เฮนรี่ คิสซินเจอร์ มาเป็นที่ปรึกษาธุรกิจที่แพงที่สุดในโลก


นิตยสารผู้จัดการ( มีนาคม 2529)



กลับสู่หน้าหลัก

เอ่ยชื่อ เฮนรี่ คิสซินเจอร์ (HENRY KISSINGER) แม้คนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาก็ยังต้องร้องว่า "คุ้นหู"

เมื่อหลายสิบปีก่อน เขาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ที่ผู้นำประเทศต่างๆ ทั่วโลกไว้วางใจ ขอรับคำแนะนำทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองจากเขา เฮนรี่ คิสซินเจอร์ผ่านประสบการณ์บนเวทีการเมืองมาอย่างโชกโชน ทั้งด้านการเจรจาตกลงกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศต่างๆ และการคบหาสมาคมกับบุคคลสำคัญระดับโลก

ปัจจุบัน เฮนรี่ คิสซินเจอร์ วัย 62 ปี กำลังขายประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมาตลอดระยะเวลายาวนาน โดยการตั้งบริษัทที่ปรึกษาของตนเองที่นิวยอร์ก บริษัทคิสซินเจอร์ตั้งมาได้ 3 ปีแล้ว ปีแรกมีรายได้ 4 ล้านเหรียญ และรายได้นี้เพิ่มขึ้นปีละ 35%

"เราทำหน้าที่คล้ายกับกระทรวงเล็ก ๆ กระทรวงหนึ่งของรัฐ ลูกค้าของเราบางคนต้องการทราบสถานการณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และโซเวียตในอนาคต นอกจากการให้คำแนะนำทำนองนี้แล้ว เรายังรับวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจของโลกอีกด้วย"

ลอเรนซ์ เอส. อีเกิ้ลเบอร์เกอร์ (LAWRENCE S. EAGLEBURGER) อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ร่วมงานคนหนึ่งของบริษัทคิสซินเจอร์ กล่าวถึงงานของบริษัทด้วยความภาคภูมิใจ

นอกจากนี้บริษัทที่ปรึกษาของคิสซินเจอร์ยังให้บริการหลายคน เช่น หากต้องการเลิกลงทุนในประเทศที่มีความผันผวนทางการเมืองอยู่ตลอดเวลา หรือหากมีสินค้าที่ต้องการแลกเปลี่ยนหรืออยากทราบว่าประเทศคอมมิวนิสต์ประเทศใดที่มีความเสี่ยงในการลงทุนน้อยที่สุด ทีมงานของบริษัทคิสซินเจอร์ซึ่งประกอบด้วยบุคลากรที่มีความสามารถสูง จะเป็นผู้ให้คำตอบและคำแนะนำแก่ลูกค้าได้อย่างดี เพราะล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลระดับหัวกะทิทั้งสิ้น นายอีเกิ้ลเบอร์เกอร์ (EAGLEBURGER) นั้นเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ของคิสซินเจอร์ เช่นเดียวกับ BRENT SCOWCROFT

ทั้ง EAGLEBURGER, SCOWCROFT และอลัน สโตกา (ALANSTOGA) ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์เป็นกำลังสำคัญของบริษัท และบริษัทนี้สร้างความร่ำรวยให้เฮนรี่ คิสซินเจอร์อย่างมากมาย ทำให้ชีวิตของอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมดาๆ ซึ่งได้มีโอกาสไต่เต้าก้าวไปสู่ตำแหน่งสำคัญระดับชาติอย่างคิสซินเจอร์ กลายเป็นมหาเศรษฐีจากการขายสติปัญญาและประสบการณ์ที่สั่งสมมา

บริษัทคิสซินเจอร์ ได้รับความสนใจจากวงการธุรกิจทั่วไป แม้กระทั่งผู้นำของบริษัทใหญ่ ๆ อย่างบริษัท H.J.HEINZ, แอตแลนติก ริชฟิลด์ (ATLANTIC RICHFIELD), เฟียต (FIAT) และวอลโว่ (VOLVO) ต่างก็เคยโทรศัพท์เข้ามาใช้บริการของคิสซินเจอร์ทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม บางครั้งบริษัทคิสซินเจอร์และตัวคิสซินเจอร์เองก็ตกเป็นเป้าของการโจมตี บริษัทคู่แข่งกล่าวหาว่าเขาไม่มีแหล่งอำนาจที่แท้จริง และบริษัทของเขามีความเข้าใจด้านนโยบายต่างประเทศไม่คุ้มกับค่าบริการซึ่งแพงลิบลิ่ว แต่ถึงกระนั้น คนส่วนใหญ่ก็ยังศรัทธาในประสบการณ์จากอดีตอันรุ่งโรจน์ของเขาที่เคยพบปะกับคนใหญ่ๆ โต ๆ ทั่วโลก นับตั้งแต่สมัยประจำอยู่ที่วอชิงตัน

ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว ผู้ที่คิสซินเจอร์สนิทสนมด้วยเป็นพิเศษต่างก็อยู่ในสภาพไม้ใกล้ฝั่งแล้วทั้งนั้น เช่น เดวิด ร็อกกี้เฟลเลอร์ (DAVID ROCKEFELIER) ซึ่งปลดเกษียณแล้ว เติ้ง เสียว ผิง (DENG XIAOPING) ผู้นำชาวจีนวัย 81 ปี มีหลายรายที่เสียชีวิตแล้ว เช่น อันวอร์ ซาดัท (ANWAR SADAT) และพระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน แต่ตราบเท่าที่คนส่วนใหญ่ที่เขารู้จักยังมีอำนาจอยู่ ธุรกิจของบริษัทคิสซินเจอร์ก็ยังดำเนินไปด้วยดี

แอนโทนี่ โอ ไรลี (ANTHONY O'REILLY) แห่งบริษัท เอช.เจ.ไฮน์ (H.J. HEINZ) กล่าวว่า

"คิสซินเจอร์มีความสัมพันธ์อันดีกับจีน ใครอยากค้าขายกับจีนติดต่อกับเขารับรองไม่ผิดหวัง"

และบริษัท เอช.เจ.ไฮน์ ก็เป็นลูกค้าของบริษัท คิสซินเจอร์ก่อนที่จะข้าไปลงทุนทำธุรกิจในจีนเมื่อ 2 ปีก่อน

บริษัทที่รู้จักกันแพร่หลายในบ้านเรา คือ อเมริกันเอ็กซ์เพรส (AMERICAN EXPRESS CO.) ก็เป็นลูกค้าของคิสซินเจอร์มาก่อน โดยได้ตัดสินใจขยายธุรกิจลงมาทางเอเชีย โดยมุ่งลงไปที่ญี่ปุ่นและจีน ตัวกรรมการผู้จัดการคือ เจมส์ โรบินสัน (JAMES ROBINSON) ก็ได้ไปปรึกษากับคิสซินเจอร์เช่นกัน

เพื่อความเหมาะสมบางประการคิสซินเจอร์อาสาจัดประชุมที่ฮ่องกงโดยเชิญ หวาง กวง หยิง (WANG GUANGYING) ประธานกรรมการบริษัท CHIAN EVERBRIGHT HOLDINGS LTD. ซึ่งเป็นนายทุนคอมมิวนิสต์ที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในฮ่องกง ต่อมาโรบินสันและคิสซินเจอร์ ก็บินไปญี่ปุ่นและปักกิ่งด้วยเครื่องบินส่วนตัวของบริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรส พร้อมด้วยผู้ติดตาม 4 คน คือ บอดี้การ์ดของคิสซินเจอร์และผู้ช่วยของโรบินสันทั้งบอดี้การ์ดและผู้ช่วยต่างก็หอบหิ้วเอาภรรยาของตนไปด้วย

ที่ญี่ปุ่น คิสซินเจอร์จัดให้โรบินสันได้ประชุมพบปะกับพรรคการเมืองลิเบอร์รัล เดโมเครติก และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลบางคน จากนั้นจึงบินมาฮ่องกง โรบินสันได้พบปะกับนายหวางนี่แหละเป็นคำตอบว่าทำไมบริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรส หรือบริษัทอื่นๆ จึงต้องยอมจ่ายเงินค่าปรึกษาราคาแพงให้กับบริษัทคิสซินเจอร์ เพราะบริษัทนี้สามารถจัดสรรโอกาสงามๆ ในการพบปะกับบุคคลชั้นนำในระดับสูงของธุรกิจที่ต้องการติดต่อเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานอย่างที่บริษัทที่ปรึกษาอื่น ๆ ไม่สามารถจัดให้ได้

ความปราดเปรื่องของคิสซินเจอร์ถูกใช้ให้เป็นประโยชน์แก่สังคมในโอกาสต่าง ๆ เช่น เมื่อเกิดความวุ่นวายในตะวันออกกลาง ในเวียดนาม จีน และชิลี คิสซินเจอร์ได้ใช้สติปัญญาของเขาเข้าบรรเทาความรุนแรงโดยการเป็นที่ปรึกษาของผู้นำประเทศต่าง ๆ ในฐานะที่เขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศพี่เบิ้มอย่างอเมริกา ในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยกรณีความขัดแย้งระหว่างประเทศ คิสซินเจอร์ได้ทำหน้าที่เป็นกลางอย่างดีที่สุด ถึงกระนั้นหลังจากกรณีพิพาทสงบแล้ว แต่ละประเทศในค่ายสังคมนิยมและประเทศในโลกเสรีต่างก็พากันไม่พอใจ หาว่าเขาลำเอียงเข้าข้างฝ่ายตรงข้าม ทั้ง ๆ ที่ต่างก็ยอมรับในความสามารถอันเป็นอัจฉริยะของเขา คนทั่วไปเลื่องลือชื่อเสียงของคิสซินเจอร์และเริ่มคุ้นหน้ากับเขาซึ่งปรากฏทางหน้าหนังสือพิพม์และจอทีวีบ่อย ๆ

นอกจากการให้บริการคำแนะนำในเชิงธุรกิจต่าง ๆ แล้ว บริษัทของคิสซินเจอร์ยังดำเนินการด้านนายหน้าหรือตัวแทนด้วย อีเกิ้ลเบอร์เกอร์ทีมงานคนสำคัญคนหนึ่ง กล่าวว่า

"ลูกค้าของเราจำนวนไม่น้อยต้องการเจรจาแบบตัวต่อตัวไม่ใช่นามของบริษัทหรือองค์กร เราก็ช่วยจัดการนัดหมายให้ตามความเหมาะสมและตรงตามความต้องการของลูกค้า"

ด้วยเหตุที่สามารถบันดาลให้ความต้องการของลูกค้าเป็นไปตามปรารถนาได้บ่อย ๆ ทำให้บริษัทที่ปรึกษาคิสซินเจอร์เป็นที่กล่าวขวัญของลูกค้าในวงการธุรกิจทั่วไป ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างก็พึ่งพาธุรกิจประสานงานของเขา ซึ่งนับวันมีแต่จะขยายวงกว้างออกไป เนื่องจากนอกจากจะมีบริการที่ดีแล้ว บริษัทนี้ยังรักษาความลับของลูกค้าเป็นอย่างดีอีกด้วย โดยมีการระบุไว้ในสัญญาเลยว่าธุรกิจทุกอย่างที่ทำให้กับลูกค้าทั้งสองฝ่ายจะต้องเก็บความลับ โดยทั้งคู่จะระบุไว้ว่าจะปฏิเสธไม่ยอมรับว่าได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน

เหตุที่บริษัทคิสซินเจอร์เติบโตได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 2-3 ปี เพราะตัวคิสซินเจอร์นอกจากจะเป็นผู้กว้างขวางทางการเมืองแล้ว เขายังเป็นนักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ที่ใคร ๆ ก็ยกย่องให้เกียรติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้โยงใยเข้ากับการดำเนินงานบริษัทของเขาได้อย่างเหมาะเจาะ ลูกค้าของบริษัทของเขาได้อย่างเหมาะเจาะ ลูกค้าของบริษัทได้โอกาสพิเศษที่ไม่อาจหาได้ในบริษัทที่ปรึกษาอื่น ๆ เช่น เมื่อมีปัญหาด้านการลงทุน บริษัทคิสซินเจอร์ก็จะส่งไปพบกับธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อ เชียร์สัน เลห์แมน (SHEARSON LEHMAN) ซึ่งเป็นฝ่ายการธนาคารเพื่อการลงทุน สังกัดในบริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรส ซึ่งเป็นสถาบันที่มีความสนิทสนมกับคิสซินเจอร์เป็นพิเศษ เพราะนอกจากบริษัทคิสซินเจอร์จะเป็นตัวแทนด้านการตลาดให้กับบริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรสแล้ว ตัวคิสซินเจอร์เองยังเป็นสมาชิกในคณะกรรมการบริหารของบริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรส และเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวฝ่ายต่างประเทศของประธานกรรมการบริษัทแห่งนั้นอีกด้วย

บริษัทคิสซินเจอร์มีเจ้าของเพียงคนเดียวคือตัวเขา ทุกคนในบริษัทเป็นลูกจ้างที่มีเงินเดือนประจำและมีโบนัสจากผลกำไรในตอนสิ้นปี ในปีที่บริษัทมีรายได้ดี คนงานระดับเลขาฯ อาจได้โบนัสมากกว่าเงินเดือน 25% ส่วนผู้ร่วมทีมงานทั่วไปมักจะได้โบนัสมากกว่าเงินเดือน 25% ยืนพื้นอยู่แล้ว ส่วนผู้ร่วมทีมงานทั่วไปมักจะได้โบนัสมากกว่าเงินเดือน 25% ยืนพื้นอยู่แล้ว และเท่าที่ผ่านมาโบนัสของทุกปีมากกว่าเงินเดือน แต่รายได้ค่าตอบแทนของฝ่ายบริหารของคิสซินเจอร์ยังได้น้อยกว่าฝ่ายบริหารของธนาคารหลายแห่ง

บริการของบริษัทคิสซินเจอร์เหมาะสมสำหรับบริษัทที่กรรมการผู้จัดการขาดประสบการณ์ด้านต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็จำเป็นสำหรับบริษัทที่กรรมการผู้จัดการมีความต้องการในศักดิ์ศรี เพราะบริษัทคิสซินเจอร์สามารถช่วยให้ภาพพจน์ของบริษัทที่เป็นลูกค้าดีขึ้นในวงการระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม บริษัทคู่แข่งบางบริษัทก็ยังโจมตีว่า บริษัทคิสซินเจอร์ไม่มีน้ำยาเท่าไหร่ อย่างดีก็ได้แต่แค่ให้คำแนะนำเบื้องต้นซึ่งบริษัทไหนๆ ก็ทำได้ ที่ดีขึ้นมาอีกนิดก็แค่เป็นตัวประสานโดยอาศัยยี่ห้อคิสซินเจอร์เท่านั้นมิหนำซ้ำยังแพงจนหูฉี่

คำกล่าวหานี้ทำให้คิสซินเจอร์โกรธมาก เขาตอบโต้ว่า ถ้าต้องการเพียงขายยี่ห้อโดยไม่มีฝีมือ เขาคงรับข้อเสนอของธนาคารหรือนักลงทุนทั้งหลายตั้งแต่ตอนที่เกษียณมาใหม่ ๆ เพราะตอนนั้นมีแหล่งเงินทุนหลายรายที่ต้องการให้เขาไปร่วมงานด้วย แต่เขาสนใจที่จะดำเนินกิจการของบริษัทด้วยความสามารถของตนเองมากกว่า แม้กระทั่งบริษัทเงินทุนหรือธนาคารบางแห่งจะมาติดสินบนให้แนะนำลูกค้าให้ไปร่วมลงทุนด้วย บริษัทคิสซินเจอร์ก็ยังไม่ยอมรับเงื่อนไขที่ได้ประโยชน์นั้น ๆ เพระถือว่าผลประโยชน์ของลูกค้าคือบริการของบริษัท

แต่การที่คิสซินเจอร์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้นำของประเทศต่าง ๆ บางครั้งก็มีผลในทางลบต่อบริษัทของเขาเพราะทำให้เกิดคำถามเสมอว่า คิสซินเจอร์กับบริษัทของเขากำลังทำงานให้ใครกันแน่? ตัวอย่างที่เห็นชัดได้แก่การที่คิสซินเจอร์เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอาหารมื้อกลางวันให้แก่บรรดานายธนาคาร เมื่อครั้งเกิดวิกฤตการณ์ด้านการธนาคารของประเทศในโลกที่สามในปี 1984 คิสซินเจอร์ออกตัวว่า เขาได้รับการขอร้องจากชาวอาร์เจนตินาให้มาช่วยชี้แจงปัญหาต่าง ๆ ทางการเมืองให้แก่บรรดานายธนาคารแทนท่านประธานาธิบดี แต่ถึงเขาจะชี้แจงอย่างแข็งขันว่าเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงทั้งหมดโดยไม่คิดค่าตอบแทน เพราะถือว่าเป็นบริการเพื่อสาธารณะ แต่นายธนาคารทั้งกลุ่มก็ยังคลางแคลงใจว่าคิสซินเจอร์กำลังทำตัวเป็นผู้รับใช้รัฐบาลอาร์เจนตินา

ถึงอย่างนั้น งานเลี้ยงครั้งนั้นก็นับว่าไม่เสียเปล่า อย่างน้อยการที่คิสซินเจอร์สามารถคัดเลือกนายธนาคารระดับหัวกะทิมาร่วมงานได้ก็แสดงว่าเขามีบารมีพอตัว เรื่องนี้ประธานาธิบดีแห่งอาร์เจนตินาพอใจมาก

แต่การทำงานของคิสซินเจอร์ ก็ใช่ว่าจะสามารถประสบความสำเร็จอย่างราบรื่นเสมอไป บางครั้งก็หืดขึ้นคอเหมือนกัน อย่างคราวที่เขาจัดให้นายโรบินสัน ผู้จัดการของบริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรส พบปะกับผู้นำของพรรคการเมืองต่าง ๆ ของญี่ปุ่น หลายคนคลางแคลงใจในเจตนาของคิสซินเจอร์ถึงกับมีการอภิปรายถึงสถานภาพทางการเมืองของเขา แต่ในที่สุด ความพยายามของคิสซินเจอร์ก็เป็นผลสำเร็จอีกเช่นเคย นั่นเป็นเครื่องแสดงว่า ชื่อเสียงและเกียรติคุณของเขายังมีอำนาจทางการเมืองอยู่พอสมควร เรื่องนี้เป็นที่ยอมรับในวงธุรกิจ

เมื่อเร็ว ๆ นี้เจ้าของบริษัทในสวีเดนซึ่งมาติดต่อขอศึกษาข้อเท็จจริงจากกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ในการส่งออกสินค้าประเภทไฮ-เทค (HIGH-TECH) ก็ยังได้รับคำแนะนำว่าทางที่ดีถ้าอยากให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างราบรื่นล่ะก้อ ควรจะขอคำแนะนำจากบริษัทคิสซินเจอร์

เมื่อเร็ว ๆ นี้ คิสซินเจอร์ได้รับเชิญเป็นนักวิเคราะห์วิจารณ์เหตุการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการประชุมสุดยอดให้แก่สำนักข่าวเอบีซี การปรากฏตัวทางทีวีของเขาครั้งนี้ เท่ากับเป็นการย้ำถึงบทบาททางการเมืองที่ยังมิได้ถูกลบล้างลงไปเลย ซึ่งมันก็ส่งผลให้ฐานะในวงการธุรกิจของเขามั่นคงยิ่งขึ้นอีก

ขณะนี้คิสซินเจอร์มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างบริษัทที่ปรึกษาของเขาให้มีรากฐานมั่นคงเพื่อที่จะพึ่งตัวเองได้สามารถยืนหยัดอยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยตัวบุคคล

"ผมอยากให้ลูกค้าของเราพึงพอใจและเชื่อถือในระบบงานของบริษัทโดยไม่ติดข้องกับตัวบุคคล เพื่อผมจะได้มั่นใจว่า เมื่อผมรามือแล้ว บริษัทก็สามารถอยู่รอดต่อไปได้"

ความหวังของคิสซินเจอร์ เป็นสิ่งที่เวลาเท่านั้นจะบอกได้ว่ามันเป็นจริงได้สักกี่เปอร์เซ็นต์



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.