทยซึ่งในช่วงหลังของปี
2525 ไปแล้ว โรงงานประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักพร้อม ๆ กับเลิกประกอบรถเฟี๊ยต
รถเรโนลต์ และลดจำนวนการผลิตของรถฟอร์ดที่ดูแลอยู่โดยบริษัทแองโกล-ไทยมอเตอร์
"ตอนสถานการณ์ของเขาไม่ดีเขาก็มาคุยกับพวกเราเพราะรู้จักกัน เราก็อยากช่วยกรรณสูต
แต่ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็ได้แต่เตรียมการไว้เท่านั้น" อารี
สันติพงศ์ไชย เล่ากับ "ผู้จัดการ" ซึ่งก็น่าจะเป็นการยอมรับถึงเจตนาดั้งเดิมข องนิวเอร่าที่เริ่มกันเพราะต้อง
"เตรียมการ" สำหรับการเข้าช่วยเหลือโรงงานประกอบรถยนต์กรรณสูต
และหลังจาก "เตรียมการ" เพียง 5 เดือน นิวเอร่าก็ค้นพบทางออกสำหรับการเข้าช่วยเหลือกรรณสูต
อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งเสียด้วย
"ตอนเดือนมีนาคมเราก็รู้แล้วว่าแองโกล-ไทยมอเตอร์จะเลิกจากฟอร์ดมันก็เป็นโอกาสที่เปิดอย่างมากซึ่งจะหาโอกาสแบบนี้คงยากทีเดียว
เพราะถ้าเราได้ฟอร์ดมาทำเราก็คงจะช่วยกรรณสูตได้ อีกทั้งมันก็เป็นโอกาสที่เปิดให้เราก้าวเข้ามาในวงการรถยนต์
สำหรับเรามันเป็นปัจจัย 2 อย่างที่เกิดขึ้นมาอย่างถูกจังหวะมาก" อารีพูดถึงสิ่งที่เขาพยายามเน้นว่าเป็น
"โอกาสที่หาได้ยากยิ่ง"
จากเดือนมีนาคม 2528 เป็นต้นมา สำหรับนิวเอร่าแล้วจึงมีอยู่หลายเรื่องที่จะต้องทำพร้อม ๆ กันไป
ตั้งแต่การดึงกลุ่มทุนต่าง ๆ เข้าร่วมงานกับนิวเอร่า การเจรจากับฟอร์ดออสเตรเลียไปจนถึงการทำสัญญาเช่าโรงงานประกอบรถยนต์ของกรรณสูต
"คนที่เดินงานก็คนหนุ่ม ๆ เพื่อนของอารีเขา คนหนึ่งอยู่มาเลเซียเป็นลูกชายเจ้าของกิจการหลายอย่างก็มีกิจการรถยนต์ด้วย
ส่วนอีกคนอยู่ออสเตรเลีย เขาก็ช่วยกันดำเนินการจนตอนนี้ก็เข้าไปในกรรณสูตแล้ว
และด้านฟอร์ดออสเตรเลียก็ตกลงกันได้เรียบร้อย…" ลี สันติพงศ์ไชย
ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ซิงเสียนฯ พูดถึงลูกชายและกลุ่มเพื่อนๆ ของลูกซึ่งเป็นแกนกลางของบริษัทนิวเอร่า
ลียอมรับว่าตอนแรกๆ ที่ได้รับทราบถึงความตั้งใจของอารีและเพื่อนๆ นั้นเขาหนักใจมาก
"เรามองว่ามันยาก ปีนี้ถึงปีหน้าใครลงทุนทำอะไรมันเจ๊งง่าย เพราะเศรษฐกิจแย่ที่สุด
แต่พวกเขาก็เชื่อว่าเขาทำได้ เพราะเขามีวิธีใหม่ๆ ที่เชื่อว่าทำแล้วจะสำเร็จ
ก็ต้องให้พวกเขาลองดู"
ซึ่งสำหรับลีแล้วก็น่าจะหนักใจอยู่หรอก เพราะนิวเอร่านอกจากจะเกิดขึ้นมาในช่วงปีที่เศรษฐกิจเลวร้ายมากๆ แล้ว
ก็ยังจับสินค้าที่ยักษ์ใหญ่อย่างฟอร์ดมอเตอร์ประเทศไทย และแองโกล-ไทยมอเตอร์เคยล้มเหลวมาแล้วด้วย
สำหรับนิวเอร่าล่ะ…พวกเขามีความหนักใจหรือไม่?
"หลังจากที่เราศึกษาตลาดและการบริหารงานของแองโกล-ไทยมอเตอร์ในอดีตแล้ว
เราไม่รู้สึกหนักใจเลย เรายิ่งเชื่อมั่นขึ้นด้วยซ้ำ" ผู้บริหารคนหนึ่งของนิวเอร่าเปิดเผยถึงความรู้สึก
กลุ่มนิวเอร่ามีทัศนะ 3 ด้านที่เป็นด้านหลักๆในเรื่องนี้ คือ
หนึ่ง-พวกเขามีความเห็นว่ารถฟอร์ดเป็นรถที่มีคุณภาพ ไม่แพ้รถยี่ห้ออื่นๆ
โดยเฉพาะรถญี่ปุ่นซึ่งครองตลาดอยู่ในปัจจุบัน ฟอร์ดมีการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
และปัจจุบันฟอร์ดได้ใช้เทคโนโลยีหลายๆ ด้านตลอดจนชิ้นส่วนสำคัญๆ จากโรงงานของมาสด้าในประเทศญี่ปุ่นอันเป็นผลมาจากการที่ฟอร์ดเข้าไปถือหุ้นอยู่
25 เปอร์เซ็นต์ในมาสด้า
"คุณลองไปดูได้เลยไม่ว่าในมาเลเซีย สิงคโปร์ ยอดขายของฟอร์ดมาที่ 3
ในออสเตรเลียมาเป็นที่ 1 เพราะฉะนั้นผมว่าฟอร์ดเป็นรถที่มีอนาคตดีมาก"
คนของนิวเอร่ายืนยันด้วยน้ำเสียงแข็งขัน
สอง-พวกเขาเชื่อว่า สาเหตุแห่งความล้มเหลวของรถฟอร์ดในประเทศไทยที่ผ่านๆ มานั้น
ไม่ใช่เกิดจากตัวสินค้า หากแต่เกิดจากความผิดพลาดด้านนโยบายการบริหารของผู้แทนจำหน่ายที่รับผิดชอบเสียมากกว่า
"เราพบว่าแองโกล-ไทยมอเตอร์ ได้ทำผิดพลาดหลายอย่าง เช่น เขาโฆษณาประชาสัมพันธ์น้อยมาก
คนทั่วไปยังคิดว่าฟอร์ดเป็นรถอังกฤษหรือออสเตรเลียเหมือนเดิม ภาพลักษณ์ไม่ดี
และเขาไม่พยายามอธิบายให้คนทราบถึงพัฒนาการของฟอร์ด หรือพยายามเปลี่ยนทัศนคติที่ไม่ดีที่คนมีต่อรถฟอร์ด
นอกจากนั้นเขาก็ยังดำเนินนโยบายที่ทำให้รถฟอร์ดมือสองราคาตกอย่างมากๆ คนก็เลยกลัวไม่อยากซื้อ
เพราะขืนซื้อไปเวลาขายเป็นรถมือสองจะไม่ได้ราคาดี เราก็เชื่อว่าถ้าเราแก้ข้อผิดพลาดเหล่านี้ได้เราก็มีโอกาสที่ดีขึ้นได้"
และสาม-ต่อคู่แข่งในตลาดโดยเฉพาะบรรดาเจ้ายุทธจักรรถญี่ปุ่นที่ครองตลาดอยู่นั้น
นิวเอร่ามีความเห็นว่าหลายปีที่เศรษฐกิจไม่ดีนี้ ทุกรายต้องเหนื่อยเหมือนๆ กัน
ไม่ว่าจะเป็นยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้ามอเตอร์ประเทศไทย หรือสยามกลการที่ขายนิสสัน
และเฉพาะอย่างยิ่งกับรถญี่ปุ่นยี่ห้อนอกเหนือจากโตโยต้าและนิสสันนั้นก็ต้องเหนื่อยอย่างสาหัสทีเดียว
"มันก็เหมือนกับเขาได้วิ่งมาจนเกือบจะล้าแล้ว เพราะความที่วิ่งมานานส่วนพวกเรานั้นเพิ่งจะออกวิ่งเรายังกระชุ่มกระชวยอยู่
เราก็มีข้อได้เปรียบพวกเขาอยู่ เรื่องการแข่งขันจึงเป็นเรื่องที่เราไม่ค่อยหนักใจมากเท่าไหร่"
อารี สันติพงศ์ไชย พูดเปรียบเทียบให้ฟัง
จากการมองปัญหาทั้ง 3 ด้านนี้ก็เลยทำให้นิวเอร่ามั่นใจในตัวเองเป็นพิเศษซึ่งก็น่าจะต้องเป็นเช่นนั้น
และคงไม่จำเป็นจะต้องรีรออีกต่อไป
ในเดือนมกราคม 2529 นี้ รถฟอร์ดคูเรียร์ซึ่งเป็นรถปิกอัพก็จะออกสู่ตลาดเป็นรุ่นแรก
โดยวันที่ 15 จะเป็นวันดีเดย์
จากนั้นรถฟอร์ดรุ่นเลเซอร์และเทลสตาร์ซึ่งปรับปรุงรูปโฉมใหม่หมดก็จะออกตามๆ กันมาในราวเดือนเมษายน
2529
รถฟอร์ดทั้ง 3 รุ่นนี้นิวเอร่าตั้งเป้าหมายว่าจะในปี 2529 จะประกอบออกมาจากโรงงานกรรณสูตทั้งหมด
4,000 คัน ซึ่งครึ่งหนึ่งจะเป็นรถฟอร์ดคูเรียร์
หรือพูดกันง่ายๆ ก็คือนิวเอร่าได้ตั้งเป้าหมายที่จะเข้าไปมีส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถปิกอัพประมาณ
6-7 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้านี้นั่นเอง
"ด้านการขายนั้นเราจะตั้งตัวแทนจำหน่ายในกรุงเทพฯ 4-5 ราย มีโชว์รูม
1 แห่ง ส่วนในต่างจังหวัดเราจะตั้งขึ้นทั้งหมด 23 ราย" ผู้บริหารนิวเอร่าเปิดเผยกับ
"ผู้จัดการ"
เป้าหมายเหล่านี้จะบรรลุผลหรือไม่นั้นคงต้องติดตามเฝ้าดูกันต่อไป