กลุ่มพูนผล "แรงขับดัน" ในอาณาจักรหวั่งหลี


นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2529)



กลับสู่หน้าหลัก

ต้องยอมรับว่าบุคคลในกลุ่มพูนผล มีบทบาทในกลุ่มหวั่งหลีมากทีเดียว

พูนผลที่เป็นผู้ช่วยทุกคนคือหวั่งหลี นอกจากภาระหน้าที่อันหนักอึ้งแล้ว คนโตของเขาต้องเป็นผู้นำหวั่งหลีในเมืองไทยด้วย หากพิจารณาตามนี้แล้ว มีเพียง 3 คนเท่านั้น (ที่เป็นผู้หญิง) ในรุ่นแรกในพูนผลไม่ถือว่าเป็นหวั่งหลี

ย้ำอีกที พูนผลคือธุรกิจที่เติบโตด้วยน้ำพักน้ำแรงของทองพูน ภรรยาหม้ายของตันซิวเม้งและลูกชาย - หญิงของเขา

ทองพูน เป็นความภูมิใจอย่างมากของพูนผล!

และพูนผลโชคดีที่มีทายาทมาก ซึ่งดูเหมือนโชคร้ายของทองพูนในระยะแรกไม่มีประสบการณ์ธุรกิจต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อเลี้ยงพวกเขา ให้การศึกษาพวกเขาอย่างเต็มกำลัง

ทองพูน - ตันซิวเม้งมีทายาท 12 คน ทุกคนมีลีลาชีวิตและการงานแตกต่างกันไป เหมือน SYMPHONY อันมีอุปกรณ์ทุกชิ้นเข้ากันดีเป็นเพลงที่ไพเราะบทหนึ่ง

ประไพ พิศาลบุตร เป็นลูกสาวคนโตแต่งงานกับ ธนิต พิศาลบุตร อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ ซึ่งมีบทบาทช่วยเหลือพูนผลพอสมควร ในช่วงเริ่มแรกที่ทายาทผู้ชายยังอยู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมน้ำมันพืช

ประไพเป็นเจ้าของบริษัท ประไพและบุตร ดำเนินกิจการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่มากย่ายทุ่งมหาเมฆ เพียงแค่เก็บดอกผลจากธุรกิจนี้ก็นับว่าสุขสบายพอประมาณแล้ว เธอเป็นพี่ใหญ่ของตระกูล มีบทบาทดุจผู้กุมกฎ และประสานชีวิตประจำวันของหวั่งหลีปีกพูนผลให้มีชีวิตใกล้ชิดสนิทสนมกัน หากไม่มีงานที่ไหน เธอจะอยู่โยง ณ ชั้น 19 อาคารสาธรธานี ซึ่งถูกจัดเป็นห้องครัวเล็กเพื่อทำอาหารสำหรับพูนผลในตอนกลางวัน บ่อยครั้งทุกเที่ยงวันพวกเขาและเธอจะต้องพบกันที่นั่น!

และในปีหนึ่ง ประไพจะเป็นแม่งานจัดงานสังสรรค์นอกสถานที่สำหรับพวกพูนผล ดังเช่นปี 2528 บนเรือซีทรานควีนท้องทะเลภาคใต้ เลยได้ดูการสร้างละครทีวีช่อง 3 ที่ดัดแปลงมาจาก DEATH OF THE NILE ไปด้วย

สุวิทย์ หวั่งหลี เป็นผู้นำของตระกูล พี่น้องเชื่อฟังและยอมรับเขาอย่างดุษฎี เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียสละเพื่อหวั่งหลีและพูนผลอย่างแท้จริง เขามีลูกสาวเพียงคนเดียว ส่วนตัวของเขามีบริษัทฐาวรา ถือเป็นโฮลดิ้งคัมปะนี

เขาเป็นผู้นำตระกูลที่เข้มแข็ง และถือได้ว่าคอนเซอร์เวทีฟที่สุด เขาจบการศึกษาจาก WARTON SCHOOL OF FINANCE AND COMMERCE ซึ่งคนนอกน้อยคนนักจะรู้ สุวิทย์พูดถึงตัวเองว่า เป็นคนไม่ชอบสังคมหากไม่จำเป็น เวลาส่วนใหญ่จะอยู่บ้าน ฟังเพลง อ่านหนังสือ ไม่ชอบเล่นกีฬา และไม่ชอบเดินทางไปต่างประเทศ "ผมเคยอยู่มานานแล้ว" เขาบอก การพักผ่อนของเขานอกจากอยู่บ้านแล้วก็คือการเดินทางไปตากอากาศชายทะเล พัทยา หรือชมดอกไม้ที่เชียงใหม่ ปัจจุบันกำลังขะมักเขม้นเรียนขับเครื่องบิน

นายธนาคารบางคนบอกว่า เขาเป็นผู้ดี และไม่ทะเยอทะยานทางธุรกิจ

สุกิจ หวั่งหลี คน ๆ นี้พี่น้องมองว่าเป็นคนพะบู๊ เป็นพ่อค้าเต็มตัว ลุยได้ทุกรูปแบบ ไม่ชอบใส่สูท ส่วนใหญ่จะอยู่ในชุดพระราชทาน ท่าทีเป็นกันเองกับทุกคน เป็นคนที่ผู้สื่อข่าวเคารพนับถือ และเป็นข่าวมากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเป็นนายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย แต่ในสายตาของพ่อค้าด้วยกัน สุกิจกลับเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งในวงการค้ามันสำปะหลัง

สุกิจจบการศึกษาระดับโปลีเทคนิค ที่อังกฤษ เข้าเรียนรู้งานด้าน COMMODITY ของกลุ่มพูนผลตั้งแต่ต้น เริ่มตั้งแต่ฝ่ายจัดซื้อ จนเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทพูนผลในปัจจุบัน ว่ากันว่าในกลุ่มพูนผลบริษัทคือแหล่งรายได้สำคัญ และคนที่ทำกำไรมาก ๆ ในบริษัทนี้ก็คือ สุกิจ หวั่งหลี

สุรพล หวั่งหลี เป็นคนตระกูลหวั่งหลีปีกพูนผลเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ทำธุรกิจกับตระกูล เขาจบการศึกษาจากเคมบริดจ์ ทำงานในธนาคารต่างประเทศมานาน ปัจจุบันเป็นผู้จัดการสาขาลอนดอนของธนาคารไทยพาณิชย์ ตั้งรกรากที่นั่นเลย ในประเทศไทยเขาเป็นเพียงผู้ถือหุ้นในหวั่งหลี

ศุภชัย หวั่งหลี จบการศึกษาด้านวิศวกรรม จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย เมื่อกลับมาเมืองไทย ปีกพูนผลจึงตั้งบริษัทซีอีเอส ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เขาจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลกิจการนี้มาแต่ต้น บริษัทซีอีเอสมีผลงานการก่อสร้างไม่น้อยในยุคแรก ๆ ตั้งแต่ก่อสร้างโรงแรมเพรสซิเด้นท์ ธนาคารนครหลวงไทย สำนักงานใหญ่ ธนาคารทหารไทย ตึกสองธนาคารไทยพาณิชย์ แต่กิจการในระยะ 1 - 2 ปีนี้กลับปักหัวลงอย่างน่าใจหาย

สุชาติ หวั่งหลี เป็นคนเงียบดูบทบาทไม่มากนัก ไม่มีลักษณะเด่นเป็นพิเศษ ปัจจุบันรับผิดชอบบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์พูนพิพัฒน์ อีกคนที่มีลักษณะคล้ายกันคือ สุเทพ เป็นกรรมการคนหนึ่งของพูนผล ส่วนตัวมีกิจการพัฒนาที่ดินและทำส่งออกการ์เม้นท์ ชื่อบริษัท บัวขาว

สุจินต์ หวั่งหลี เคยเรียนวิศวกรรม ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด แต่ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบไม่จบที่นี่กลับไปจบที่อื่น ๆ เขาได้ชื่อว่าเป็น INNOVATIVE คนหนึ่งในกลุ่มพูนผล หลังจากกลับมาเมืองไทย เขาเป็นคนฟื้นฟูกิจการประกันภัยของกลุ่มหวั่งหลี จากแค่มีใบอนุญาตจนประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เขาเป็นคนบุกเบิกธุรกิจประกันภัยต่อให้กับวงการประกันภัยในประเทศไทย เคยเป็นนายกสมาคมประกันวินาศภัยอายุน้อยมากติดต่อกัน 2 สมัย

เขาเป็นคนนำพูนผลไปร่วมทุนในบริษัทไทยพาณิชย์ประกันภัย

สุจินต์ เป็นนักเสี่ยงโชคคนหนึ่งของตระกูล เวลาว่างเขามักจะขลุกอยู่ที่สนามกีฬาแถว ๆ นางเลิ้ง ว่ากันว่าบริษัทประกันภัยของเขาถึงกับลงทุนออกกรมธรรน์ประกันสัตว์บางชนิดเป็นพิเศษ

สุรจิตต์ หวั่งหลี เป็นคนคอนเซอร์เวทีฟที่สุด 1 ใน 2 คน (อีกคนสุวิทย์ หวั่งหลี) จึงได้รับมอบหมายคุมงานด้านการเงินและบัญชีของกลุ่มพูนผล

สุพจน์ หวั่งหลี เป็นน้องคนสุดท้อง ที่หัวใหม่เป็นนักเสี่ยงโชคและ INNOVATOR มากที่สุดตามวัย เขาได้ชื่อว่าเป็น SOYBEAN - MAN หลังจากกลับจากเมืองนอก ธนิต พิศาลบุตร พี่เขยได้ชวนไปทำงานฝ่ายจัดซื้อวัตถุดิบในบริษัทอุตสาหกรรมวิวัฒน์ ผลิตน้ำมันพืชทิพ (อันเป็นผลงานที่ภาคภูมิใจมากของ ธนิต พิศาลบุตร ตราบทุกวันนี้) จาคยุคแรกที่ขาดทุนมาก ๆ จนมาเป็นกำไรมาก ๆ เขามีวิญญาณผู้ประกอบการจึงแยกตัวออกมาตั้งบริษัทธนากร ร่วมทุนระหว่างพูนผลกับล็อกเลย์ ผลิตน้ำมันพืชกุ๊ก เขาเจนจัดงานหาวัตถุดิบและเป็นผู้ส่งเสริมการปลูกถั่วเหลืองในประเทศไทยคนหนึ่ง

สุพจน์ จบวิศวกรรมจากสหรัฐ งานของเขาส่วนใหญ่อยู่ที่ปีกพูนผลและก็คืองาน DIVERSIFIED ธุรกิจสู่อุตสาหกรรมการเกษตร โครงการใหม่ผลิตแป้งมันสำเร็จรูปเพื่ออุตสาหกรรม (โมดิฟายด์สตาร์ช) เป็นผลงานล่าสุด

สายสุคนธ์ เคยใช้นามสกุลจ่างตระกูลอยู่พักหนึ่ง และกลับมาใช้หวั่งหลีตามเดิม เธอเป็นลูกสาวคนสำคัญและมีบทบาทอย่างมากคนหนึ่งของพูนผล รับผิดชอบงานด้านพัฒนาที่ดิน โดยเฉพาะโครงการที่รังสิตอันมีโรงภาพยนตร์ ตลาด และที่พักอาศัยจำนวนมาก ส่วนตัวเธอมีโครงการที่อยู่อาศัยใหญ่มาก เป็นที่รู้จักกันดีคือ สวนหมากอพาร์ทเม้นท์

สุภาพรรณ ลูกสาวคนเดียวของตันซิวเม้ง - ทองพูนที่ไม่อยู่เมืองไทย เธอแต่งงานกับชาวฮ่องกง เลยพำนักอยู่ที่นั่นตลอดมา

ปัญหาของหวั่งหลีรวมทั้งปีกพูนผลที่เหมือนกันก็คือทายาท ทายาทในรุ่นที่ 5 ที่เป็นหวั่งหลี ลูกชายสุกิจ หวั่งหลี อายุมากที่สุดในรุ่นก็เพียง 23 ปีเท่านั้น ส่วนปีกพูนผล พิมประไพ ลูกสาวธนิต - ประไพ อายุมากที่สุด 30 ปี ปัจจุบันทำงานเป็นผู้จัดการทั่วไปบริษัท สาธรธานี และดนัยธนิต พิศาลบุตร น้องชายอายุ 29 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่ออาวุโส ธนาคารนครธน หลังจากต้องระเห็จออกจากบริษัทการเงินในเครือธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การที่ฮ่องกงตามบิดา

ด้านหวั่งหลี สุวิทย์ หวั่งหลี ได้เตรียมแก้ปัญหาอนาคตไว้แล้ว (กล่าวมาแล้วตอนต้น) ปีกพูนผลเริ่มใช้ลูกหม้อเก่าแก่ กับนักบริหารมืออาชีพเข้ามาบ้างแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการใหม่ ๆ ซึ่งในสายตาคนนอกแล้วมองว่ายังนับได้ว่าเป็นยุคเริ่มต้น เมื่อเทียบกับธุรกิจที่ก้าวหน้าไปมาก

เพราะว่าแนวคิดระบบครอบครัวยังฝังแน่นในผู้นำรุ่นที่ 4 สุวิทย์ พูดประโยคที่ชัดเจนมากกับ "ผู้จัดการ" เมื่อถูกถามถึงปัญหาอนาคต

"พวกผมลูกน้อยซะด้วย..ไม่มีลูกแล้วจะทำอย่างไร มองการณ์ไกลอย่างไรก็ทำไม่ได้



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.