คฤหาสน์สไตล์คันทรีอังกฤษที่เมืองจิงโจ้


นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( กรกฎาคม 2554)



กลับสู่หน้าหลัก

เมื่อได้เห็นบ้านงามหลังนี้แวบแรก คุณอาจคิดว่า บ้านนี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางชนบทที่ใดที่หนึ่งในอังกฤษ คงไม่คิดว่าอยู่ใน Southern Highlands ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลียเป็นแน่

เจ้าของคฤหาสน์เล่าว่า

“จุดเริ่มต้นของเราคือ ตกแต่งให้เป็นฟาร์มสไตล์ฝรั่งเศสไปๆ มาๆ กลับลงท้ายที่คฤหาสน์สไตล์คันทรีอังกฤษ”

เธอเล่าเพิ่มเติมว่า ได้แรงบันดาลใจจากนิตยสารเก่าแก่ Country Life ของอังกฤษ “ดิฉันชอบส่วนหลังคาของคฤหาสน์อังกฤษมาก จึงสร้างให้ด้านนอกของบ้านแลดูเป็นอย่างนั้นด้วย”

เมื่อเจ้าของบ้านกับคู่ชีวิตเกิดถูกใจที่ดินแปลงงามติดแม่น้ำเนื้อที่ 100 เอเคอร์นั้น องค์ประกอบสำคัญของการตัดสินใจ คือ บริเวณโดยรอบแวดล้อมด้วยทัศนียภาพชนบทอันสวยงามและยังอยู่ใกล้ตัวเมืองมาก ทำให้เดินทางเข้าเมืองได้สะดวกอย่างคาดไม่ถึง

จากนั้นพวกเขาช่วยกันออกแบบเป็นบ้านขนาด 4 ห้องนอน ด้วยความตั้งใจว่า ไม่ต้องการสไตล์ผสมกลมกลืน ไม่ต้องการให้เฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องแต่งบ้านเข้าชุดกันเหมือนกับที่คนส่วนใหญ่ นิยม ยิ่งกว่านั้น ผู้มาเยือนยังไม่สามารถคาดหมายหรือคาดเดาได้เลยว่านับจากย่างเท้าเข้ามาแล้ว จะได้พบอะไรบ้าง เพราะทุกอย่างไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือมาตรฐานอะไรทั้งสิ้น

“ดิฉันหยิบยืมองค์ประกอบด้านสถาปัตยกรรมจากหลากหลายสถานที่ที่เคยได้ไปเยือนและเคยพบเห็นมาใช้ประโยชน์”

ตัวอย่างความประหลาดใจที่แขกจะได้รับ คือ บริเวณด้านหน้าของคฤหาสน์ มองดูแล้วเป็นสไตล์บ้านคันทรีอังกฤษอย่างเด่นชัด แต่เมื่อเข้าไปข้างใน กลับได้พบบรรยากาศเหมือนอยู่ในรีสอร์ตสกีสุดหรูมากกว่า เมื่อเดินสำรวจทั่วทั้งบ้านจะได้พบการนำวัสดุ พื้นผิว และสไตล์ที่แตกต่างกันมาตกแต่งให้ตัดกันอย่างตั้งใจ สะท้อนรสนิยมอันหลากหลายของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่อาจปฏิเสธและต้องยอมรับด้วยว่า เธอเชี่ยวชาญวิธีทำให้ทุกจุดในบ้านสะดุดตา

ปรับปรุงอย่างมีสไตล์

แม้มองดูว่าบ้านหลังนี้มีมากกว่าสองชั้น แต่จริงๆ แล้วเป็นบ้านระดับไตรบ้าน (split-level home) คือ แทนที่จะสร้างชั้นสองคร่อมพื้นที่บ้านทั้งหลังตามปกติ กลับใช้วิธีออกแบบให้ห้อง นั่งเล่นใหญ่โปร่งโล่งมีเพดานสูงเป็นพิเศษ ดังที่เจ้าของอธิบายว่า “ดิฉันพยายามสร้างให้เป็นบ้านที่มีลักษณะของชาเลต์รวมกับฟาร์มเหมือนรีสอร์ตสกี มันเป็นอะไรที่ดิฉันชอบเป็นพิเศษ”

ห้องพักผ่อนที่ว่านี้เป็นส่วนหนึ่งของบริเวณห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้เปิดโล่ง ซึ่งรวมถึงบันไดนำขึ้นไปสู่บริเวณ ครัวและห้องรับประทานอาหาร

ชั้นสองของบ้านจึงเริ่มต้นจากจุดนี้ โดยสร้างคร่อมเฉพาะบริเวณครัวและห้องอาหาร (โปรดดูภาพประกอบ) เท่านั้น

พื้นห้องต่างๆ ปูกระเบื้อง travertine เนื้อดี ต่างกันที่ลายหลากหลาย เช่น พื้นห้องอาหารปูกระเบื้องลายไม้ ซึ่งเป็นลวดลายเดียวกับลายเนื้อไม้ที่นำมาทำคาน “ดิฉันเปลี่ยนลายกระเบื้องมาแล้วมากมายทั่วทั้งบ้านก็ปูกระเบื้องขนาดต่างๆ กัน เพื่อให้เป็นจุดสนใจนั่นเอง”

เพดานห้องครัวและห้องอาหารทาสีครีม Dulux Antique Cream ซึ่งเป็นสีโทนอุ่นที่เจ้าของ จงใจเลือกมาเพื่อทำให้ไม้รีไซเคิลที่นำมาทำคานลดความแข็งกระด้างลง ส่วนผนังทาสี Dulux Hogs Bristle ด้วยเฉดสีหลากหลาย พื้นที่ใช้สอยบริเวณนี้ให้บรรยากาศเป็นกันเองและผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ฝรั่งเศส เก๋ไก๋มาก จึงเป็นมุมโปรดของสมาชิกในครอบครัวที่มีโอกาสใช้ประโยชน์ในหลายๆ โอกาสด้วยกัน

บ้านนี้ยังติดตั้งประตูสไตล์ฝรั่งเศสเพื่อเปิดออกสู่ตัวบ้านด้านนอก นอกจากนี้ หน้าต่างบานมหึมาที่ติดตั้งบริเวณห้องนั่งเล่นก็ทำหน้าที่เดียวกันด้วย เจ้าของเล่าอย่างภาคภูมิว่า “นั่นเป็นหน้าต่างที่ใช้กระจกบานเดี่ยวขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ดิฉันจะหาได้”

เสน่ห์จากชนบท

แม้เจ้าของจะออกแบบให้ชั้นล่างเปิดโล่งเพื่อทำกิจกรรมบันเทิงและการใช้ชีวิตแบบสบายๆ แต่ยังมีอีกหลายมุมที่ให้ความเป็นส่วนตัวตามสไตล์คฤหาสน์ดั้งเดิมของอังกฤษ พวกเขาใช้ตัวช่วยด้วยการทาสีแตกต่างกันในแต่ละห้อง เช่น ห้องนอนใหญ่ซึ่งอยู่ชั้นล่างใช้เฉดสีเหลือง ขณะที่ห้องสมุดซึ่งอยู่ชั้นบนทาโทนสีอุ่นอย่างสีส้ม เพื่อสร้างบรรยากาศมีรสนิยมและให้ความรู้สึกเป็นกันเอง ส่วนห้องรับรองแขกซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของบ้านเน้นทาสีโทนเย็น เพราะมีแดดส่องตลอดทั้งวัน ห้องรับรองแขกทั้ง 3 ห้องอยู่ชั้นบนทั้งหมดตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และเครื่องนอนลายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มแนวเดียวกัน

เน้นรายละเอียด

เจ้าของบ้านทั้งสองให้ความสำคัญกับรายละเอียด และการใช้วัสดุน่าทึ่งต่างๆ ที่ทำให้บ้านหลังนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร พวกเขาตกลงใจปูกระเบื้อง travertine ทั้งบ้าน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะ “มันวิเศษสุด ทำให้บ้านไม่แลดูธรรมดาหรือพื้นๆ พวกเราเองก็อยู่กันอย่างสุขสบาย ที่สำคัญ เราฝังเครื่องทำความร้อนไว้ที่พื้นด้วย หน้าหนาวจึงอุ่นมาก พอถึง หน้าร้อนก็สบายเท้าเป็นที่สุดเพราะพื้นเย็นดี”

ทั้งสองติดตั้งประตูเก่าแกะสลักลวดลายสวยงามเตะตาทั้งบ้าน ทำให้แลดูขลังและมีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างประหลาด ทั้งยังทำให้ทุกห้องมีประวัติความเป็นมาน่าสนใจไม่เบา “ยอมรับว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้สูงมาก แต่ดิฉันเต็มใจลงทุนแทนการซื้อภาพเขียนราคาแพงลิ่วมาประดับ”

คู่สามีภรรยายังมีรสนิยมในการเก็บสะสมสิ่งละอันพันละน้อยจากทั่วทุกหัวระแหง ทุกชิ้นล้วนมีสไตล์สะอาดตาและดีที่สุดในแต่ละประเภทของสิ่งของนั้นๆ “คุณอาจคิดว่ามันเหมือนเอาของแต่งบ้านพวกนี้มาอยู่รวมกันแบบจับฉ่าย แต่ดิฉันรักความหลาก หลาย แล้วก็เกลียดการต้องให้ทุกสิ่งทุกอย่างเข้าชุดกันเป็นที่สุด”

แม้บรรยากาศทั้งบ้านจะให้ความรู้สึกของสไตล์คันทรีเต็มที่ แต่ไม่ทำให้ผู้ได้สัมผัสรู้สึกว่าซ้ำซากจำเจหรือคาดหมายอะไรได้เลย เพราะนั่นไม่ใช่วิถีของเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้อย่างแน่นอน

ก่อนซื้อที่ดินแปลงนี้ พวกเขาอาศัยอยู่ในถิ่นนี้มานานกว่า 30 ปีแล้ว จึงรู้ดีว่าที่ดินแปลงนี้สมบูรณ์แบบที่สุด เพราะตั้งอยู่ตรง ทำเลทองที่เวลาเข้าเมืองก็แสนสะดวก ทั้งยังมีทิวทัศน์แถบชนบทน่าตื่นตาตื่นใจ พวกเขาใช้เวลาสองปีจึงสร้างบ้านแล้วเสร็จ งานตกแต่งเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนมีนาคม 2010

สำหรับเจ้าของแล้ว ระยะเวลาดังกล่าว “เหมือนกับยาวนานถึง 15 ปีเลยทีเดียว” แต่เธอยอมรับว่าคุ้มค่ากับการทุ่มเท “แม้จะเป็นบ้านที่อยู่เหนือความคาดหมาย แต่อยู่สบายสุดๆ ไม่มีอะไรบ่งบอกถึงความเสแสร้งแม้แต่น้อย”


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.