|
สื่ออังกฤษต้องถูกสังคายนา
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( สิงหาคม 2554)
กลับสู่หน้าหลัก
อังกฤษควรจัดให้มีการไต่สวนสาธารณะโดยเร็วและอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีผู้พิพากษาเป็นประธานการไต่สวน เพื่อเก็บกวาดชำระล้างสื่อมวลชนอังกฤษโดยด่วน
คำกล่าวหาที่ News of the World ล้วงข้อมูลโทรศัพท์มือถือของเด็กหญิงวัยรุ่นที่ถูกฆาตกรรม สร้างตราบาปครั้งใหญ่ให้แก่ News International เจ้าของ News of the World แม้จะตัดสินใจปิดหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ไปแล้ว เพราะข้อกล่าวหาใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายของ News of the World ยังคงแดงออกมาเรื่อยๆ กลายเป็นเรื่องปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง และไม่ใช่เหม็นเฉพาะวงการสื่อมวลชนอังกฤษเท่านั้น แต่ยังส่งกลิ่นไปถึงนักการเมืองและตำรวจอังกฤษอีกด้วย
สภาพการแข่งขันอันโหดร้ายในตลาดหนังสือพิมพ์อังกฤษ ทำให้หนังสือพิมพ์ในประเทศนี้ต้องแข่งกันอย่างดุเดือดตั้งแต่การ พาดหัวข่าวด้วยภาษาที่บางคนรับไม่ได้ ไปจนถึงซุบซิบนินทาแส่เรื่องชาวบ้าน ถ้าป็นในฝรั่งเศส ความผิดที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของนักการเมืองอาจถูกปิดเงียบได้นานหลายปี แต่ในอังกฤษ มันจะถูกสาดกระจายเต็มหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทันที คนอังกฤษเองก็รู้ว่า หนังสือพิมพ์ของพวกเขาทั้งหยาบคาย ล้ำเส้นและเชื่อถือไม่ได้ แต่พวกเขาต้องการให้หนังสือพิมพ์คอยจิกกัดบรรดานักการเมืองและคนดังที่ประพฤติไม่ดี
และก็เป็นหนังสือพิมพ์อังกฤษเองที่แฉพฤติกรรมของเพื่อนร่วมอาชีพด้วยกันเอง จากการเปิดโปงของ Guardian ทำให้เราได้รู้ว่า หนังสือพิมพ์ประเภทแท็บลอยด์อย่าง News of the World ได้ข่าวพาดหัวมาได้อย่างไร ดูเหมือนว่า News of the World จะใช้วิธีจ้างนักสืบเอกชนแฮ็กกล่องเมลบ็อกซ์ของโทรศัพท์มือถืออย่างเป็นปกติ ทั้งๆ ที่เป็นวิธีการที่ผิดกฎหมาย แต่ในอดีต ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อดูเหมือนจะมีแต่คนดังๆ นักการเมืองและสื่อด้วยกันเอง เป็นกลุ่มคนที่ชาวอังกฤษมองว่า สมควรที่จะถูกตรวจสอบ
แต่ทนายความของครอบครัวเด็กหญิงที่ถูกฆาตกรรมรายหนึ่งได้ออกมาแฉว่า ตำรวจเปิดเผยว่าโทรศัพท์มือถือของเธอถูกแฮ็ก ในลักษณะที่จงใจจะทำให้ครอบครัวของเธอคิดว่า เธอยังไม่ตาย นอกจากนี้ยังมีครอบครัวของเหยื่อก่อการร้ายในอังกฤษ และทหารอังกฤษที่ตายในสงคราม รวมทั้งเด็กหญิงอีก 2 คนที่ถูกฆาตกรรม ซึ่งถูกแฮ็กโทรศัพท์เช่นกัน ถ้าข้อกล่าวหาทั้งหมดนี้เป็นความจริง นี่เป็นการกระทำที่ใจดำอำมหิตอย่างมาก และยังเป็นความผิดทางกฎหมายด้วย
มีคำถาม 4 ข้อที่ผุดขึ้นมาจากกรณีอื้อฉาวนี้ ข้อแรกคือ หนังสือพิมพ์มีพฤติกรรมที่ล้ำเส้นมากขนาดนี้ได้อย่างไรโดยปราศจากการควบคุม และไม่น่าจะมีเพียงแค่ฉบับเดียวที่ทำแบบนี้ มีรายงานว่าในปี 2006 มีการใช้นักสืบเอกชนอย่างกว้างขวางในอังกฤษ และเป็นที่น่าสังเกตว่า หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ฉบับอื่นๆ ในอังกฤษ ปกติจะชอบเหยียบซ้ำคนล้ม พากันปิดปากเงียบ หลังจาก News of the World ถูกกล่าวหาเรื่องแฮ็กโทรศัพท์ และสาเหตุที่ News of the World โดนอยู่ฉบับเดียวนั้น อาจเป็นเพราะเป็นฉบับที่กล้าทำผิดกฎหมายมากกว่าฉบับอื่นๆ ก็เป็นได้
ข้อสอง เป็นคำถามที่เกี่ยวกับ News International ซึ่งคุมธุรกิจสื่อหนังสือพิมพ์ทั้งหมดในอังกฤษให้แก่ News Corporation อาณาจักรสื่อยักษ์ใหญ่ของ Rupert Murdoch เจ้าพ่อสื่อระดับโลก ที่แก้ตัวเฉไฉไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังไม่ถูกจับได้ไล่ทัน
ก่อนหน้านี้ News of the World เคยยืนกรานตลอดมาว่า การแฮ็กโทรศัพท์นั้นเป็นพฤติกรรมของนักข่าวเลวๆ เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เมื่อปรากฏว่ามีข้อกล่าวหาใหม่ๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีทางจะเลี้ยวลดได้อีก ก็กลับลำยอมรับว่า มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องการกระทำผิดดังกล่าว
Rebekah Brooks ผู้บริหารสูงสุดของ News International บอกว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะรู้เรื่องการแฮ็กโทรศัพท์ ในสมัยที่เธอยังเป็นบรรณาธิการ News of the World การแก้ตัวเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ ก็แต่ในองค์กรที่แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้ และการอ้างว่าหนังสือพิมพ์คู่แข่งก็ทำเหมือนกันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว
ข้อสาม เกี่ยวกับตำรวจอังกฤษ การสอบสวนเรื่องการแฮ็กโทรศัพท์ของตำรวจอังกฤษครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนล้มเหลว และเป็นเวลานานหลายปีที่ตำรวจนั่งทับกองเอกสารกองโตที่ยึดมาได้โดยไม่ทำอะไรเลย สาเหตุอาจจะเป็นเพราะความบกพร่องในการทำงาน หรืออาจจะเป็นเพราะมีผลประโยชน์ต่างตอบแทนกับหนังสือพิมพ์ หรือได้รับสินบน หลังจากมีหลักฐานโผล่ขึ้นมาว่า ตำรวจอาจได้รับสินบนจาก News of the World
ข้อสุดท้าย นักการเมืองเองก็มีชนักติดหลังเช่นกัน แทนที่จะสนับสนุนให้ตำรวจสอบสวนเรื่องการแฮ็กโทรศัพท์อย่างจริงจัง แต่นักการเมืองกลับมีสายสัมพันธ์กับหนังสือพิมพ์ Alastair Campbell ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของอดีตนายกฯ Tony Blair มาจากหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ Daily Mirror
ส่วน Andy Coulson อดีตบรรณาธิการ News of the World ได้มาเป็นหัวหน้าฝ่ายสื่อสารของ David Cameron นายกฯ อังกฤษคนปัจจุบัน หลังจากที่ลาออกจาก News of the World แล้ว เหตุผลที่นักการเมืองไม่กล้าทำอะไรหนังสือพิมพ์ก็คือความกลัว เมื่อปีที่แล้ว ส.ส.อังกฤษเคยแฉในสภาว่า บรรดา ส.ส.ถูกเตือนว่า จะตกเป็นเป้าโจมตีของหนังสือพิมพ์ ถ้าหากยังขืนจะเรียกตัว Rebekah Brooks ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนของนายกฯ Cameron และญาติของ Rupert Murdoch มาให้ปากคำต่อสภา
ผลที่จะเกิดขึ้นจากกรณีอื้อฉาวนี้ อาจหมายถึงการควบคุมหนังสือพิมพ์ที่มากขึ้นกว่าเดิม แต่นั่นจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี อังกฤษมีกฎหมายหมิ่นประมาทที่เข้มงวดที่สุดในโลกอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาถูกใช้แบบผิดๆ คือปกป้องแต่คนรวยและคนมีอำนาจเท่านั้น ส่วนการเพิ่มอำนาจให้รัฐบาลเข้ามาควบคุมสื่อมากขึ้น ก็ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน
ถ้าเช่นนั้น สิ่งที่ควรทำคืออะไร อย่างแรกคือ ไม่ว่าใครก็ตามใน News International ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องแฮ็กโทรศัพท์ แต่ทุกๆ เรื่องที่ไม่ถูกต้อง จะต้องถอนตัวออกมา จนกว่าตำรวจจะสอบสวนเสร็จสิ้น จากนั้น อังกฤษจำเป็นต้องจัดให้มีการไต่สวนสาธารณะโดยเร็ว โดยมีผู้พิพากษาเป็นประธานการไต่สวน และมีอำนาจที่จะเรียกตัวพยาน ซึ่งรวมถึงตำรวจมาให้ปากคำภายใต้คำสาบานได้ โดยการไต่สวนนี้ควรจะ ครอบคลุมหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ไม่ใช่เพียงในสังกัดของ Murdoch เท่านั้น
นอกจากนี้ ควรถือโอกาสนี้ขจัดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ทั้งปวง อย่างเช่นการล้วงข้อมูลทางด้านการแพทย์ส่วนตัว และการล้วงข้อมูลการใช้บัตรเครดิต ผลของการไต่สวนดังกล่าว จะเป็นการชะล้างทำความสะอาดวงการหนังสือพิมพ์และตำรวจอังกฤษครั้งใหญ่ ซึ่งถ้ามันควรจะเป็นเช่นนั้น มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น หาก Cameron จะปฏิเสธไม่ยอมผลักดันการชำระล้างสะสางวงการสื่อมวลชนดังกล่าว ก็นับว่าเป็นการไม่มองการณ์ไกล
Murdoch อาจเป็นนักธุรกิจที่ดูโหดร้าย เพราะถ้าไม่แน่จริง เขาคงไม่สามารถประคองธุรกิจสื่อให้สามารถฝ่าคลื่นลมมรสุมระยะหัวเลี้ยวหัวต่อของการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิตอลมาได้ แต่ถ้าหากว่าผู้บริหารของเขาที่อยู่ใน News Corporation ยอมให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายต่อหน้าต่อตาขึ้นจริงๆ แล้ว พวกเขาก็ไม่สมควรจะบริหารหนังสือพิมพ์หรือสถานีโทรทัศน์อีกต่อไป แต่ควรจะได้รับโทษตามกฎหมาย
แปล/เรียบเรียง เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์
เรื่อง ดิ อีโคโนมิสต์
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|