ความขัดแย้งในแบงก์แหลมทองเกิดจากความขัดแย้งในครอบครัว? สุระ จันทร์ศรีชวาลา ได้หุ้นแหลมทองล็อตใหญ่ล็อตแรกอย่างไร?


นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2529)



กลับสู่หน้าหลัก

สมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์

มีเสียงพูดกันมากว่าปัญหาแบงก์แหลมทองมันเริ่มจากปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัว?

พวกคุณคงได้ยินข่าวที่ไม่จริงอยู่ตลอดเวลา เอะอะก็อ้างว่ามีเหตุในครอบครัว...เขาจะมาช่วยอย่างโน้นอย่างนี้ ความจริงแม้แต่ตอนพี่ชายผมเสียก็ไม่มีความขัดแย้ง ผมเป็นผู้จัดการแบงก์มา...นี่ก็ 11 ปีแล้ว และหลานผมเสียไปจนครบ 4 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงตอนที่หลายชายผมเสียเราก็ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน อำนาจสิทธิ์ขาดอยู่ที่ผมเต็มที่และไม่มีใครมาอย่างโน้นอย่างนี้กับผม

แต่หลังจากเหน่ง (อภิวัฒน์ นันทาภิวัฒน์) เสียแล้วมันถึงเริ่มมีความขัดแย้ง (ขณะที่พูดถึงเหน่งเห็นได้ชัดว่าอาลัยมาก) มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเสียใจ คือว่าผมหวังดีต่อพี่สะใภ้ของผม เขามีตำแหน่งเป็นแคชเชียร์...สามีเขาเสียไปเขาก็เศร้าโศกพออยู่แล้ว ลูกชายเขาเสียไปอีกคน ผมก็คิดว่าแกเหงา...ผมก็ไปหาคนที่ชื่อ ชัชวาล อภิบาลศรี มาแทนตำแหน่งของลูกเขาหรือหลานชายผม ซึ่งคนคนนี้ตอนที่ผมทาบทามจะเอาเข้ามาก็มีคนทัดทานไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่าเคยทำให้ธนาคารเอเชียมีอุปสรรคมาแล้ว

ใครฝากฝังเข้ามา?

ไม่มีใครฝากฝัง...เป็นความคิดของผมเอง ผมเห็นว่าเขาสนิทกับหลานชายผม ผมก็บอกว่าขอมาช่วยผมหน่อยได้ไหม เขาก็เอา...ผมก็เห็นว่าจะได้มาเป็นเพื่อนพี่สะใภ้ผม แต่เขาเป็นคนพูดคุยเก่ง...พี่สะใภ้ผมก็เชื่อเขาเยอะ

จุดที่ทำให้เกิดความขัดแย้งก็คือคุณชัชวาล?

ผมว่าคุณลงอย่างนั้นก็ไม่ถูก...พี่สะใภ้ผมแกเป็นผู้หญิง และอย่างว่าผู้หญิงก็เป็นคนใจอ่อน ก็เชื่อเวลาคนใกล้ชิดพูดจาอะไร ผมเองความจริงไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กับเข้าทั้ง ๆ ที่อยู่ในบริเวณชายคาเดียวกัน โอกาสที่จะเข้าไปพูดชี้แจงอะไรก็น้อย เขาเอาอกเอาใจกันอยู่เรื่อย...ก็เลยเชื่อไปตามสีสันของเขา ก็เริ่มไม่มีความพอใจ

แรก ๆ นี่ไม่พอใจใครก่อน ท่านหรือคุณอภิวัฒน์?

เดิมทีก็คงเป็นคุณอภิวัฒน์เพราะ...ก็...สะใภ้กับสะใภ้น่ะ...พูดกันง่าย ๆ เขาก็สะใภ้คนโต เมียของคุณอภิวัฒน์ก็สะใภ้ ก็เลยมีเรื่องมีราวอะไรกันบ้าง ซึ่งความเป็นจริงสมัยพี่ชายผมยังอยู่เขาไม่ฟัง

แสดงว่าเริ่มรอยร้าวมาตั้งแต่สมัยที่คุณไพศาลยังอยู่

ใช่...แต่พี่ไพศาลแกไม่ฟังเสียงภรรยาของแก แกเด็ดขาด หลังสิ้นคุณไพศาลก็ยังไม่มีอะไร แต่พอหลังสิ้นเหน่งก็มีคนไปพูดให้แกเขวว่าแกเหลืออยู่คนเดียว จะถูกอย่างโง้นอย่างงี้ แกก็เลยชักเขวไปใหญ่

เดิมทีคุณสุระก็ให้ความนับถือท่านมากทีเดียว

ผมพูดได้คำเดียว...คุณสุระเขาเป็นคนฉลาด แต่เขาเป็นคนฉลาดที่ทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ส่วนผมมีหลักการ ผมทำเพื่อส่วนรวม มันจะไปเข้ากันได้อย่างไร ตราบใดเขามาขอให้ผมช่วยเหลือ...ผมให้เขา...เขาก็ยกย่องผม กราบไหว้ผม แต่ถ้าเมื่อไหร่ผมไม่ให้เขา ..เขาก็ว่าผม

อย่างแบงก์นี่เมื่อก่อนตระกูลผมถืออยู่ 60 เปอร์เซ็นต์ เดี๋ยวนี้เหลือ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ผมก็ไม่เห็นเดือดร้อนอะไร เขา...เมื่อก่อนเขาไม่มีอะไรเลยในแบงก์

คุณเหน่งเป็นคนให้หุ้นเขาไปใช่ไหมครับ ?

เขาไปพูด...ไปลงหนังสือพิมพ์อย่างนั้น ซึ่งไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เมื่อตอนที่เหน่งเสียชีวิต...พี่สะใภ้ผม บอกให้ผมเป็นผู้จัดการมรดกของเหน่ง มอบหมายให้ผมหมด ผมไปขอให้คุณสรรเสริญ ซึ่งในฐานะที่เป็นพ่อตาเหน่งมาช่วยจัดการ เขาก็บอกว่าเรื่องนี้เป็นสิทธิ์ของนันทาภิวัฒน์ คุณก็ว่าไปคนเดียวเถอะ (คุณสรรเสริญ ไกรจิตติ อธิบดีศาลอุทธรณ์ในขณะนั้น)

ผมไปเปิดดูบัญชีนายเหน่ง เห็นมีใบหุ้นเป็นภูเขาเลากา ซึ่งเป็นหุ้นที่ผมให้เขาเป็นการส่วนตัว และหุ้นที่จัดให้เขาซื้อในราคาที่ผมมีส่วนที่จะได้...70,000 หุ้น แล้วก็มีส่วนที่เขาไปซื้อ...ไม่รู้...ทั้งหมดเขามีอยู่แสนกว่าหุ้น ผมก็สอบถามดู ปรากฏว่าส่วนหนึ่งเป็นของคุณหญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ 2 หมื่นเกือบ 3 หมื่นหุ้น ผมก็เลยเรียกเลขามาถามว่า เอ๊ะ... นี่เอามาจากไหนเพราะยังไม่ได้ใส่ชื่อ แต่โอนลอยเอาไว้ เลขาก็บอกว่าคุณเหน่งไปเอามา 2 วันก่อนหน้าที่จะเสีย

ผมก็ถามว่าเอาเงินที่ไหนจ่าย... มูลค่าตั้ง 10 กว่าล้านบาท เขาบอกว่าก็จ่ายเช็คผ่านมิดแลนด์... ผมก็ได้เรียกนายกุรดิษฐ์เข้ามาบอกเขาว่าขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็บอกว่าคุณเหน่งกับเขาตกลงเข้าหุ้นซื้อกันคนละครึ่ง ผมก็ซัก และรู้ว่าไม่เป็นความจริงเพราะเหน่งรักหุ้นของเขาจะตายไป เรื่องอะไรจะเข้าหุ้นกับคนอื่น

ผมก็ว่าอย่างนี้ดีกว่าคุณอย่าพูดเลยว่า คุณเหน่งเข้าหุ้นหรือไม่เข้าหุ้น...คุณเหน่งเป็นหนี้คุณอยู่เท่าไหร่ เขาก็บอกว่ามีประมาณ 18-19 ล้านบาท ผมก็ถามว่ามีอะไรบ้าง เขาก็บอกว่าเป็นค่าหุ้นบ้าง ไปเที่ยวฮ่องกงเท่าโน้น...ซื้อรถยนต์เท่านี้ ผมก็ถามว่าเขามีหลักฐานหรือเปล่า...เขาบอกว่าไม่มี

แล้ว...คุณ... ผมเป็นผู้จัดการแบงก์ ผมไม่เคยเอาอะไรจากใคร..จะให้ผมโกงเขาอย่างนั้นแหละ ผมไม่รู้ไม่ชี้ผมก็ทำได้ ผม...ก็...เอ...มาเช็กดูกับเลขาว่าไปเอาเงินจากมิดแลนด์มา 10 กว่าล้าน...ถามเขาไม่ค่อยรู้ ผมก็มาคิดว่าเดิมทีเหน่งเขาอยากได้หุ้นไว้แยะ ๆ เขาก็เคยบอกกับผม...เขาต้องการหุ้นไว้เพราะต่อไปเขาจะได้เป็นผู้จัดการเขาก็ต้องการหุ้นไว้สนับสนุน

ผมมาคิดว่าไหน ๆ เหน่งแกก็เสียไปแล้ว ลูกชายก็อายุ 3-4 ขวบในตอนนั้น...อีกกี่ปี... เหน่งจะไปมีทายาทที่ไหนผมก็เห็นแล้วว่าหุ้นมันตั้งแสนกว่าหุ้น ตอนนี้เรามีทุนอยู่ 50 ล้านบาท…ตอนที่เหน่งเสีย ก็เท่ากับ20 กว่าเปอร์เซ็นต์

แสดงว่าคุณเหน่งไปกว้านซื้อหุ้นโดยที่ไม่บอกให้ใครทราบ?

ส่วนหนึ่งผมก็รู้... มีประมาณ 30,000 หุ้นที่ไปซื้อคุณหญิงเลอศักดิ์มา...ราคาหุ้นละ 450 บาท นี่ผมมารู้ทีหลัง...ผมก็เรียกกุรดิษฐ์มา ก็บอกว่าเอา......ผมมีหุ้นอีกส่วนหนึ่งที่มีราคาถูกเอาไปผสมกับของเหน่งได้ 37,000 หุ้น...เฉลี่ยราคาออกมา 408 บาทต่อหุ้น เอาหุ้นไปแล้วหนี้สินหมดกัน ใคร ๆ ก็ว่าผมโง่ (มูลค่าหุ้นที่ภิวัฒน์ซื้อคุณหญิงเลอศักดิ์ ประมาณ 13,500,000 บาท มูลค่าหุ้นที่สมบูรณ์จ่ายหักหนี้ 15,096,000 บาท)

คุณเล็กไม่ได้ว่าอะไร?

คุณเล็กไม่ได้ว่าอะไร ผมก็เล่าให้ฟังว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ คุณเล็กก็บอกว่าไอ้แขกมันโกง เพราะหนี้ที่ผมจ่ายให้เขาส่วนหนึ่งเป็นแค่คำพูด...ไม่มีหลักฐานอะไร แต่ผมคุณลองคิดดูซิว่า... ผมก็ต้องรักษาชื่อเสียงของตระกูลผม แล้วถ้ามันไปสวดข้างนอกว่าผมโกงมัน...แล้วผมจะทำยังไง จริงอยู่เขาทำอะไรไม่ได้ ฟ้องร้องก็ไม่ได้ แต่เขาไปบอกว่าผมโกงเขา... ผู้จัดการไม่ยอมให้เขาแล้วอะไรจะเกิดขึ้น

ใคร ๆ ก็ว่าผมโง่... ว่าเรื่องอะไรต้องไปให้หุ้น ขณะเดียวกันที่เขาได้ไปเขาก็มากราบผม...บอกว่าที่เขาได้หุ้นนี้ไปเขาจะไปทำอะไร...จะขอเทิดเอาไว้สนับสนุนผม ...ไม่มาทำอะไรต่าง ๆ...ไม่มายุ่งเกี่ยวกับแบงก์ ทั้ง 2 พี่น้อง...ทั้งนายกุรดิษฐ์และนายสุระ ไม่ใช่อย่างที่เขาพูดในหนังสือพิมพ์หรอกว่า ... หุ้นอยู่ในเซฟของเขา แล้วเขาเอามายื่นให้ผมแล้วผมคืนกลับไปให้เขา เขาไปแต่งนิยายมาพูดเอง คุณไปถามซิ อนงค์นัย... เขาเป็นเลขาของนายเหน่ง ชื่ออนงค์นัยเดี๋ยวนี้ก็ยังทำงานอยู่..คุณไปสัมภาษณ์เขาไหมล่ะ ว่าความจริงเป็นอย่างไร

มีคนทราบเรื่องนี้เป็นผู้ใหญ่บ้างหรือเปล่า?

ก็เป็นที่รู้กัน แต่ผม... ก็เป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว ผมก็บอกกับแม่เขาคือพี่เล็ก พี่เล็กเขายังบอกว่าแขกมันโกง มาเคลมหนี้สินอะไร...ไปเที่ยวฮ่องกงอะไรตั้งล้าน...ซื้อรถยนต์ซื้ออะไรตั้งเท่าไหร่ ๆ

ปกติคุณเหน่งเป็นคนฟุ่มเฟือยไหมครับ?

แกก็นั่นแหละ... แกเป็นคนมือเติบ เป็นคนที่พูดง่าย ๆ ว่าเป็นคนเผื่อแผ่...เอาอย่างงั้นดีกว่า แกเห็นอะไรก็ชอบซื้อฝากผู้ใหญ่ ฝากเพื่อนฝูงพี่น้อง แกเป็นคนใจดี...น้ำใจกว้างขวาง

กับอา... คือคุณอภิวัฒน์…

เขาก็สนิทกันมาแต่เก่า เขาไม่มีอะไรกันหรอก เขาเคยคุยเล่นกันมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ แต่นี่คุณที่ผมเล่าให้ฟังนี่แหละ... ที่เขามาพูด โธ่...ผมไม่เคยไปเบี้ยว...ไปค้าง บางคนก็ว่าผมว่าเท่ากับไปยื่นหอกให้ศัตรู ก็ผม... คือตอนนั้นเขาก็เป็นลูกค้าของแบงก์ แล้วเราก็ไม่มีความคิดเห็นเป็นอย่างอื่น

แล้วเขาไปพูดกับหนังสือพิมพ์ว่าพอเหน่งตายเขาไม่สามารถร่วมงานกับผมได้ เขาไม่มีทางที่จะร่วมงานกับผมได้.. ใช่ไหม หลังจากที่คุณเหน่งเสีย ผมก็ขอบอกว่ามันเป็นเรื่องที่มุสา เขาเองเป็นคนมากราบมาขอผม บอกว่าอะไรที่แบงก์เคยช่วยเหลือตั้งแต่ตอนที่เหน่งยังไม่เสีย ก็ขอให้ช่วยต่อ ตอนนั้นผมก็ช่วยเขา ก็พูดตรง ๆ ที่เขาได้ไปตั้งแต่ต้น... ตั้งแต่ไอ้มิดแลนด์สนามกอล์ฟ ไทยประสิทธิ์ประกันภัย ...ผมก็ช่วยเขาทั้งนั้น ...ตอนที่เหน่งยังมีชีวิตอยู่

ตึกโชคชัยนั่นเหน่งเขาเสียชีวิตแล้วเขามาขอผม อย่างรามาทาวเวอร์เขาก็มาขอผมช่วยตอนที่เหน่งเสียไปแล้ว... ก็ยังช่วยเขาอยู่ แล้วเขามาพูดได้อย่างไรไม่มีวันที่จะร่วมงานกันได้ซึ่งผมไม่อยากไปกล่าวตอบโต้ เขาเรียกว่าอะไร.... ไปพูดกับคนที่ คนที่ไม่มีคุณธรรม เขาพูดเพื่อประโยชน์ของเขาเองไม่นึกว่าความจริงมันคืออะไร พูดง่าย ๆ ว่าเขาโกหกได้อย่างหน้าตาเฉย อยู่ตลอดเวลา ผมให้หุ้นเขากับมือผมเองเพื่อหักลบกลบหนี้สิน

แล้วคนที่เขารู้เขาก็บอกว่านี่แหละไปเชื่อไปไว้ใจแขก พอจากนี่มันก็เลยกลายเป็นฐาน แต่สิ่งที่ผมบอกตรง ๆ ผมให้เขาไป 37,000 หุ้น แล้วอีก 7 หมื่นหุ้น ซึ่งมันก็ควรเป็นของผมเพราะผมให้กับเหน่ง และเหน่งตายไปโดยไม่มีพินัยกรรม ผมแบ่งให้ลูกชายเขา 30,000 หุ้น ให้แม่เขา 20,000 หุ้น ให้เมียเขา 20,000... ผมก็ทำโดยหน้าที่บริสุทธิ์ใจ แล้วใครไปคิดว่าของทั้งหมด... 70,000 หุ้น รวมกับหุ้นเก่าพี่สะใภ้ผมเขาจะเฮโลรวมกับไอ้แขกมาเล่นงานผม ผมก็คาดการณ์ไม่ได้

พอจะทราบไหมครับว่าคุณสุระเข้ามากลมเกลียวกับฝ่ายพี่สะใภ้ท่านในช่วงไหน?

แหม...ผม คือหลังจากเหน่งเสียไปเขาก็มา.... หลังจากเหน่งเสียแล้วนะคุณพูดกันตรง ๆ เขาก็มาประจบประแจงเอาใจ เรียกคุณแม่ ตอนที่คุณเหน่งอยู่เขาไม่วุ่นวายด้วยหรอก เขาก็เก่งฉลาด...ไอ้นี่ ไปไหนมาไหนเขาคอยเอาอกเอาใจ ดูแลเป็นพิเศษอย่างโน้นอย่างนี้ เรื่องมันก็เท่านี้ พี่เล็กแกเป็นผู้หญิงคนไหนดีกับชั้น ชั้นต้องนึกถึงบุญคุณ

ทั้งที่ตอนแรกคุณเล็กก็ไม่ได้ชอบคุณสุระ

คุณก็ไปถามเขาดูสิ ตอนแรกที่เขามาเคลมหนี้ของคุณเหน่ง.... เขาก็ว่าไอ้แขกมันโกง มาตอนหลังเขาก็เป็นปี่เป็นขลุ่ยกัน ทุกคนก็มาพูดว่าเป็นความผิดของผมที่ไปยกหุ้นให้เขาเพราะไม่อย่างนั้นก็มีหุ้นอยู่แค่ 200 หุ้น จากนั้นเขาก็เริ่มซื้อเงียบๆ เก็บไว้เรื่อยๆ คือหุ้นของผมกับน้องๆ ของผมมีอยู่ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ของพี่สะใภ้ผมและลูกๆ ของเขามีอยู่ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ เราก็คิดว่าเราไม่มีปัญหาใครจะไปคิดว่ามันจะมีเรื่องมีราว

สุระ จันทร์ศรีชวาลา

อยากจะถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลบางอย่างที่เราได้มา คือเรื่องหุ้นล็อตใหญ่ล็อตแรกที่คุณสุระได้มาเป็นเพราะคุณสมบูรณ์ให้เพื่อกลบหนี้ของคุณเหน่ง (ภิวัฒน์ นันทาภิวัฒน์) ที่ค้างมิดแลนด์ อยู่ใช่หรือเปล่า?

จริง ๆ แล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น จริง ๆ แล้วทางคุณพูดมามันก็ถูก...แต่มันคลาดเคลื่อนนิดหนึ่ง หุ้นจำนวนนั้นไม่ใช่เป็นหุ้นส่วนกันซื้อ หุ้นจำนวนนั้น (30,000 หุ้น) คุณเหน่งให้เราไปซื้อ โดยที่เราเป็นคนออกเงินไปแทน คือเราเป็นเพื่อนกัน และมีสมมุติฐานอันหนึ่งว่าธุรกิจแบงก์นี้เราไม่ยุ่ง เป็นของคุณเหน่งคนเดียว

แต่เรายินดีทำทุกอย่างเพื่อคุณเหน่ง อะไรที่คุณเหน่งต้องการเนื่องจากคุณเหน่งไม่มีมือ...เรายินดี อะไรที่อยู่บนฐานแห่งความจริง เพราะ.... คุณเหน่งมีอะไรที่ต้องการจะใช้ธุรกิจโดยผ่านทางมิดแลนด์หรือเชียงใหม่ทรัสต์หรือยูนิโก้ในขณะนั้น เราก็พร้อมที่จะทำให้ ในฐานะที่เป็นเพื่อนกัน... ในฐานะที่มันเป็นธุรกิจ

สมมุติว่าคุณเหน่งต้องการปล่อยให้กู้กับนาย ก. แต่ โอ.เค. ... ทำผ่านแบงก์ไม่ได้ ก็ให้ทำผ่านมิดแลนด์ เชียงใหม่ทรัสต์ หรือ ยูนิโก้... เรามีความเข้าใจเรื่องนี้ต่อกัน คือความหมายว่าทำทุกอย่าง...แต่ว่าแบงก์ก็เป็นของเหน่ง...ไฟแนนซ์เป็นทางเรา คือ ไม่ต้องมายุ่งกัน

หลังจากนั้นก่อนคุณเหน่งตายนิดหนึ่ง คุณเหน่งถึงมาเปลี่ยนว่าเอาอย่างนี้ดีกว่า เนื่องจากคุณเหน่งต้องการขยาย... และผมพูดอย่างตรง ๆ เลยว่า...นี่ไม่ใช่พูดเอาหน้าเอาตาหรืออะไร เราพูดได้เลยว่าเราเป็นกำลังสำคัญอันหนึ่งของคุณเหน่ง คือคุณเหน่งปรับตัวคุณเหน่งเองจากการที่ไปทำงานแบบลูกอาเสี่ย... จาก 10 โมงกว่า ๆ...บอกคุณเหน่งปรับตัว ขอให้ไปทำงานแต่เช้า...ไม่ใช่ผมคนเดียว ผมอยากจะพูดถึงน้องด้วย (กุรดิษฐ์)

เราเป็นกำลังสำคัญอันหนึ่งที่ดันคุณเหน่งให้ปรับตัว ระยะหลังจึงสังเกตได้ว่าคุณเหน่งไปทำงานก่อนพนักงานแบงก์จะมาไปถึงที่นั่นประมาณ 7 โมงกว่า ๆ คือก่อน 8 โมงเช้า จากการที่แกไป 10 โมงครึ่ง หรือ 11โมงเช้า หรือบางวันไม่ไปเลย หรือว่ากลับ..บ่ายโมง... บ่ายสองโมงกลับแล้ว คุณเหน่งแกเปลี่ยน...ปรับมากลับตอนเย็น คือแกเริ่มทำงานแบบมืออาชีพ

เรื่องหุ้นก็เหมือนกัน ความจริงรายการนั้นเป็นรายการที่คุณเหน่งให้เราเป็นคนซื้อ แล้วเราก็เอาเงินจากมิดแลนด์ไปซื้อหลังจากคุณเหน่งเสียชีวิตไปแล้ว คุณสมบูรณ์มาเห็นก็ตกใจ....กลับโกรธพวกเราด้วยซ้ำ

ตอนแรกที่คุณสมบูรณ์ไม่รู้ว่าเช็คจำนวนนี้จ่ายเงินไปเรียบร้อยแล้ว วันนั้นคุณสมบูรณ์สั่งคุณตริน (บุนนาค) สั่งคุณตรินให้ระงับการจ่ายเงินให้แก่คุณหญิงเลอศักดิ์ (สมบัติศิริ)...ไม่ต้องการจะซื้อ แต่เนื่องจากมารู้ตอนหลังว่าเช็คอันนี้ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว...จ่ายเงินไปเรียบร้อยแล้ว ก็เรียกพวกเราไปถามว่า ทำไมถึงซื้อ เราก็เล่าให้ฟังว่าคุณเหน่งต้องการซื้อ และสั่งให้ผมจ่ายเงินไปก่อน ผมก็เอาเงินไปจ่ายแทนก็จบ

หนี้สินที่คุณเหน่งมีกับทางมิดแลนด์ตอนนั้นรู้สึกว่าจะมากกว่าราคาหุ้น

ผมจำไม่ได้ว่าจำนวนเท่าไหร่... ผมจำจำนวนเงินไม่ได้ แต่รู้ว่าทางเราเป็นคนจ่ายเงินแทนไป

มีค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าเที่ยวฮ่องกงหรือซื้อรถยนต์ใช่ใหม?

ไปฮ่องกง…ซื้อรถยนต์ หมายความว่าอย่างไร

หมายถึงคุณกุรดิษฐ์ให้เงินคุณเหน่งใช้ไปก่อนในการไปเที่ยวฮ่องกงหรือซื้อรถยนต์

ไม่มีหรอกครับ... ไอ้เรื่องที่... คืออันนี้ผมว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสีให้ร้ายคุณเหน่งในขณะคุณเหน่งตายไปแล้ว เรื่องที่ผมซื้อรถยนต์...หรืออะไรต่ออะไรให้คุณเหน่งนั้นมันไม่เป็นความจริง

รถยนต์ที่คุณเหน่งอาจจะซื้อเองแต่เงินอาจจะไม่พอ... เพราะอาจโดนคุมเรื่องการเงินเลยเอาเงินกุรดิษฐ์ออกไปก่อน

อันนั้นอย่าว่าแต่คุณเหน่งเลย คุณสมบูรณ์ขอผม...ผมก็ให้ แล้วผมก็เคยให้มาก่อนแล้ว ผมทดรองให้เงินคุณสมบูรณ์ยืมก็มี...เหมือนกัน ไม่ใช่คุณเหน่งคนเดียว เพราะผมถือว่าเป็นนายแบงก์ผม ผมใช้เงินเขา 200-300 ล้านบาท...พวกนี้หยิบยืมเงินผมใช้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

แกล้งลืมบ้างก็ไม่เป็นไร?

ผมคิดว่าอันนั้นก็มีอยู่ แต่ว่าโอ.เค. ผมอยากจะพูดว่าเขาต้องการหลักฐาน...นะฮะ แต่อันนี้ผมพูดได้ตลอดเวลาว่าสมัยคุณเหน่งแกไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ถ้ายืมแล้วแกจะให้ ไม่ใช่แก บอกว่าคุณสุระคุณไปจ่ายเงินค่านู่นค่านี่ให้ผม...แล้ววันหลังพอผมทวงนี่นะแกบอกว่าขอดูหลักฐาน.. เหมือนอย่างที่คนบางคน กำลังขอผมอยู่ (คว้าเทปไปจ่อที่ปาก) ขอให้พูดเสียงดัง ๆ หน่อย

เวลานี้มีนายแบงก์คนหนึ่งไปเล่นทองเอาไว้ แล้วต้องการเอาหลักฐานว่าเขาเป็นหนี้อยู่ยังไงกับทางฮ่องกง...อันนี้ไม่ใช่ผม…กับทางฮ่องกง

ก็สรุปว่าการได้หุ้นมาครั้งแรกเป็นการหักลบกลบหนี้กัน... เพราะเช็คมันจ่ายไปแล้ว

มันไม่ใช่อย่างนั้น...ผมว่าหุ้นที่ได้มาตอนหลังคือคุณสมบูรณ์ตกลงให้หุ้นกับพวกผม เพราะพวกผมได้แสดงเจตนาที่บริสุทธิ์และแน่วแน่เลย...หลังจากที่คุณเหน่งเสียชีวิตว่าพวกผมไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวหรือเกี่ยวข้องกับธนาคารแหลมทองใด ๆ ทั้งสิ้น พวกผมได้แสดงเจตนาหลังจากพวกพี่น้องได้ประชุมกันแล้ว...เอาหุ้นทั้งหมดไม่ใช่ก้อนนั้น...เพราะคุณสมบูรณ์ขอทั้งหมด 37,3000 หุ้นใช่ไหมครับ ?

ผมจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ทั้งหมด ในขณะนั้นครอบครัวผมมีอยู่นอกเหนือจากที่ซื้อหุ้นจากคุณหญิงเลอศักดิ์แล้วหุ้นอื่น ๆ ทั้งหมดที่มีอยู่ในกลุ่มที่ครอบครองอยู่...เอาไปให้คุณสมบูรณ์เราได้แสดงเจตนาว่าเราไม่ได้ต้องการที่จะมายุ่งเกี่ยว หรือแม้แต่จะเป็นลูกค้าของธนาคาร...เพราะในเมื่อพูดกันไม่รู้เรื่องหรือไม่เข้าใจกันแล้ว ถ้ามานั่งกังขากันก็ขออย่าคบค้ากันดีกว่า คบกันในฐานะคนที่รู้จักกันไม่ใช่ว่าในฐานะที่เป็นคนที่ไม่เข้าใจภาษากัน

ตอนนั้นใครไปติดต่อกับคุณหญิงเลอศักดิ์

คุณกุรดิษฐ์น้องชายผม

ไม่ใช่คุณเหน่ง

คุณเหน่งรู้เรื่อง...เรื่องนี้ ผมจำไม่ได้นะว่าคุณเหน่งเป็นคนติดต่อมากน้อยแค่ไหน... แต่ตลอดเวลาคุณกุรดิษฐ์เป็นคนจัดการและคุณหญิงเลอศักดิ์ก็รู้ว่าหุ้นจำนวนนี้ตกลงขายให้คุณเหน่ง...ไม่ใช่คุณกุรดิษฐ์ คุณกุรดิษฐ์ไม่ได้เป็นเจ้าของหรือคนซื้อ แล้วเราก็แสดงความบริสุทธิ์ใจหลังจากคุณเหน่งตายแล้ว โดยการบอกให้คุณสมบูรณ์รู้...แล้วคืนทุกอย่างให้แต่ก็ยังเอากลับมาให้เรา

ตอนนั้นถ้าคุณสมบูรณ์จ่ายเป็นเงินสดก็จบ

เราได้แสดงความบริสุทธิ์ใจแล้ว...หรือแม้จะเป็นวันนี้...แกมาพูดกับผม...ผมขายให้เลย

การไปติดต่อซื้อหุ้นคุณหญิงเลอศักดิ์นี่คุณเล็กทราบเรื่องมาตลอดใช่ไหมครับ?

ใช่ครับ

เป็นไปได้ไหมครับว่าคุณเล็กพูดกับคุณสมบูรณ์ว่าน่าจะให้คุณสุระมีหุ้นอยู่ด้วย

อันนี้ผมไม่ทราบ และผมไม่ต้องการจะรับทราบเลย...พูดกันตรง ๆ ผมถือว่าครอบครัวผมเป็นพ่อค้า เราได้แสดงเจตนาที่บริสุทธิ์ ให้เขาแล้วว่าผมไม่ต้องการจะเป็น...แต่เขาจะให้ผมเป็น...เคลียร์นะฮะ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.