แต่งบ้านตามใจฉัน


นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( มิถุนายน 2554)



กลับสู่หน้าหลัก

เจ้าของบ้านบางคนจ้างมัณฑนากรมาแต่งบ้านให้เพื่อดึงดูดความสนใจ ขณะที่อีกหลายคนต้องการความซับซ้อน บ้างเพียงอยากให้ผ้าม่านเข้าชุดกับพรมเท่านั้น สำหรับ Laura Kofoid เธอต้องการเพียง “ความสุข”

“ดิฉันอยากมีประกายตาเปี่ยมสุขทุกวัน ต้องการเพียงได้ยิ้มและพูดว่า “วิเศษจริงๆ”

เป็นโจทย์สั้นๆ แต่ท้าทายที่ Melanie Elston มัณฑนากรสาวได้รับจาก Laura หน้าที่ของเธอคือ รวมอพาร์ตเมนต์สองห้อง ติดกัน ให้กลายเป็นบ้านสำหรับครอบครัวที่ประกอบด้วย Laura กับ David Ricci ผู้สามีและลูกๆ วัย 13 กับ 8 ปี

คุณแม่ลูกสองยังให้รายละเอียดเพิ่มเติมอย่างตรงไปตรงมาว่า “ดิฉันต้องการความมีชีวิตชีวา ความเบิกบาน และสีสัน แต่ต้องไม่มีสีเบจเด็ดขาด”

พวกเขาได้พิสูจน์ถึงความเชื่อมั่นในการสร้างสีสันให้บ้านอย่างไม่ต้องเกรงใจใคร เริ่มจากการบุเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีในห้องอาหารด้วยผ้าพิมพ์ลายเสือดาวสีส้ม ห้องทำงานที่เน้นสีขาว-ดำเป็นหลักดูสดใสขึ้นทันตาเมื่อติดม่านหน้าต่างสีเหลืองอ่อน ส่วนห้อง นั่งเล่นให้ความรู้สึกเบิกบานเต็มที่เมื่อทาผนังด้วยสีน้ำเงินปนเขียว ขณะที่ห้องสันทนาการของครอบครัวใช้เฉดสีอย่าง “บ้าระห่ำ” คือสี “ฟักทอง”

เบื้องหลังที่คนครอบครัวนี้ยึดปรัชญาการออกแบบอย่างไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไรนั้น มาจากประสบการณ์ที่ David เคยป่วยหนักนั่นเอง หลังแต่งงานได้ไม่นาน เขาป่วยด้วยโรคเนื้องอกในสมองถึงสองครั้ง แต่รักษาจนหายขาดในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา

Laura อธิบายเหตุผลเบื้องลึกเกี่ยวกับงานออกแบบตกแต่ง ที่ทำให้ทุกคนตะลึงและทึ่งว่า

“ทุกอย่างผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ทั้งการหาย จากโรคร้ายของ David การแต่งบ้านของเรา และวิถีชีวิตของเรา เวลาสวดมนต์ ดิฉันอธิษฐานเพียงอย่างเดียว คือขอให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง หลายคนอาจไม่ซาบซึ้ง แต่เราเผชิญกับความเจ็บป่วยมาแล้วอย่างสาหัส ดังนั้น ถ้าคุณชอบพรมลายเสือดาว จงเชื่อมั่นที่จะปูในห้องทำงานของคุณ อย่ารีรอที่จะแสดงออก”

Laura ยังนำปรัชญาแห่งความสุขมาใช้กับธุรกิจรับตัดเย็บกระเป๋าถือที่เธอเป็นเจ้าของร่วมด้วย แม้แต่ชื่อกิจการก็ยังบ่งบอกถึงความสุขสนุกสนานคือ “Laudi Vidni” (มาจากการอ่านคำว่า ‘individual’ กลับหลังนั่นเอง) เธอเล่าอย่างอารมณ์ดีว่า

“เมื่อลูกค้าเริ่มเครียดเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกแบบ ดิฉันจะพูดว่า ‘มันก็แค่กระเป๋าใบหนึ่ง ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณนะ อย่าเครียดเลยค่ะ ทำใจให้สบาย’ เวลามาออกแบบตกแต่ง บ้านหลังนี้ ดิฉันคิดอย่างเดียวกัน ควรเป็นเรื่องน่าสนุกมากกว่า”

เมื่อรับทำโครงการนี้ มัณฑนากรสาวอย่าง Elston จึงรู้สึกโชคดีอย่างบอกไม่ถูกที่มีโอกาสคิดนอกกรอบ “เช่น เราไม่ต้องมีโซฟาตัวใหญ่ในห้องนั่งเล่น สิ่งสำคัญคือต้องให้ทั้งห้องสว่าง มีแสง ส่องเข้ามาเต็มที่ เก้าอี้หลายตัวทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางได้อย่างดี นอกจากจะให้ความรู้สึกโปร่งเบาแล้ว ยังไม่เทอะทะด้วย”

ห้องสันทนาการของครอบครัวยึดสถาปัตยกรรม รูปแบบห้องสมุดของอังกฤษที่งามสง่า ไม้บุผนังรูปทรงเรขาคณิตทำหน้าที่ซ่อนเครื่องรับโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่เหนือเตาผิง ที่สำคัญคือสี “ฟักทอง” ที่ใช้ทาผนัง ซึ่ง Elston อธิบายว่า

“ห้องนี้รับแสงแดดที่สะท้อนจากทะเลสาบมิชิแกนเข้ามาจ้ามาก จึงจำเป็นต้องทาผนังด้วยสีเข้มดูดซับเอาไว้ ที่สำคัญสีเรียบๆ ดูจะน่าเบื่อเกินไปสำหรับสามีภรรยาคู่นี้”

สำหรับลูกวัยซนทั้งสอง พวกเขาสนุกสนานกับการเล่นซน อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พอเหนื่อยล้าได้ที่ก็จะเข้ามาในห้องสันทนาการ แล้วนั่งแผ่พักเหนื่อยบนเก้าอี้นวมตัวมหึมาที่มีพนักพิงหลังมีปีกออกมาสองข้าง และตั้งขนาบเตาผิงทั้งสองด้าน

Elston เล่ารายละเอียดของเก้าอี้นวมสองตัวนี้ว่า

“ด้านนอกของเก้าอี้บุด้วยผ้าลายดอกสีชมพูเข้มสวยงาม ส่วนด้านในบุด้วยผ้าสักหลาดลายทางเพื่อความคงทน”

ห้องสันทนาการยังมีพรมสีม่วงผืนใหญ่ที่มีขนปุยยาวไว้เป็นที่เกลือกกลิ้งยอดนิยมของเด็กๆ อีกจุดหนึ่ง

Laura ยอมรับว่า เด็กเล็กๆ เล่นซ่อนหาบนพรมผืนนี้ได้สบายๆ “ตอน Elston เอาพรมมาให้ดู เราหัวเราะชอบใจพร้อมกับบอกว่า ‘วิเศษสุด’ คุณเกลือกกลิ้งบนพรมได้อย่างสบายๆ มันนุ่มเท้าอย่าบอกใครเชียว”

ที่เห็นว่าห้องเล่นเกมทาสีทองเมทัลลิกนั้น เหตุผลแท้จริงไม่ได้อยู่ที่ต้องการความวาวมันอะไรเลย Elston เฉลยความลับของเธอว่า

“สีทองนี่ถือเป็นสีใกล้เคียงสีเบจที่สุด แต่ไม่ใช่สีเบจแน่นอน อันที่จริงห้องนี้เป็นเหมือนห้องพักที่อยู่ระหว่างห้องสันทนาการอันสุดแสนจะมีชีวิตชีวากับพรมลายม้าลายในห้องทำงาน และห้องบิลเลียดที่มีผนังติดวอลล์เปเปอร์ลวดลายซับซ้อน”

เมื่อเข้ามาอยู่ในบรรยากาศของบ้านที่ทุกอณูมีแต่ความน่าสนุกตื่นเต้น คุณมีสิทธิคาดหมายว่า ห้องนอนใหญ่น่าจะให้ความรู้สึกสุขสงบอย่างนิกายเซน ถ้าอย่างนั้น คุณคิดผิดถนัด

Laura บอกอย่างภาคภูมิว่า

“เราไม่ได้คิดถึงความสงบอะไรทั้งสิ้น”

เพราะวอลล์เปเปอร์ลวดลายจีนแลดูมีชีวิตชีวาสะท้อนภาพวาดบรรพบุรุษจีนที่ประดับในห้องนั่งเล่นได้อย่างวิเศษ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะลูกสาวบุญธรรมคนเล็กวัย 8 ขวบของทั้งสองมีเชื้อสายจีนนั่นเอง “เราได้แต่ยิ้มเมื่อคิดถึงลูกสาวตัวน้อยคนนี้”

บ้านหลังนี้บรรลุเป้าหมายอย่างสมบูรณ์ เพราะสีสันที่พวกเขาบรรจงแต่งแต้มลงไปในทุกตารางนิ้วของบ้านโดยไม่ใส่ใจว่าใครจะคิดอย่างไรนั้น ได้สะท้อนความสุขอย่างแท้จริงและครบถ้วนของสมาชิกในครอบครัว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.