เซ็นทรัล "ขอบคุณ" ปาร์ตี้เสียงหัวเราะที่เปล่งจากใจ (อันขมขื่น)


นิตยสารผู้จัดการ( มีนาคม 2529)



กลับสู่หน้าหลัก

วันนั้นวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2529 เวลาตั้งแต่ 6 โมงเย็นไปยัน 5 ทุ่มเศษ ๆ

สถานที่-คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลพลาซา ที่ต้องเปิดเต็มทุกตารางนิ้ว

งาน-ชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ "THANKS" ...ก็งานเลี้ยงขอบคุณกันนั่นแหละ

แขก-ร้อยละเกือบร้อยเป็นตัวแทนเจ้าของสินค้าหลากหลายชนิดที่จำหน่ายในประเทศไทย รวมทั้งผู้สื่อข่าวอีกกระเส็นกระสายซึ่งบรรดาตัวแทนเจ้าของสินค้านั้นก็เป็น "ซัปพลายเออร์" ของเจ้าภาพ รวมจำนวนแขกทั้งหมดคงกว่า 2,000 คนไม่มาก

เจ้าภาพ-ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล

"วันนี้เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่เราควรบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ เพราะเป็นครั้งแรกของการชุมนุมซัปพลายเออร์ซึ่งถ้านับยอดขายรวมกันทุกซัปพลายเออร์แล้วคงไม่ต่ำกว่า 136,000 ล้านบาท เป็นการชุมนุมเจ้าของกิจการที่มีการสร้างงานถึง 175,300 คน และเป็นการชุมนุมผู้ผลิตสินค้าและผู้แทนจำหน่ายสินค้า 11,453 ชนิด เป็นสินค้าชั้นดีทุกชนิดในเมืองไทย" ภายหลังจากแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันเข้านั่งประจำโต๊ะและดนตรีบรรเลงขับกล่อมไปได้แล้วพักใหญ่ ๆ วันชัย จิราธิวัฒน์ รองประธานของห้างเซ็นทรัลก็ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ประกาศความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของงาน ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติหลายระดับที่ก็คงอดภูมิอกภูมิใจตามเจ้าภาพไปด้วยไม่ได้

ที่ว่าแขกผู้มีเกียรติหลายระดับ ก็ไม่ใช่จะเขียนเล่นสำบัดสำนวนแต่ประการใด

เนื่องจากก็มีหลายระดับจริง ๆ

กลุ่มแขกผู้มีเกียรติระดับวีไอพี อาทิ ท่านกรรมการผู้จัดการธนาคารนครหลวงไทย-ดิลก มหาดำรงค์กุล หรือ "นักธุรกิจดีเด่นแห่งปี" คนล่าสุด-สุมิตร เลิศสุมิตรกุล (เจ้าของศรีไทยซุปเปอร์แวร์) และอีกมาก ๆ ท่านเป็นต้นนั้น เจ้าภาพจัดให้นั่งที่โต๊ะปูผ้าแดงเถือกบริเวณด้านหน้าตรงกึ่งกลางของเวทีขนาดใหญ่ ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 6 โต๊ะ

นอกนั้นก็เป็นแขกระดับทั่วไป นั่งโต๊ะปูผ้าขาวธรรมดา ๆ

ก็เห็นจะต้องบอกว่าเป็นงานที่เจ้าภาพจัดการต้อนรับขับสู้ได้ไม่มีที่ติ อาหาร (บุฟเฟ่ต์) อร่อย จากโรงแรมไฮแอทเซ็นทรัลฯ มีให้เลือกอย่างพอเพียง รายการขับกล่อมย่อยอาหารทั้งดนตรีนักร้อง (สาธิยา ศิลาเกษ กรองทอง ทัศนพันธ์ สุดา ชื่นบาน ลินจง บุนนากรินทร์ และนันทิดา แก้วบัวสาย ที่มาขับกล่อมปิดรายการพร้อม ๆ กับแขกแย่งกันกลับเนื่องจากค่อนข้างดึกแล้ว) และรายการพิเศษของคณะ "ซูโม่สำอาง" เจ้าของรายการเพชฌฆาตความเครียดก็ไม่มีสิ่งที่จะต้องติอีกเช่นกัน

ส่วนสไลด์มัลติวิชั่นโชว์ ฝีมือชัชวาล ฮวดหลี กับทีมงานโฆษณาของเซ็นทรัลร่วมกับบริษัทโกดัก ภายใต้ชื่อ "ประสานมือคือการก้าวไป" ซึ่งสอดคล้องกับสโลแกนของงานคือ "ประสานมือ ประสานใจ" นั้น ก็แสดงถึงพัฒนาการของห้างเซ็นทรัลได้อย่างกระชับและตื่นตาตื่นใจพอสมควร

เทียบกับงบที่ใช้เพียง 3-4 หมื่นบาทแล้วก็สมควรต้องปรบมือให้ด้วยซ้ำ (ใช้ภาพสไลด์สื่อความหมายทั้งหมด 170 ภาพ เครื่องฉาย 2 เครื่อง เวลาฉายทั้งสิ้น 17 นาที)

คืนนั้นไม่มีใครเห็นสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ รวมทั้งสามีของอดีตนางงามจักรวาลคนนั้นด้วย

แต่กรณีสัมฤทธิ์ก็หมดข้อข้องใจไป "เผอิญท่านต้องไปเยี่ยมน้องชายคนที่สาม คุณสุทธิพร ซึ่งผ่าตัดหัวใจอยู่ที่สหรัฐฯ พยายามจะเดินทางกลับมาให้ทันงานอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อบ่ายนี้เองท่านโทรศัพท์ทางไกลมาว่าคงกลับไม่ทันแล้ว ผมจึงต้องขึ้นมากล่าวแทนท่านประธาน..." วันชัย จิราธิวัฒน์ ช่วยคลี่คลายให้หายสงสัย

สำหรับกรณีอื่น ๆ ไม่เห็นมีการกล่าวถึง

ส่วน "จิราธิวัฒน์" นอกเหนือจาก 2 ท่านนั้นแล้ว ก็ดูเหมือนจะมากันพร้อมหน้าพร้อมตาโดยเฉพาะ "แม่งาน" อย่างสุทธิธรรมกับสุทธิชัย จิราธิวัฒน์ พิธีกรประจำงาน-ประภัทร ศรลัมพ์ ก็กล่าวเชิดชูศักดิ์ศรีอยู่หลายครั้งจนต้องตั้งข้อสังเกต

จะเป็นแผน "โปรโมต" ใครขึ้นมาแทนใครหรือเปล่าก็ไม่ทราบ

เห็นผู้สันทัดกรณีหลายคนบอกว่าถ้าอยากรู้ให้หาบทสัมภาษณ์ครั้งล่าสุดของสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ในหนังสือแนวธุรกิจฉบับหนึ่งมาอ่าน

"คุณสัมฤทธิ์พูดไว้ชัดเจนโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับน้องชายคนหนึ่งที่เพิ่งจะได้คู่ครองระดับจักรวาลมาเคียงหมอนว่า คุณสัมฤทธิ์รู้สึกอย่างไรและจะจัดการอย่างไรต่อไป..." ผู้สันทัดกรณีคนหนึ่งพูดให้ฟัง

แต่นั่นก็ข้ามไปเถอะ เข้าสู่จุดสุดยอดของงานคืนนั้นกันดีกว่า

จุดสุดยอดของงานนั้นอยู่ในเนื้อหาตอนหนึ่งของ "สปีช" ที่วันชัย จิราธิวัฒน์ ขึ้นมากล่าวต่อบรรดาตัวแทนซัปพลายเออร์แทนสัมฤทธิ์

เป็นเนื้อหาเพียงประโยคสั้น ๆ แต่ก็เรียกเสียงฮาจากผู้ฟังได้อย่างสะใจที่สุด อาจจะตลอดปีมานี้เพิ่งจะได้หัวเราะออกก็เมื่อได้ยินประโยคนี้แหละ

"...ขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยประกาศความเกรียงไกรในยุทธจักรห้างสรรพสินค้าของเซ็นทรัล และขอบคุณล่วงหน้าเรื่องราคาสินค้าที่ท่านจะไม่ขึ้นราคาอีกเลยในปีนี้ (มีเสียงหัวเราะเบาๆ)... ขอบคุณที่ทุกท่านให้ความร่วมมือเมื่อเรารับสินค้าช้า (เสียงหัวเราะดังขึ้น) และเมื่อเราจ่ายเช็คช้า (เสียงหัวเราะถูกระเบิดออกมาสุดขีด...ยาวเป็นพิเศษ)..."

ผู้สื่อข่าวจำนวนกระเส็นกระสายไม่มีเสียงหัวเราะออกมาสักแอะ

เสียงหัวเราะกลับมาจากโต๊ะซัปพลายเออร์ผู้ซึมซับความหมายได้อย่างลุ่มลึกที่สุด

ใน 365 วัน ที่ "ธุรกิจคือธุรกิจ" ห้างเซ็นทรัลกับบรรดาซัปพลายเออร์ได้มีโอกาส "ประสานมือ ประสานใจ" กันในฐานะเพื่อนผู้ร่วมชะตากรรมทางเศรษฐกิจ ก็คงจะทำให้ 1 วันใน 365 วันนั้นแช่มชื่นขึ้นมาบ้าง

เพื่อที่อย่างน้อยก็จะได้นำความแช่มชื่นของคืนนี้ไปช่วยถ่วงน้ำหนักความเคร่งเครียดอีก 364 วันข้างหน้า

และกลับมาพบกันด้วยบรรยากาศเช่นเดิมแบบคืนนี้อีกครั้ง...ปีหน้า

ถ้าประเทศไทยไม่ล่มจมไปเสียก่อน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.