อนาคตที่ราบลุ่มปากแม่น้ำโขง

โดย เจษฎี ศิริพิพัฒน์
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( กันยายน 2554)



กลับสู่หน้าหลัก

ความวิตกกังวลต่อการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงของเวียดนามยังไม่สิ้นสุด ล่าสุดมีการเปิดเผยข้อมูลถึงผลกระทบต่อภาคประมงว่าอาจสูงถึงปีละ 1,000 ล้านดอลลาร์ เงินจำนวนนี้สามารถนำไปสร้างสะพานเกิ่นเทอได้ถึง 3 แห่ง

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรมการค้าของเวียดนาม มีรายงาน เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เกี่ยวกับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้า ในแม่น้ำโขง

ตามรายงานนี้อ้างความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญหลายคนถึงการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ 12 เขื่อนในแม่น้ำโขง ว่าไม่ได้นำหมากผลมาให้เวียดนาม ตรงกันข้าม การเกษตรและสัตว์น้ำของเวียดนามจะได้รับผลกระทบมากกว่า

“โดยเฉพาะผลผลิตปลาน้ำจืดจะสูญเสียรายได้ประมาณ 500-1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือ 3 เท่าของมูลค่าก่อสร้างสะพานเกิ่นเทอ” เนื้อหาในเว็บไซต์ ระบุ

ในการประชุมที่เพิ่งจัดขึ้นที่นครเกิ่นเทอ ดร.เล อาญ เตวิ๊น จากสถาบันวิจัย สภาพอากาศแปรปรวน มหาวิทยาลัยเกิ่นเทอ ยืนยันว่า ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าน้ำท่วม และดินทรายที่ถูกน้ำพัดพา มาทับถม เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศวิทยา และเป็นตัวการหลักที่ได้ก่อตัวอยู่ในบริเวณ ที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง

ที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงเป็นเขตเพาะปลูก เกษตรกรรมกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ที่สุดของเวียดนามโดยอาศัยความเหนือกว่าทางด้านดิน น้ำ และสภาพอากาศ

ดร.เล อาญ เตวิ๊นเน้นย้ำว่า เมื่อมีการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ จะทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำและดินตะกอนทับถม ในที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง พร้อมกับสภาพอากาศแปรปรวน น้ำทะเลยกตัว จะกระทบ มากที่สุดต่อทรัพยากรน้ำ ทำให้ลดเนื้อที่และผลผลิตเกษตรกรรม ส่งผลถึงการคุกคามความมั่นคงด้านธัญญาหาร และทำให้เพิ่มความอดอยากยากจนและความไร้เสถียรภาพ

ขณะที่เหงียน หืว เถี่ยน หัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษาแห่งชาติเพื่อประเมินสิ่งแวด ล้อมทางยุทธศาสตร์ 12 เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในลำน้ำโขง ให้ความเห็นว่าเมื่อมีการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าต่างๆ เวียดนามได้ประโยชน์น้อยอย่างยิ่งประมาณ 5% เท่านั้น แต่ความสูญเสียกับเวียดนามกลับมากมาย โดยเฉพาะในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง

เหงียน หืว เถี่ยนกล่าวว่าการเกษตร และการประมงเป็น 2 เสาหลักเศรษฐกิจของเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง เพราะฉะนั้นถ้ามีการก่อสร้างบรรดาเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ ปริมาณสัตว์น้ำธรรมชาติก็จะสูญหายนับ 100,000 ตันต่อปี เพียงนับเฉพาะปลาน้ำจืด ที่ย้ายถิ่นตามฤดูกาล จะสูญหาย 220,000-440,000 ตันต่อปี ด้วยราคาปัจจุบันคือ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ประมาณการคร่าวๆ เฉพาะความเสียหายจากการสูญเสียรายได้จากปลาน้ำจืดประมาณ 500-1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

“ด้วยตัวเลขความเสียหายข้างต้น ก็คาดว่าความสูญเสีย 1 ปีของปลาน้ำจืด เท่ากับการก่อสร้างสะพานเกิ่นเทอ 3 แห่ง (342 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 สะพาน)” เหงียน หืว เถี่ยนเน้นย้ำ

เขายังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การขาดดินทรายที่น้ำพัดพามากองทับถม จะทำให้ฝั่งแม่น้ำถล่มเพิ่มขึ้นหลายแห่งในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งในบริเวณนั้นมีฝั่งทะเลทิศตะวันออก การขาดดินทรายที่น้ำพัดพามากองทับถมเพื่อชดเชยดินทรุดตัวตามธรรมชาติ จะมีผลให้ที่ราบลุ่มแม่น้ำ โขงมีโอกาสจมลงไปในน้ำทะเลเร็วขึ้น

เหงียน หืว เถี่ยนให้ความเห็นว่า ลุ่มน้ำโขงไม่ใช่สิ้นสุดที่ฝั่งทะเล เขตทะเลกว้างใหญ่แห่งหนึ่งในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง ของเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงขึ้นอยู่กับแหล่งบำรุงเลี้ยงโดยดินทรายที่แม่น้ำโขงพัดพามากองทับถมทุกปี

“การขาดดินทรายที่น้ำพัดพามากองทับถม ในอนาคตเขตที่ราบลุ่มแห่งนี้อาจจะเปลี่ยนเป็นทะเล” เขาประเมินเพิ่มเติม


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.